บทที่ 153 ลืมเพื่อนๆ

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 153
ลืมเพื่อนๆ

วันนี้ฮวงเสี่ยวเฟิงมีปัญหาตลอดเลย แต่โชคดีที่ มู่หรงเสวี่ยก็อยู่ช่วยตลอด คนพวกนั้นเลยไม่กล้าที่จะเข้ามาแกล้งเพราะในค่ายฝึกไม่อนุญาตให้มีเรื่องตบตีและกลั่นแกล้งกัน

เรื่องที่ทำให้มู่หรงเสวี่ยเป็นห่วงที่สุดคือน้องสี่ไม่พูดกับครูฝึกโม่เลยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ท่าทางของครูฝึกโม่ก็เย็นชาขึ้นเรื่อยๆและการฝึกก็ยากขึ้นเรื่อยๆตามไปด้วยจนไม่มีใครกล้าที่จะบ่นอีกแล้ว

ถ้าน้องสี่ปล่อยวางได้จริงๆเธอก็โล่งใจแต่รอยยิ้มของน้องสี่น้อยลงทุกวันๆและถึงขนาดที่ไม่อยากจะพูดอะไรอีกแล้ว มู่หรงเสวี่ยและพี่ใหญ่ต่างก็เป็นห่วงเรื่องนี้

วันก่อนหลังจากที่กินข้าวกลางวันเสร็จน้องสี่บอกว่าไม่ค่อยสบายเลยขอกลับไปที่หอก่อน มู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆต่างก็มองหน้ากันด้วยสายตาเป็นห่วง หลังจากนั้นมู่หรงเสวี่ยก็บอกให้ฮวงเสี่ยวเฟิงกลับไปที่หอก่อน เธอกับพี่ใหญ่เดินไปหาที่เงียบๆเพื่อที่จะคุยเรื่องน้องสี่กัน

“เธอมีวิธีดีๆที่จะจัดการเรื่องน้องสี่บ้างไหม?” พี่ใหญ่ถามก่อน

มู่หรงเสวี่ยขมวดคิ้ว “ปัญหาอยู่ที่ครูฝึกโม่ ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าน้องสี่จะอายตอนที่เห็นภาพที่ครูฝึกโม่จูบกับผู้หญิงคนอื่น ต่อมาน้องสี่อยากที่จะเป็นเพื่อนกับครูฝึกโม่แต่เขากลับปฏิเสธ…สถานการณ์มันไม่เกี่ยวกับน้องสี่แล้ว ปัญหาสำคัญมันอยู่ที่เขา พูดตามตรงนะฉันไม่รู้เลยจริงๆว่าเขากำลังคิดอะไร เห็นอยู่ชัดๆว่าเขาเป็นห่วงน้องสี่แต่ทำไมถึงต้องทำร้ายน้องสี่อีก…”

“ครูฝึกโม่เป็นห่วงน้องสี่งั้นเหรอ? เธอรู้เรื่องนั้นได้ยังไง?” พี่สามถามอย่างสงสัย หลายวันที่ผ่านมาเขาเห็นแต่สีหน้าเย็นชาของครูฝึกโม่ เขาไม่เห็นเลยว่าเขาจะเป็นห่วงน้องสี่ตรงไหน

“จำวันนั้นได้ไหมที่ครูฝึกโม่เรียกฉันไปคุยกันสองคน? ในตอนนั้นเขาสนใจเรื่องสถานการณ์ของน้องสี่มากเลยนะ ฉันคิดว่าเขาน่าจะเป็นห่วงน้องสี่…” มู่หรงเสวี่ยพูด

“ฮ่ะ?”
มู่หรงเสวี่ยหยักไหล่อย่างขอโทษ “นายเองก็เห็นท่าทางของน้องสี่ ฉันกลัวว่าถ้าฉันพูดกับน้องสี่ไปแล้วเธอจะไม่ไหว ก็เลยไม่ได้รีบพูดออกไปดีไหม?”

หลังจากที่เงียบไปนาน เขาก็พูดออกมาว่า “บางทีเราน่าจะเริ่มจากครูฝึกโม่ก่อน…”

คนที่เหลือที่อยู่รอบๆ ดวงตาเป็นประกายอยู่สักพักแล้วเสียงหนึ่งก็ดังถามขึ้นมา “จะเริ่มจะยังไงดี?”

“จะเริ่มยังไงดี? ฉันก็ไม่รู้ เธออยากที่จะ…”
“บ้าเอ๊ย นายไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงเหรอ?” น้องห้าตบไปที่หลัง

“ฉันคิดว่า ครูฝึกโม่มีเจตนายังไง? มาลองสืบให้รู้กันก่อนดีกว่าไหม?” พี่สามหัวเราะ

“เอาวิธีนี้!” พี่ใหญ่พูด
“สำหรับผู้ชายมีเพียงช่วยวิกฤตเท่านั้นแหละที่จะเสียมาดได้ เราต้องหาคนอื่นให้มาจีบน้องสี่ต่อหน้าครูฝึกโม่ ถ้าเขาชอบน้องสี่จริง เขาก็คงจะทนไม่ได้นานหรอก แต่ถ้าเขาไม่ได้ชอบน้องสี่จริงๆ ตอนเช้าเราก็ค่อยบอกให้น้องสี่ทำใจ ไม่งั้นเราก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเราลากน้องสี่มายุ่งกับเรื่องนี้ด้วย?” พี่สามพูด

มู่หรงเสวี่ยคิดอยู่สักพักแล้วก็พูดออกมาอย่างเห็นด้วย “ฉันคิดว่ามันก็โอเคนะ แล้วเราจะหาใครมาทำเรื่องนี้ดีล่ะ?” มู่หรงเสวี่ยมองไปที่พี่สาม

พี่ใหญ่ก็จริงจังกับเรื่องการทำให้ผู้หญิงพอใจมากเกินไป พี่สองก็เงียบเกินไปและไม่ค่อยจะตื่นตัวเท่าไร เหลือเพียงพี่สามเท่านั้น ทุกคนในกลุ่มต่างก็จ้องไปที่เขาคนเดียว

“ทำไมทุกคนต้องมองฉันแบบนั้นด้วยล่ะ…” พี่สามกลัวจนต้องถอยหลังไปสองก้าว
สุดท้ายเมื่อพี่สามเถียงสู้ไม่ได้ เขาก็ตัดสินใจยอมที่จะเป็นตัวแทนในครั้งนี้เอง แน่นอนเขาต้องไม่บอกเรื่องนี้กับน้องสี่ เพราะน้องสี่แคร์ครูฝึกโม่มากเกินไป ถ้าเขาบอกเรื่องนี้กับเธอก็อาจจะร่วมมือด้วยหรืออาจจะไม่เห็นด้วยก็ได้

หลังจากนั้น พี่สามก็หาโอกาสเพื่อที่จะได้แสดงความอ่อนโยนต่อน้องสี่ตลอด เช่นการเตรียมน้ำให้น้องสี่, นวดไหล่ให้น้องสี่ตลอดเวลาที่เธอนั่งพัก, ช่วยคุยเรื่องมุกตลกและเอากระดาษทิชชูมาช่วยซับเหงือให้น้องสี่ น้องสี่ถามเขาตลอดว่าเขากินยาผิดมาหรือเปล่า พี่สามเพียงแค่พูดพร้อมรอยยิ้มจางๆว่าพวกเขาตกลงที่จะทำให้เธอสดชื่นขึ้น ดังนั้นเขาจึงคอยดูแลเธอในช่วงการฝึกทหาร

เดิมทีพวกเขาก็เข้ากันได้อย่างดีอยู่แล้วและน้องสี่เองก็รู้ว่าพวกเขาเป็นห่วงเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้คิดอะไรมาก ต้องขอบคุณพี่สามที่คอยเข้ามาดูแลเธอ ในที่สุดน้องสี่ก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาเล็กน้อย อย่างน้อยเธอก็ได้ยิ้มกับพวกเขาบ้างเป็นครั้งคราว

อย่างไรก็ตาม สีหน้าของครูฝึกโม่เริ่มที่จะเข้มขึ้นเรื่อยๆและก็ดูเหมือนว่าอารมณ์ของเขาจะแย่ลงเรื่อยๆ ไม่ว่าพวกเหล่านักศึกษาจะหอบหายใจกันอย่างหนักแค่ไหนแต่เขาก็ไม่เบามือให้เลย โดยเฉพาะพี่สาม ครูฝึกก็หาเหตุผลที่จะลงโทษเขาตลอด ในตอนนี้เมื่อพวกเขากำลังนั่งพักพี่สามก็ยิ่งตัวติดกับน้องสี่มากขึ้นไปอีก

ส่วนคนที่มีความสุขที่สุดก็คือพวกคนที่เฝ้าดูเหตุการณ์พวกนี้ ท่าทางของครูฝึกโม่ตอนนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหึงอย่างมาก พวกเขากำลังทำท่าราวกับว่ารู้ใจกันดีแล้วนี่ก็ยิ่งทำให้พี่สามดูร้อนแรงมากขึ้นไปอีก แม้แต่ตอนที่พวกเขากำลังพักกันอยู่ ต่อหน้าครูฝึกโม่แต่พี่สามก็ยังฝากรอยจูบไว้ที่หน้าของน้องสี่ด้วย

อันที่จริงพวกเขาต่างก็เป็นพี่น้องกัน น้องสี่และพวกเขาเองจึงไม่ได้เข้าใจผิดกับเรื่องจูบนี้ น้องสี่เองก็เห็นเป็นเรื่องตลก

คืนนั้น ครูฝึกมาที่หอพักของมู่หรงเสวี่ย เข้ามามองน้องสี่เพียงด้านข้างและพูดออกมา “เธอ ออกมาข้างนอกกันฉัน!”

อย่างไรก็ตาม น้องสี่พูดเสียงเบา “ฉันไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดตรงไหน ถึงได้ต้องให้ครูฝึกโม่มาเรียกออกไปฝึกตอนนี้?” ร่างที่นั่งอยู่บนเตียงไม่ขยับ
มู่หรงเสวี่ยแอบรู้สึกมีความสุขอยู่ในใจ ดูเหมือนว่าครูฝึกโม่จะชอบน้องสี่จริงๆ จนในที่สุดตอนนี้ก็ทนไม่ไหว แต่เมื่อเธอมองไปที่น้องสี่ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอไม่อยากที่จะสนใจเขาเลย หรือว่าน้องสี่จะหัวใจสลายจนไม่อยากที่จะสนใจครูฝึกอีกแล้ว

คนอื่นที่อยู่ในหอต่างก็จ้องไปที่พวกเขาทั้งคู่ แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรแต่สายตาก็เต็มไปด้วยเรื่องซุบซิบนินทา

ครูฝึกโม่ขมวดคิ้วแล้วก็เข้าไปดึงมือน้องสี่และเดินออกไป มู่หรงเสวี่ยอยากที่จะตามพวกเขาไปแต่เธอก็คิดว่าครูฝึกโม่คงไม่ทำร้ายน้องสี่หรอก อีกอย่างพวกเขาน่าจะมีเรื่องที่ต้องคุยกันเยอะคงไม่ดีเท่าไรถ้าเธอจะตามไปด้วย

ในตอนนี้ฮวงเสี่ยวเฟิงเดินเข้ามาและกระซิบกับ มู่หรงเสวี่ย “เสี่ยวเสวี่ย ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าครูฝึกโม่กับตันเสี่ยวหยี่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากันนะ?”

ตันเสี่ยวหยี่เป็นชื่อจริงของน้องสี่ ปกติแล้วมู่หรงเสวี่ยจะเรียกเธอว่าน้องสี่แต่คนที่ไม่สนิทจะเรียกชื่อจริงของเธอ

“ไม่หรอก อย่าพูดไร้สาระเลย ครูฝึกแค่อยากจะเจอเธอเฉยๆ” มันคงไม่ดีถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปให้คนนอกรู้

ฮวงเสี่ยวเฟิงก้มหัวเล็กน้อยแล้วพูดออกมาเสียงเบา “ความสัมพันธ์ระหว่างเสี่ยวเสวี่ยกับตันเสี่ยวหยี่นี่สนิทกันมากเลยเนอะ”

มู่หรงเสวี่ยหัวเราะ “แน่นอน เราสนิทกัน”
“แล้วฉันล่ะ? เป็นเพื่อนของเสี่ยวเสวี่ยด้วยเหมือนกันหรือเปล่า?” ฮวงเสี่ยวเฟิงพูด

“เราก็เป็นเพื่อนกันไง เธอไม่คิดงั้นเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถาม
“เป็นแค่เพื่อน ไม่ใช่เพื่อนสนิทใช่ไหม?!” ฮวงเสี่ยวเฟิงไม่ค่อยพอใจเท่าไร

“รีบอาบน้ำแล้วไปนอนกันเถอะ” มู่หรงเสวี่ยพูดระหว่างที่กำลังเปลี่ยนชุดเครื่องแบบ

“…”
คืนนั้นน้องสี่ไม่ได้กลับมา มู่หรงเสวี่ยอยากที่จะออกไปดูหลายครั้งและก็นอนไม่หลับแทบจะตลอดคืน ในที่สุดก็รุ่งสาง เธอรีบล้างหน้าและวิ่งออกไปที่สนามฝึก แม้แต่ฮวงเสี่ยวเฟิงที่มักจะเดินออกมาพร้อมกัน เธอก็ไม่ได้รอแต่เพียงแค่กล่าวทักทาย

ทันทีที่เธอเห็นร่างของครูฝึกโม่ที่สนามฝึก เธอก็รู้สึกโล่งอกและมองไปที่รอยยิ้มงี่เง่าของน้องสี่ เดาว่าเธอคงจะจัดการครูฝึกโม่เรียบร้อยแล้ว พูดง่ายๆคือน้องสี่มีความสุข เธอไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นแต่เมื่อดูจากท่าทางแล้วมันน่าจะเป็นเรื่องที่ดี

มู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆในกลุ่มต่างก็ส่งสายตาแบบรู้กันแล้วก็ลุกขึ้นยืน

วันนี้ พวกเขารู้สึกว่าการฝึกของครูฝึกโม่ค่อนข้างที่จะเบาซึ่งมันก็เบาจริงๆ เมื่อเทียบกับช่วงหลายวันก่อนหน้านี้ นี่มันต่างกันราวฟ้ากับเหวเลย ทำให้พวกเหล่านักศึกษาต่างก็มีความสุขกันอย่างพูดไม่ออกและรู้สึกราวกับนี่เป็นความฝัน

ในระหว่างที่พัก ก็จะได้ยินเสียงกระซิบของเหล่านักศึกษาที่นั่งอยู่รอบๆด้วย
“วันนี้ครูฝึกโม่กินยาผิดมากหรือไง?”
“หวังว่าในอีกสองสามวันข้างหน้าที่เหลือเขาก็จะกินยาผิดแบบนี้มาอีกนะ!”

“หรืออาจจะเป็นเพราะเขาสำนึกได้ว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมาทำรุนแรงเกินไปก็เลยเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหันก็ได้…”

“โอ้ พระเจ้า ครูฝึกโม่ที่อ่อนโยนนี่ช่างหล่อเหลาจริงๆ อ่า!”

“เธอบ้าไปแล้ว!!! แต่ก็หล่อจริงๆนั่นแหละ”
“…”
ไม่ว่าเขาจะหล่อแค่ไหนก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเธอหรอก คนเขามีเจ้าของแล้ว ไม่เห็นกันหรือไงว่าสายตาที่ครูฝึกโม่มองน้องสี่นั่นดูหลงใหลมากแค่ไหน? มู่หรงเสวี่ยรู้สึกว่าเขาดูน่าขนลุกมากเลย

แต่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มมีความสุขของน้องสี่มันก็คุ้มค่า
หลังจากนั้นน้องสี่ก็ทิ้งเพื่อนๆเลย แม้แต่กินก็ยังไปนั่งกินข้าวกับครูฝึกโม่ หลังจากฝึกเสร็จเธอก็ไม่มาคุยกับพวกเขา มู่หรงเสวี่ยมีสีหน้ากังวลเล็กน้อย เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอลืมเพื่อนๆไปเลย

ฮวงเสี่ยวเฟิงเองก็มองไปที่น้องสี่และครูฝึกโม่ตลอด เธอไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่?! มู่หรงเสวี่ยเห็นและถามออกไป “มองอะไรเหรอเสี่ยวเฟิง?”

“เปล่านิ! ฉันคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างครูฝึกกับตันเสี่ยวหยี่ดูสนิทกันมากเลย เลยรู้สึกอิจฉานิดหน่อย…” ฮวงเสี่ยวเฟิงพูดด้วยเสียงต่ำๆ

มู่หรงเสวี่ยยิ้ม เป็นเพราะความรู้สึกพิเศษที่ครูฝึกโม่มีให้ต่อน้องสี่น่ะสิ “จะอิจฉาทำไม? เดี๋ยวในอนาคต เสี่ยวเฟิงก็มีคนดีๆมาคอยดูแลด้วยเหมือนกัน…”

ฮวงเสี่ยวเฟิงยิ้มอย่างเขินๆ “ฉันเป็นธรรมดาเกินกว่าที่จะมีคนมาชอบ…” น้ำเสียงฟังดูเปล่าเปลี่ยว

“เสี่ยงเฟิงไม่ใช่คนธรรมดานะ ฉันชอบเธอมากเลยนะ” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้มจนบางครั้งเสี่ยวเฟิงก็รู้สึกเขินเล็กๆ แต่เธอมีนิสัยที่อ่อนโยนและระวังอย่างมากซึ่งเป็นข้อดีของ ฮวงเสี่ยวเฟิง