ตอนที่ 1672 เคยเห็นมาก่อน (4)
ถึงจะเรียกว่าเป็นงานเลี้ยงวันเกิดแต่มันก็คืองานที่สิบสองวิหารอวดความแข็งแกร่งของตน เป็นการจำลองลำดับชั้นอำนาจของพวกเขา วิหารจิงหงดึงตัวคนเก่งๆจากงานชุมนุมเทพยุทธ์ครั้งล่าสุดมาได้ไม่มากนัก และตอนเดินทางกลับจากสำนักธาราเมฆ พวกเขาก็เสียศิษย์ไปคนหนึ่งด้วย พอได้เห็นวิหารอื่นส่งผู้เยาว์ที่โดดเด่นและเก่งกาจมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดเป็นจำนวนมากแล้ว……
แทนที่จะบอกว่าพวกเขามาที่นี่เพื่ออวยพรวันเกิดน่าจะบอกว่าพวกเขามาเพื่อทำให้วิหารจิงหงโกรธยิ่งกว่าเดิมมากกว่า
การที่ประมุขวิหารจิงหงและเหล่าผู้อาวุโสไม่ได้โยนทุกคนออกไปพร้อมกับทำหน้าถมึงทึงนั้นก็เป็นการแสดงความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
นอกจากนี้ในบรรดาผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดนี้ยังมีเฟยเหยียนที่วิหารจิงหงมีความแค้นอยู่ด้วย
ไม่ต้องคิดก็เห็นอยู่ชัดๆว่าวิหารจิงหงต้องเจ็บใจมากแน่ๆ
“ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่คุณหนูตั้งใจจะโจมตีตอนไหนหรือขอรับ?” เย่ฉาถาม
จวินอู๋เสียส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่ต้องรีบยังมีเวลาอีก 10 วัน เรามีเวลาเล่นกับพวกเขาอีกเหลือเฟือ”
เย่ฉาไม่ถามอะไรอีกและหายตัวออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ
……………………………
ในตอนเย็นวิหารจิงหงจัดงานเลี้ยงสำหรับผู้ที่มาร่วมอวยพรทุกคน เหล่าผู้เยาว์ที่เหนื่อยล้าจากการเดินทาง เมื่อได้พักผ่อนมาตลอดช่วงบ่าย ก็กลับมาร่าเริงและมีสีหน้าที่ดีขึ้น
เนื่องจากเป็นเพียงอาหารเลี้ยงต้อนรับประมุขวิหารจิงหงจึงไม่ได้เข้าร่วม แต่ส่งผู้อาวุโสคนหนึ่งของวิหารมาเป็นตัวแทน
งานเลี้ยงถูกแบ่งออกเป็นสองด้านของห้องโถงใหญ่ศิษย์ของสิบสองวิหารนั่งอยู่แถวหน้า และยิ่งอยู่ด้านหลังก็หมายความว่าพวกเขาอ่อนแอกว่านั่นเอง
ในอาณาจักรกลางสถานการณ์แบ่งลำดับชั้นของอำนาจอย่างชัดเจนเช่นนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดามาก มันเป็นสิ่งเตือนใจคนเหล่านั้นถึงสถานะของตน
พวกที่มาจากกลุ่มอำนาจที่อ่อนแอกว่าได้นั่งอยู่ในห้องจัดเลี้ยงก่อนแล้วเพื่อพูดคุยกันและคว้าโอกาสนี้สร้างความสัมพันธ์ต่อกันเพื่อจะดึงมาเป็นพวก แต่ศิษย์ของสิบสองวิหารจะมาถึงช้ากว่า พวกเขาจะเกาะกลุ่มกันเอง ไม่คิดจะพูดคุยกับคนจากกลุ่มอำนาจอื่นมากนัก
“นั่นคนจากวิหารปีศาจเพลิงใช่ไหม?”
“ใช่แล้วข้าได้ยินว่าวิหารปีศาจเพลิงได้ตัวผู้เยาว์ที่น่าเหลือเชื่อมาคนหนึ่งในงานชุมนุมเทพยุทธ์ครั้งล่าสุดด้วย อายุยังน้อยแต่บรรลุพลังวิญญาณสีม่วงขั้นสามแล้ว จุ๊ๆ……พลังขนาดนี้ ข้าว่าอีกไม่นานเขาก็คงสามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้อาวุโสของวิหารปีศาจเพลิงได้”
“อายุไม่เท่าไร……ก็บรรลุพลังวิญญาณสีม่วงขั้นสามแล้ว?สัตว์ประหลาดแบบไหนกันเนี่ย?”
“ชู่ว!อยากตายรึไง? เด็กหนุ่มคนนั้นมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดในฐานะตัวแทนของวิหารปีศาจเพลิงด้วยนะ ถ้าเขาได้ยินเข้าล่ะก็ เจ้าไม่อยากเก็บชีวิตน้อยๆของเจ้าเอาไว้แล้วเหรอ”
คนกลุ่มหนึ่งนั่งซุบซิบกันอย่างตื่นเต้นที่ด้านหลังดวงตาของพวกเขามองไปที่เหล่าผู้เยาว์ในชุดเครื่องแบบวิหารปีศาจเพลิงที่เดินเข้ามาช้าๆด้วยความอิจฉา วิหารปีศาจเพลิงเป็นวิหารที่โดดเด่นในหมู่สิบสองวิหารมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งได้สูญเสียผู้อาวุโสสองคนไปติดๆกันอย่างรวดเร็วด้วยเหตุผลบางประการ วิหารมารโลหิตที่ทนอยู่เงียบๆด้านหลังก็กระโจนออกมาทันที นำมาสู่สถานการณ์ที่เสือร้ายสองตัวต่อสู้แข่งขันกันอย่างดุเดือด
สิบสองวิหารในสายตาของผู้คนในอาณาจักรกลางนั้นเป็นที่เคารพนับถืออย่างสูงจนเกินที่พวกเขาจะเอื้อมถึงหากต้องการเข้าร่วมสิบสองวิหาร แม้แต่วิหารที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นไปไม่ได้หากคนผู้นั้นไม่มีความสามารถอยู่บ้าง
ต่อให้สุ่มเลือกศิษย์คนไหนก็ได้มาสักคนจากวิหารจิงหงที่อ่อนแอที่สุดแล้ววางไว้ในกลุ่มอำนาจที่พวกซุบซิบนินทาพวกนั้นอยู่ ศิษย์คนนั้นก็จะกลายเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ล้ำค่ามากขึ้นมาทันที
ทันทีที่กลุ่มผู้เยาว์จากวิหารปีศาจเพลิงมาถึงคนของวิหารมารโลหิตก็เดินเข้ามาพอดี
ในบรรดาคนกลุ่มนั้นคนที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุดก็คือกู่ซินเยียนผู้งดงามที่อยู่ในชุดสีขาวทั้งตัว
กู่ซินเยียนมีรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นอย่างมากนางได้รับการดูแลอย่างดีจากกู่อี้มาตั้งแต่เล็ก บรรยากาศสูงส่งสง่างามรอบตัวนางไม่ใช่สิ่งที่สาวงามทั่วไปจะเปรียบเทียบได้
กู่ซินเยียนแค่เดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่นางก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที บางคนเริ่มกระซิบกระซาบกันว่ารูปลักษณ์ของกู่ซินเยียนสมควรได้รับฉายาว่าสาวงามอันดับหนึ่งแห่งสิบสองวิหารอย่างแท้จริง