ตอนที่ 508 งานเลี้ยง ณ จวนเยี่ยน

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 508 งานเลี้ยง ณ จวนเยี่ยน

ยามเซิน หลังจากที่ฟู่เสี่ยวกวนเดินทางไปเยี่ยมญาติจนครบแล้ว เขาก็สามารถตัดสินใจได้แล้วว่าจะเดินทางไปร่วมมื้อค่ำที่จวนใด

เยี่ยนฮ่าวชูเป็นผู้ชนะจากการจับฉลาก ได้ยินมาว่าฝ่าบาททรงกริ้วเสียจนเคราปลิว จากนั้นจึงทรงเลือกคืนวันที่หนึ่ง ส่วนต่งคังผิงจึงทำได้เพียงรอค่ำวันที่สอง

เขาช่างเป็นบุตรเขยที่มีค่าเสียยิ่งกว่าทอง ฝ่าบาทต้องการสนทนาเรื่องนโยบายของแคว้นในอนาคต ส่วนต่งคังผิงอยากถามเรื่องฟู่เอ้อต้ายและเมื่อใดจะทำการเพาะปลูกมันเทศทั่วแคว้น ฝ่ายเยี่ยนฮ่าวชูมิมีสิ่งใดซับซ้อน เพียงอยากรู้แค่ว่าเหตุใดฟู่เสี่ยวกวนจึงมิกลับไปยังราชวงศ์อู๋เพื่อครองบัลลังก์กัน !

มิใช่จะกล่าวโทษบุตรเขยว่าไร้ความพยายาม เนื่องจากแท้จริงแล้วฟู่เสี่ยวกวนมิต้องพยายามอันใดเลย เพียงแค่ประหลาดใจและมิเข้าใจเท่านั้น เช่นเดียวกับฝ่าบาทและบิดาเยี่ยนเป่ยซีก็มิอาจเข้าใจได้เช่นกัน

ดังนั้น ในค่ำคืนนี้จึงอยากคลายปัญหากับบุตรเขยให้หายข้องใจเสียหน่อย

จวนเยี่ยนจะทำการต้อนรับใต้เท้าฟู่ แน่นอนว่าต้องเตรียมการให้เหมาะสม

เยี่ยนฉางชื่อ มารดาของเยี่ยนเสี่ยวโหลวนั้นยินดียิ่ง นางมิค่อยได้สนทนากับบุตรเขยผู้นี้สักเท่าใดนัก ส่วนเรื่องที่สามีของนางสงสัยว่าเหตุใดเขาถึงมิขึ้นเป็นจักรพรรดิราชวงศ์อู๋…

เป็นจักรพรรดิแล้วดีตรงไหนกัน ? การที่ผู้อื่นเรียกตนว่าจักรพรรดิมันดีจริง ๆ เยี่ยงนั้นหรือ ?

จากที่เยี่ยนฉางชื่อมองดู ลูกเขยในตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว ได้ใช้ชีวิตที่เมืองจินหลิง มิไกลจากบ้านฝั่งภรรยาเท่าใดนัก และบัดนี้ก็ยังมีตำแหน่งขุนนางระดับสามทั้งที่อายุยังไม่เต็ม 18 ปีดีด้วยซ้ำ ตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีในอนาคตจึงมิใช่เรื่องยาก

บุตรสาวของนางได้สมรสกับเขา ก็มิได้ตำแหน่งเป็นอนุแต่อย่างใด เนื่องจากสตรีทั้งสามคนได้รับเกียรติเท่าเทียมกัน บุตรสาวของนางเล่าให้ฟังบ่อย ๆ ว่าชีวิตหลังสมรสมีความสุขยิ่ง คงมีเพียงสิ่งเดียวที่รู้สึกมิพอใจก็คือเนิ่นนานถึงเพียงนี้แล้ว แต่ท้องของนางกลับยังไร้ความเคลื่อนไหวใด

ด้วยเหตุนี้ จึงร้องขอให้พ่อสามีไปหาหมอหลวงเพื่อขอยาบำรุงครรภ์มาสักหน่อย รอให้ผ่านพ้นปีนี้ไป นางจะต้มให้กับบุตรสาวดื่ม

หากบุตรสาวของนางคลอดบุตรให้แก่ฟู่เสี่ยวกวน ในอนาคต คาดว่าคงจะมีฐานะที่มั่นคงขึ้น แม้พ่อสามีของนางจะเป็นถึงอัครมหาเสนาบดี แต่เขาก็อายุมากแล้ว อีกมิกี่ปีก็จำต้องวางมือ ฝ่ายบุตรชายเยี่ยนซือเต้า มิรู้ว่าจะสามารถขึ้นเป็นอัครมหาเสนาบดีได้หรือไม่ ตระกูลเยี่ยนอันยิ่งใหญ่จึงต้องการคนมาประคองเอาไว้

เห็นได้ชัดว่าบุตรเขยของนางจะมิล้มลงมาโดยง่าย อนาคตของเขายังอีกยาวไกล และจะก้าวสูงขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ !

ดังนั้น เยี่ยนฉางชื่อจึงวุ่นวายอยู่กับการเตรียมงาน คอยดูแลบ่าวรับใช้ทำงานอย่างเคร่งครัด อีกทั้งยังคอยกำชับว่าต้องจัดวางสิ่งใดไว้ตรงไหนบ้าง

บัดนี้ ณ ห้องอักษร เยี่ยนเป่ยซีได้นั่งอยู่เบื้องหน้าโต๊ะน้ำชา ส่วนบุตรชายคนโต เยี่ยนซือเต้านั่งอยู่ด้านซ้ายมือ บุตรชายคนรองเยี่ยนชิวผิงนั่งอยู่ด้านขวา และบุตรคนที่สามนั่งอยู่ด้านล่าง ส่วนหลานชายคนโตเยี่ยนซีเหวินนั่งอยู่ตรงกันข้าม เยี่ยนหลินชิวบุตรชายคนโตของเยี่ยนชิวผิงนั่งอยู่ข้างเยี่ยนซีเหวิน

เยี่ยนชิวผิงได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นเต้าถายแห่งหวงเหอเป่ยเต้า ส่วนเยี่ยนหลินชิวได้เป็นนายอำเภอของซานซีเต้า หย่งหนิงโจวเขตชวูอี้

ตระกูลเยี่ยนยังมีบุรุษอีก 4 คน ล้วนเป็นข้าราชการทั้งสิ้น เพียงแต่มิได้มีตำแหน่งที่สูงมาก เป็นเพียงแค่นายอำเภอทั่วไป ในปีนี้ยังมิได้กลับมาเยี่ยมที่จวน

เยี่ยนซีเหวินทำหน้าที่ต้มชา เยี่ยนเป่ยซีเอ่ยขึ้นมาว่า “นับตั้งแต่ที่เสี่ยวโหลวตบแต่งกับฟู่เสี่ยวกวน นี่เป็นคราแรกที่จะเชิญเขามาร่วมงานเลี้ยง เจ้าหมอนี่มีนิสัยเป็นกันเอง ดังนั้น มิต้องจัดเตรียมสิ่งใดมาก ซีเหวินกับหลินชิวเคยพบเขามาก่อน ว่าไปแล้วเขตที่พวกเจ้ารับผิดชอบอยู่ก็ได้รับความช่วยเหลือมาจากฟู่เสี่ยวกวนมิน้อย ข้าอายุมากแล้ว มิสะดวกร่วมดื่มกับเขามากนัก เจ้าทั้งสองคนควรจะแสดงน้ำใจให้มาก”

“เขตที่ซีเหวินดูแลอยู่กำลังไปได้ดีเลยทีเดียว ฝ่าบาทจึงทรงตรัสว่าเจ้ามีความสามารถปกครองเขตได้ ข้าจึงอยากถามเจ้าว่า เจ้าอยากปกครองเขตหรือไม่ ? ”

เยี่ยนซีเหวินตกตะลึงขึ้นมาทันพลัน แล้วรีบส่ายหน้าเป็นการใหญ่ “ท่านปู่ ตอนนี้ยังมิได้”

“เพราะเหตุอันใดกัน ? ”

“บัดนี้ ท่าเรือที่เขตเหยาเพิ่งจะสร้างเสร็จ แต่อู่ต่อเรือกำลังจะสร้างขึ้น ช่างต่อเรือก็ได้จัดหาเอาไว้บ้างแล้ว โดยมากแล้วเป็นช่างไม้ที่มิได้ชำนาญในด้านของการสร้างเรือรบ”

เยี่ยนซีเหวินนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “อู่ต่อเรือนี้เป็นความคิดของฟู่เสี่ยวกวน มีขนาดใหญ่โตเป็นอย่างมาก ใหญ่กว่าอู่ต่อเรือใด ๆ ในฉางเจียงหลายเท่า เขากล่าวว่า เขาต้องการหาช่างไม้ที่สร้างเรือเป็นจากราชวงศ์อู๋ และจัดการให้แผนกวิจัยซีซานหาวิธีทำปืนใหญ่บนเรือขึ้นมา แต่บัดนี้ ยังมิได้กระจายข่าวออกไปก็เท่านั้น”

“การที่เขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก หลานคิดว่าเขาต้องวางแผนการใหญ่ไว้เป็นแน่ ดังนั้น หลานจึงอยากอยู่ที่เขตเหยาอีกสักสองสามปี เพื่อรอดูเรือรบเหล่านี้ถูกสร้างขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นหลานคงจะเติบโตมากขึ้นกว่านี้ แล้วค่อยขึ้นเป็นจือโจวยังมิสาย”

เรือรบเยี่ยงนั้นหรือ ?

เยี่ยนเป่ยซีและคนอื่นได้ยินดังนั้นก็ชะงักลงตาม ๆ กัน

จะเอาเรือรบมาทำอันใดกัน ?

ฉางเจียงจะทำสงครามทางน้ำเยี่ยงนั้นหรือ ?

เมื่อเห็นเยี่ยนเป่ยซีเเละคนอื่นเกิดความสงสัย เยี่ยนซีเหวินจึงอธิบายต่อ “ฟู่เสี่ยวกวนเขียนจดหมายมาถึงข้า กล่าวว่าทางออกของแม่น้ำฉางเจียงอยู่ที่ตงไห่ การทำเรือรบนี้ขึ้นมาก็เพื่อออกเดินทางในทะเล”

“ออกทะเลไปเพื่อสิ่งใดกัน ? ” เยี่ยนฮ่าวชูถามขึ้น

“เอ่อ…เรื่องนี้ข้าก็มิรู้เช่นกัน ข้าเพียงทำตามที่เขาบอก แน่นอนว่าต้องมีประโยชน์ยิ่ง เขาถึงได้ทุ่มทุนจำนวนมหาศาลถึงเพียงนี้”

ประโยคนี้ฟังดูสมเหตุสมผล เยี่ยนฮ่าวชูและคนอื่น ๆ จึงมิได้ซักถามต่อ เยี่ยนเป่ยซีก็มิได้กล่าวถึงความคิดที่จะให้เยี่ยนซีเหวินรับตำแหน่งจือโจวออกมาอีก

เหล่าสมาชิกในครอบครัวต่างสนทนากันไปมา โดยมากแล้วเยี่ยนซีเป่ยได้ทำการติชมการทำงานของพวกเขาในปีที่ผ่านมา ถือเป็นการเก็บเกี่ยวความรู้ของพวกเขายิ่ง

มินาน คนเฝ้าประตูก็ได้เคาะส่งสัญญาณ และกล่าวว่าฟู่เสี่ยวกวนกับภรรยาทั้งสามได้เดินทางมาถึงแล้ว

นอกเหนือจากเยี่ยนเป่ยซีแล้ว คนอื่น ๆ ก็ได้ลุกขึ้นไปต้อนรับ คุณชายผู้นี้มิใช่คนธรรมดา แม้แต่เยี่ยนซือเต้าเองก็ให้ความสำคัญกับเขายิ่ง เนื่องจากเขารู้ว่าเจ้าหมอนี่มีความสามารถเป็นอย่างมาก และรู้ว่าฝ่าบาททรงให้ความสำคัญต่อเขามากเพียงใด

ฟู่เสี่ยวกวนคารวะเยี่ยนซือเต้าและเยี่ยนฮ่าวชู จากนั้นจึงตกตะลึงขึ้นมาทันพลันที่เยี่ยนซีเหวินและเยี่ยนหลินชิวปรากฏตัวขึ้นมาที่นี่

ทว่าเขามิได้เอ่ยถามสิ่งใดออกไป เพียงแค่เดินตามเยี่ยนฮ่าวชูและคนอื่น ๆ ไปยังห้องอาหารเงียบ ๆ เท่านั้น

โต๊ะอาหารได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นเยี่ยนเป่ยซีก็ได้เดินเข้ามาพอดี

“เป็นงานเลี้ยงภายในครอบครัวเท่านั้น เชิญนั่งตามสบาย มา ๆ ๆ เสี่ยวกวนมานั่งข้างข้า”

เมื่อทุกคนนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เยี่ยนเป่ยซีจึงฉายยิ้มทั่วทั้งหน้า เขามิได้เอ่ยถึงเรื่องในอดีต “ได้ยินมาว่างานเลี้ยงในจวนฟู่ ล้วนเชิญพ่อครัวจากหอซื่อฟางมาทั้งสิ้น วันนี้ข้าจึงทำแบบเดียวกันกับเจ้า อาหารเหล่านี้ล้วนเป็นฝีมือของพ่อครัวหอซื่อฟางทั้งสิ้น คงจะถูกปากเจ้าพอควร ทุกคนอย่าได้เกรงใจไป ข้าเองก็หิวมากเเล้ว มา ๆ ๆ กินอาหารเลิศรสก่อนเถิดแล้วค่อยดื่มสุรากัน”

เดิมทีฟู่เสี่ยวกวนยังคงกังวลว่าชายชราผู้นี้จะใช้โอกาสนี้เทศนาตนหรือไม่ คาดมิถึงว่าอีกฝ่ายจะคิดได้เสียที เขาเดินทางมาตลอดทั้งวัน มื้อกลางวันก็กินอาหารไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น บัดนี้จึงหิวเป็นอย่างมาก จนมิได้เกรงใจและหยิบตะเกียบขึ้นมาเพื่อลงมือกินทันที

เพิ่งกินไปได้เพียงเล็กน้อย เยี่ยนซีเหวินก็ลุกขึ้นมาเปิดสุราเทียนฉุนแล้วเดินมาข้าง ๆ ฟู่เสี่ยวกวน

“ข้าจะมิกล่าวอันใดให้มากความ คืนนี้มิเมามิกลับ ! ”

เยี่ยนเสี่ยวโหลวจ้องหน้าคนเอ่ย แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะขึ้นมา “ข้าลืมไปว่าเจ้ามีครอบครัวแล้ว เสี่ยวโหลวของพวกเราคุมเจ้าอยู่หมัดเลยเยี่ยงนั้นหรือ ? ”