ส่วนที่ 5 ตอนที่ 20-2 สู่ขอต่อหน้า

จารใจรัก [ส่วนที่ 5]

เวลานี้ หลูเสวี่ยอิ๋งกับเซี่ยอีก็เดินใกล้เข้ามา ทำความเคารพฮูหยินและคุณหนูทุกท่านพร้อมกัน

 

 

           “อรุณสวัสดิ์ฮูหยินทุกท่าน อรุณสวัสดิ์ท่านพี่ทุกคน” เซี่ยอีทักทายด้วยน้ำเสียงร่าเริง

 

 

           “ฮูหยินหมิงมีวาสนามาก ไม่ต้องมากพิธีหรอก” ฮูหยินท่านหนึ่งยิ้มพลางโบกมือปราม

 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องกำลังจะเอ่ยชมเซี่ยอีอีกสองประโยค พลันตวัดตามองเห็นฉินห้าวกับฉินชิงเดินตามหลังมา ฉินชิงก้มหน้าต่ำ เดินข้างกายฉินห้าวด้วยท่าทางเหงาหงอย นางจึงกล่าวติดตลก “วันนี้เด็กคนนี้เป็นอะไรไป ไฉนถึงได้ดูเหงาหงอยนัก”

 

 

           ไม่มีผู้ใดตอบ

 

 

           ฮูหยินหมิงมองเซี่ยอีแวบหนึ่ง พบว่านางปล่อยแขนหลูเสวี่ยอิ๋งแล้ว แต่หันไปควงแขนเซี่ยฟางหวาแทน รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงเจิดจ้า ทว่ามือด้านล่างแอบดึงแขนเสื้อเซี่ยฟางหวา ราวกับอยากคุยกับนางโดยไม่สนใจคนอื่น นางละสายตากลับมา มองไปยังฉินชิงกับฉินห้าว

 

 

           เซี่ยฟางหวาสัมผัสได้ว่าเซี่ยอีดึงแขนเสื้อตนค่อนข้างแน่น แม้อีกฝ่ายกำลังยิ้ม แต่ราวกับปิดบังความว้าวุ่นในใจไว้ ลมหายใจแฝงด้วยความโกรธเคืองอยู่บ้าง นางลอบเดาว่าหลังจากที่ฉินชิงมาถึงจวนอิงชินอ๋องแล้ว น่าจะอยากไปหาเซี่ยอี ฟังว่าหลูเสวี่ยอิ๋งพานางไปที่สวนจื่อจิง คงรบเร้าให้ฉินห้าวพาเขาไปบ้าง ดูท่าทางเขาคงพูดบางสิ่งกับเซี่ยอีไปแล้ว นางบีบมือเซี่ยอีแผ่วเบาเป็นการปลอบใจ มิได้เอ่ยคำใด

 

 

           เซี่ยอีดึงแขนเสื้อเซี่ยฟางหวาอีกหน ใช้น้ำเสียงเขินอายที่มีเพียงคนอยู่ใกล้ที่สุดเท่านั้นได้ยินกระซิบขึ้น “พี่ฟางหวา ข้าอยากไปปัสสาวะ เมื่อครู่มัวแต่ชมดอกไม้ เจ้าพาข้าไปห้องน้ำหน่อยได้หรือไม่”

 

 

           “เด็กคนนี้ ให้สาวใช้พาเจ้าไปก็ได้ เจ้าจะลากฟางหวาไปทำไม” ฮูหยินหมิงหันกลับมาตำหนิเซี่ยอีเสียงเบาประโยคหนึ่ง “ฟางหวายังต้องรับแขก”

 

 

           “ไม่เป็นไร มีแต่พี่น้องคนกันเองทั้งนั้น มิต้องต้อนรับหรอก ข้ารู้ว่าน้องอีจากตระกูลเซี่ยคนนี้ติดพี่ฟางหวาของนางที่สุด รีบพานางไปเถอะ” เยี่ยนหลานยิ้มกล่าวขึ้นทันใด ดันเซี่ยฟางหวาออกไป หยอกล้อว่า “เผื่อว่านางจะเข้าห้องน้ำผิด”

 

 

           เซี่ยอีหน้าแดง “พี่เยี่ยนล้อข้า” แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ยังคงลากเซี่ยฟางหวาออกไป

 

 

           เซี่ยฟางหวารู้ว่าเซี่ยอีคงมีเรื่องจะคุยกับตน ต่อหน้าคนเยอะแยะยามนี้คงไม่สะดวกใจนัก นางจึงพยักหน้า ยิ้มพลางพาเซี่ยอีออกจากศาลาริมน้ำ

 

 

           สวนทางกับฉินชิงกับฉินห้าวที่เดินมาพอดี เซี่ยฟางหวาทำความเคารพฉินห้าว “พี่ใหญ่”

 

 

           ฉินห้าวก้าวหนีทันใด เลี่ยงการเคารพของนาง มิได้พบกันหลายวัน อากัปกิริยาเดิมเปลี่ยนไปเป็นสุภาพเรียบร้อย ทำความเคารพตอบอย่างมีมารยาทและเกรงใจอย่างยิ่ง “น้องสะใภ้ไม่ต้องมากพิธี”

 

 

           เซี่ยฟางหวาพินิจมองฉินห้าวแวบหนึ่ง ท่าทีเหลวไหลบนใบหน้าจางหายไปแล้ว ดูท่าคงปรับปรุงตัวในทางที่ดีมากขึ้นแล้วจริงๆ นางแย้มยิ้มกว้าง “ฉินเจิงไม่อยู่ แขกบุรุษที่มาวันนี้ต้องรบกวนพี่ใหญ่ต้อนรับแล้ว”

 

 

           “น้องสะใภ้เกรงใจแล้ว เป็นครอบครัวเดียวกัน น้องรองไม่อยู่ ข้าก็จะดูแลให้รอบด้าน” ฉินห้าวกล่าว

 

 

           เซี่ยฟางหวาพยักหน้า

 

 

           ฉินห้าวเดินไปหาพวกพระชายาอิงชินอ๋อง

 

 

           ฉินชิงหยุดเท้ายืนนิ่ง ตวัดตามองเซี่ยอี อ้าปากกำลังจะเอ่ยคำ เซี่ยอีพลันเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ข้าบอกเจ้า วันนี้หากเจ้ากล้าพูดจาเหลวไหลที่นี่แม้สักครึ่งประโยค ข้าจะไม่ให้อภัยเจ้าเป็นแน่”

 

 

           สีหน้าฉินชิงเปลี่ยนไป

 

 

           เซี่ยอีดึงเซี่ยฟางหวาเดินออกไป

 

 

           ฉินชิงหันกลับมา พบว่าทั้งสองเดินออกไปได้ระยะหนึ่งแล้ว เขากัดฟันก่อนตะโกนขึ้น “พี่ฟางหวา”

 

 

           เซี่ยฟางหวามองเซี่ยอีแวบหนึ่ง พบว่าดวงหน้าเล็กขึงตึง นางละสายตากลับมามองไปยังฉินชิง

 

 

           ฉินชิงกัดริมฝีปาก ใบหน้าเผยความอ้อนวอน

 

 

           เซี่ยฟางหวาถอนหายใจ หันหน้ากลับแล้วเดินเลี้ยวไปยังระเบียงกับเซี่ยอี

 

 

           ฉินชิงมองทั้งสองเดินหายไปจนไม่เห็นเงา เขาก้มหน้าลง ยืนนิ่งกับที่โดยไม่ขยับไปไหน

 

 

           ฉินห้าวเดินไปได้หลายก้าว เห็นว่าฉินชิงมิได้ตามมา เขาคิดจะเดินย้อนกลับไปหา ทว่าเห็นเหล่าฮูหยินล้วนกำลังมองมาจึงลังเลครู่หนึ่ง ก่อนเดินไปหาเหล่าฮูหยินต่อ มาถึงแล้วก็ทำความเคารพฮูหยินทุกท่าน

 

 

           “ชิงเอ๋อร์ไปอะไรไป” พระชายาอิงชินอ๋องโบกมือปราม ก่อนถามฉินห้าว

 

 

           ฉินห้าวตวัดตามองหลูเสวี่ยอิ๋ง

 

 

           หลูเสวี่ยอิ๋งส่ายหน้าให้เขาเล็กน้อย

 

 

           “เขาได้จิ้งหรีดมาคู่หนึ่ง ชื่นชอบอย่างยิ่ง วันนี้จึงนำมาที่นี่ด้วย แต่เมื่อครู่เพิ่งถูกเยี่ยนถิงแย่งไป จึงอารมณ์ไม่ดีแล้ว” ฉินห้าวตอบทันที

 

 

           “ท่านพี่ก็มาแล้วหรือ” เยี่ยนหลานมองฉินห้าว “ไฉนถึงไม่เห็นเขา เขาไปไหนแล้ว”

 

 

           “หลังจากแย่งจิ้งหรีดของฉินชิงไปก็ไม่เห็นแล้ว ไม่รู้หายไปไหน ฉินชิงหาเขาไม่เจอก็เลยโกรธ” ฉินห้าวส่ายหน้า

 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา “โตกันหมดแล้วยังเล่นจิ้งหรีดอีก นึกไม่ถึงว่ายังจะมีคนแย่งไปอีกด้วย”

 

 

           “จิ้งหรีดของเขาต้องพิเศษแน่ จิ้งหรีดทั่วไปพี่ชายข้าคงไม่สนใจ อย่าว่าแต่จะแย่งเลย” เยี่ยนหลานกล่าว

 

 

           ฉินห้าวพยักหน้า

 

 

           สิ้นเสียงก็กวักมือเรียกฉินชิง “ชิงเอ๋อร์ มานี่”

 

 

           ฉินชิงได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้น รีบควบคุมสีหน้า แล้วเดินเข้ามาหา

 

 

           เขาเดินเข้ามาใกล้ แล้วทำความเคารพเหล่าฮูหยินทุกท่าน

 

 

           “ไฉนไท่เฟยถึงไม่มาด้วย” พระชายาอิงชินอ๋องยิ้มถาม

 

 

           “ไท่เฟยบอกว่านางแก่แล้ว ร่วมความสนุกสนานไม่ไหว” ฉินชิงตอบ

 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องยิ้มขำ “ไท่เฟยไหนเลยจะแก่แล้ว” พูดจบก็เอ่ยถามเขา “ฉินห้าวบอกว่าจิ้งหรีดของเจ้าถูกเยี่ยนถิงแย่งไปหรือ”

 

 

           ฉินชิงมองฉินห้าวแวบหนึ่ง ก่อนพยักหน้าตอบ

 

 

           “ประเดี๋ยวป้าจะช่วยเอากลับมาให้เจ้า อย่าเศร้าเลย” พระชายาอิงชินอ๋องมองใบหน้าอมทุกข์ของเขา ยิ้มพลางลูบศีรษะปลอบ

 

 

           ฉินชิงหน้าแดง ลังเลครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็รวบรวมความกล้า เงยหน้าขึ้นมองพระชายาอิงชินอ๋อง กล่าวด้วยความจริงจัง “ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ ท่านต้องช่วยนำกลับมาให้ข้า จิ้งหรีดคู่นั้นข้านำมาเพื่อเตรียมสู่ขอ”

 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องชะงักไป

 

 

           ฮูหยินทุกท่านก็ชะงักตาม ล้วนมองไปยังฉินชิง

 

 

           ใบหน้าฉินชิงแดงมากยิ่งขึ้นหลังพูดประโยคนี้จบ ถอยหลังก้าวหนึ่ง แต่ยังคงมิได้หนีสายตาของทุกคน

 

 

           หลังพระชายาอิงชินอ๋องหายตกใจแล้วก็อดยิ้มออกมามิได้ “เจ้านำจิ้งหรีดมาสู่ขอ ไอ้หยา ไหนรีบบอกป้ามาสิ เจ้าถูกใจแม่นางตระกูลใดเข้า”

 

 

           ฉินชิงกัดริมฝีปาก ไม่เอ่ยคำใด

 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องขยับเข้าใกล้เขา “ยังอายอยู่หรือ ข้าได้ยินว่าช่วงนี้ไท่เฟยคัดเลือกสตรีให้เจ้าตลอดมา แต่เจ้าล้วนไม่ถูกใจ ที่แท้ก็มีแม่นางที่ชอบอยู่ในใจแล้วนี่เอง” หยุดชั่วครู่แล้วกล่าวต่อ “ในบรรดาแม่นางที่มากันวันนี้ แต่ละคนล้วนดุจบุปผาดั่งหยก ถามหาพรสวรรค์ก็มีให้ ถามหารูปลักษณ์ก็เพียบพร้อม ล้วนโดดเด่นอย่างยิ่ง ไม่มีที่ติเลยสักคน เจ้าบอกมาสิว่าคนใด เหล่าฮูหยินอยู่ที่นี่แล้ว ไม่แน่อาจตกปากรับคำเจ้า”

 

 

           ฉินชิงมองพระชายาอิงชินอ๋องอีกหน ไม่เอ่ยคำใด

 

 

           เหล่าฮูหยินล้วนมองเขาเป็นตาเดียว ภายในใจทั้งนึกขำทั้งคาดเดา คิดว่าองค์ชายแปดท่านนี้ถูกใจ

 

 

แม่นางตระกูลใดเข้า

 

 

           “ถ้าเจ้าพูดออกมา ป้าจะได้ช่วยพูดขอร้องให้เจ้า หากเจ้าไม่บอก พวกเราก็จะไปชมดอกไม้ต่อ ส่วนจิ้งหรีดข้าก็ไม่ช่วยทวงคืนจากเยี่ยนถิงให้แล้ว” พระชายาอิงชินอ๋องยิ้มหยอกล้อฉินชิง

 

 

           ฉินชิงเอ่ยขึ้นทันใด “ข้าอยาก…” พูดจบก็มองไปยังฮูหยินหมิง เอ่ยด้วยความมั่นใจ “ข้าอยากสู่ขอคุณหนูรองเซี่ยอีกับฮูหยินหมิง”

 

 

           ทุกคนมึนงง ส่วนคนในที่รู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเรือนหกกับหลินไท่เฟยเป็นแม่สื่อให้เซี่ยซีนั้นล้วนลอบถอนหายใจขึ้นมาทันที

 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องราวกับทราบอยู่แล้ว ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างมิได้แปลกใจเท่าไรนัก “ที่แท้เป็นเซี่ยอีนั่นเอง เจ้ามีสายตาเฉียบแหลมนัก” พูดจบ นางก็มองฮูหยินหมิง ยิ้มกล่าวว่า “เมื่อครู่ข้าชมเซี่ยอี เจ้ายังบอกว่าหน้าแดง ตอนนี้เป็นเช่นไร มีคนมาสู่ขอถึงที่แล้ว”

 

 

           ฮูหยินหมิงเพิ่งจะรู้สึกว่าเซี่ยอีลากหลูเสวี่ยอิ๋งไปชมดอกจื่อจิงที่สวนจื่อจิงเพื่อเปิดโอกาสให้นางกับเซี่ยฟางหวาหารือกัน ไฉนถึงได้ประจวบเหมาะกับฉินชิงก็ไปชมดอกจื่อจิงด้วยเช่นกัน เขาเข้าออกจวนอิงชินอ๋องตั้งกี่ครั้งแล้ว มีหรือไม่เคยเห็นดอกจื่อจิงมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ตอนเซี่ยอีกลับมาเมื่อครู่ก็มีสีหน้าผิดปกติไป นางยังนึกแปลกใจ ไม่คิดเลยว่าจะ…

 

 

           นางไม่รู้ว่าควรตอบพระชายาอิงชินอ๋องอย่างไรชั่วขณะ

 

 

           ในบ้านยังมีเซี่ยซีที่ชอบฉินชิงจนเก็บตัวเงียบขึ้นทุกวัน ตั้งแต่ทราบว่าเขาปฏิเสธก็ผอมจนไม่เหมือนคน

 

 

           ยามนี้นึกไม่ถึงว่าเขาจะชอบเซี่ยอีผู้เป็นน้องสาว

 

 

           นี่จะให้นางผู้เป็นมารดาตอบอย่างไร

 

 

           หลายปีที่ผ่านมาองค์ชายแปดไม่เคยไปมาหาสู่กับเซี่ยซี สภาพเซี่ยซีในตอนนี้ก็มิอาจโทษเขาได้เช่นกัน ทว่าไฉนเขาชอบใครไม่ชอบ สู่ขอใครไม่สู่ขอ นึกไม่ถึงว่าดันมาสู่ขอเซี่ยอี

 

 

           อีกทั้งยังนำจิ้งหรีดคู่หนึ่งมาสู่ขอ หาได้ยากนับแต่โบราณกาลมา