บทที่ 737 : ถังเพิ่งมาปักกิ่ง!

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

บทที่ 737 : ถังเพิ่งมาปักกิ่ง!

 

หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าแล้วหลิงหยุนก็ยังไม่ได้กลับออกไปในทันที เขาใช้เวลาตลอดช่วงเช้าถ่ายทอดเคล็ดวิชาบางอย่างให้กับหลิงลี่และเหล่ากุ่ย

 

หลิงหยุนต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทั้งสองคนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!

 

วิชามังกรพรางร่างหมัดปีศาจเถียนกัง วิชานู่เตา กระบี่ล่องหน กระบี่นวสังหาร ดาราคุ้มกาย และพลังมังกร!

 

ทั้งวิชาเคลื่อนไหวหมัด เตะ กระบี่ กำลังภายใน และเกราะป้องกันตัว ทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มอานุภาพในการต่อสู้ให้กับคนทั้งคู่ขึ้นมาอย่างมาก!

 

อีกทั้งหลิงหยุนเองก็เคยสอนเพลงกระบี่ปราบเทวะให้กับเหล่ากุยไปแล้ว!

 

หลิงหยุนไม่มีความหวงแหนวิชากับปู่ของเขาอย่างแน่นอนเขาจัดการเขียนเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังออกมาอย่างละเอียด เพื่อให้หลิงลี่ได้ฝึกไปทีละขั้นตอน และได้มอบเคล็ดวิชาที่เขียนขึ้นนี้ให้แก่หลิงลี่และเหล่ากุ่ย

 

หลิงลี่จ้องมองหลิงหยุนที่กำลังเขียนเคล็ดวิชาลงบนกระดาษและยื่นให้กับเขาด้วยความตกตะลึง!

 

นั่นเพราะเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่หลิงหยุนเขียนให้นั้นหลิงลี่รู้ดีว่าเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่ทรงพลังและมีอานุภาพมาก หากนำเคล็ดวิชาเหล่านี้ไปก่อตั้งสำนัก รับรองได้ว่าจะต้องเป็นสำนักที่อยู่แถวหน้าอย่างแน่นอน!

 

“หลานรัก..เจ้าแน่ใจนะว่าจะสอนเคล็ดวิชาบ่มเพาะเหล่านี้ให้ปู่ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตอาจารย์ของเจ้าเสียก่อน”

 

หลิงหยุนมองสีหน้าท่าทางตื่นเต้นและตกอกตกใจของชายชราแล้วก็ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข

 

“ท่านปู่..ท่านวางใจได้ เวลานี้ข้าเป็นศิษย์เอก และเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของสำนักหมอสวรรค์!”

 

“งั้นรึดูเหมือนปู่จะกังวลใจมากจนเกินไปสินะ! ปู่คิดไม่ถึงจริงๆว่าเจ้าจะมีเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่ล้ำเลิศเช่นนี้ ไม่แน่ว่าต่อไปเจ้าอาจจะเข้าสู่ระดับที่สามของขั้นเซียงเทียน-9 และมีกำลังภายในที่สูงส่งอย่างมากก็เป็นได้..”

 

หลังจากที่ได้พูดคุยกันนานขึ้นหลิงลี่ก็คาดเดาไปตามที่เขาคิดว่าจะเป็นไปได้ เพราะเขาเองก็ยังไม่เข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 จึงได้แต่คาดเดาตามที่ได้ฟังมา!

 

หลิงหยุนได้แต่แอบหัวเราะพร้อมกับคิดอยู่ในใจว่าเขามาจากโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ ก็ย่อมต้องมีเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่ล้ำเลิศอยู่แล้ว และหากยังไม่พอ เขาก็สามารถเก็บสมุนไพรมาปรุงเป็นยาที่จะใช้พัฒนาขั้นกำลังภายในของตนเองได้อีก..

 

ยิ่งไปกว่านั้นหลิงหยุนเองก็ยังไม่ได้บอกใครว่าเขามีจิตหยั่งรู้ที่ครอบคลุมรัศมีเกือบร้อยเมตร มีวิชาพลังลับหยินหยาง มีเนตรหยินหยาง และสำเร็จขั้นที่หนึ่งของวิชาหยางพิสุทธิ์แล้ว อีกทั้งยังมีวิชาพฤกษาขจี วิชาคลื่นคงคา และวิชาบ่มเพาะที่ล้ำเลิศอีกมากมาย

 

และด้วยร่างกายที่ล้ำเลิศของหลิงหยุนและพลังวนหยิน-หยาง หากเขานำไม้ตายที่เทียบเท่ากับขั้นอมตะนี้ออกมาใช้จัดการกับยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-9 แล้วล่ะก็…

 

หลิงหยุนมั่นใจว่าต่อให้เขาไม่สามารถเอาชนะได้แต่ก็จะสามารถหนีเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน!

 

“ท่านปู่..ข้าถ่ายทอดเคล็ดวิชาบ่มเพาะเหล่านี้ให้กับท่านทั้งสอง ท่านกับเหล่ากุ่ยก็ค่อยๆฝึกฝนไปทีละขั้นตอน แต่อย่าได้บอกเคล็ดวิชาเหล่านี้ให้ผู้อื่นในตระกูลล่วงรู้เป็นอันขาด!”

 

หลิงหยุนเห็นแววตาสงสัยของชายชราจึงรีบอธิบายต่อทันที“ข้าเกรงว่าหากให้ผู้อื่นในตระกูลหลิงล่วงรู้เรื่องนี้ อาจเกิดอันตรายกับพวกเขาขึ้น พวกเขาอาจถูกคนจับตัวไปเพื่อคาดคั้นเอาความจริงก็เป็ได้..”

 

แต่ความจริงแล้วที่หลิงหยุนไม่ได้บอกเหตุผลที่แท้จริงแก่หลิงลี่ว่าเขาไม่ไว้ใจหลิงเจิ้นกับหลิงห่าว! ครั้งแรกที่หลิงหยุนได้เห็นรูปถ่ายของหลิงห่าวนั้น เขาก็รู้สึกไม่ถูกชะตาและไว้วางใจแม้แต่น้อย

 

เมื่อคืนนี้เหตุใดหลิงหยุนจึงใช้เวลารักษาอาการบาดเจ็บของหลิงลี่เนิ่นนาน และเหตุใดจึงรีบทำให้หลิงลี่พัฒนาเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-8 ภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่กับผู้อื่น หลิงหยุนกลับเพียงแค่รักษาอาการบาดเจ็บครั้งใหม่ให้เท่านั้น

 

เหตุผลก็ธรรมดามากหลิงหยุนยังไม่ไว้วางใจคนในตระกูลหลิงเท่าใดนัก เขายังต้องใช้เวลาสังเกตุดูอีกสักพัก..

 

หลิงหยุนมักจะไม่ลงมือทำอะไรหากยังไม่มั่นใจพอ!

 

แววตาของหลิงลี่เป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่งแต่ก็ดับไปในเวลาอันรวดเร็ว เขายิ้มกลบเกลื่อนและตอบกลับไปว่า

 

“เจ้าเป็นเด็กที่มีความคิดละเอียดรอบคอบถ้าเช่นนั้น.. ก็แล้วแต่เจ้าเถิด!”

 

หลิงหยุนสัมผัสถึงอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ภายในของหลิงลี่ได้เขาขยับริมฝีปากแต่กลับไม่พูดอะไรออกมา และในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าท่านปู่ของเขาคงต้องมีเรื่องบางอย่างปิดบังเขาอยู่อย่างแน่นอน!

 

ในเวลาใกล้เที่ยง..หลิงหยุนก็ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้หลิงลี่กับเหล่ากุ่ยเรียบร้อย และมั่นใจว่าทั้งสองคนนั้นเข้าใจเป็นอย่างดี และจะไม่เกิดอันตรายใดๆกับหลิงลี่ในระหว่างฝึกอย่างแน่นอน

 

หลิงลี่คาดไว้ไม่ผิด..ช่วงเช้าก็มีคนเข้ามารายงานว่าตระกูลใหญ่หลายตระกูลในปักกิ่งต่างก็ส่งคนสำคัญของตนเองมาพบหลิงลี่ แต่พวกเขาก็ต้องกลับไปด้วยเหตุผลที่ว่าหลิงลี่ป่วยหนักไม่สามารถรับแขกได้

 

หลิงเย่วเองก็ไม่ยอมปรากฏตัวมีเพียงหลิงเจิ้นกับทายาทรุ่นหลังเท่านั้นที่ทำหน้าที่รับแขกแทน

 

สิ่งที่ทุกคนในตระกูลหลิงให้ความสนอกสนใจก็คือแม้แต่ตระกูลเฉินเองก็ส่งคนมาที่บ้านตระกูลหลิงเช่นกัน แต่ต่างฝ่ายต่างก็ทำเหมือนว่าเมื่อคืนนี้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น!

 

และแน่นอนว่า..แต่ละตระกูลก็ล้วนแล้วแต่ส่งคนของตนเองมาตระกูลหลิงเพื่อสืบหาความจริง!

 

เป็นเรื่องน่าเสียใจที่เลือดของคนตระกูลหลิงต้องไหลหลั่งดั่งสายน้ำเมื่อคืนนี้แต่เวลานี้เหล่าศัตรูของตระกูลหลิงก็ถูกสังหารตายจนหมด และศพของพวกมันก็ถูกผงละลายศพกัดกร่อนจนกลายเป็นของเหลวไปหมด ส่วนร่างของเฉินไห่คุนและนินจาอีกสองคนก็ถูกยันต์เตโชเผาเป็นเถ้าถ่านไปแล้วเช่นกัน ตระกูลหลิงจึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้!

 

“หลิงหยุน..นี่เป็นเรื่องของเกมการเมืองในปักกิ่ง พวกเขาล้วนแล้วแต่ปากปราศรัย แต่น้ำใจเชือดคอกันทั้งนั้น!”

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ไม่ต่างจากพายุฝนที่พัดกระหน่ำอย่างรุนแรง แต่เมื่อถึงเวลาเช้า เหตุการณ์ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความเงียบสงบเป็นปกติ

 

“เมืองหลวงเป็นเช่นนี้เองหรอกรึช่างน่าสนใจนัก..”

 

ริมฝีปกาของหลิงหยุนแสยะยิ้มออกมาอย่างเหยียดหยันและได้แต่คิดในใจว่าสันดานของมนุษย์นั้น ไม่ว่าจะที่ใหนๆก็ล้วนไม่แตกต่างกัน!

 

ความจริงแล้วหลิงหยุนไม่ต้องการที่จะอยู่รับประทานอาหารเที่ยงที่บ้านตระกูลหลิง แต่ในเมื่อชายชราอยู่ที่นี่ เขาจึงต้องตามหลิงลี่ออกไปรับประทานอาหารที่สวนเล็กด้านนอก และทั้งสามคนก็ร่วมดื่มกันเข้าไปมากมาย

 

หลิงหยุนสัมผัสได้ว่าชายชรานั้นมีเมตตากับเขามากและสังเกตเห็นว่าหลิงลี่หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข

 

หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงแล้วหลิงหยุนก็ได้รับโทรศัพท์จากถังเมิ่งแจ้งว่าเขามาถึงปักกิ่งแล้ว และเวลานี้กำลังอยู่บนถนนวงแหวนที่ห้าพร้อมกับสอบถามเส้นทางจากหลิงหยุน

 

หลิงหยุนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงยีนส์ทับชุดผ้าแพรไหมดำที่อยู่ด้านในไว้แล้วจึงร่ำลาหลิงลี่ และแอบออกจากบ้านตระกูลหลิงทางด้านประตูหลัง

 

หลังจากออกจากบ้านตระกูลหลิงแล้วหลิงหยุนก็เรียกแท็กซี่ และเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเขาก็ไปถึงบ้านทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของตนเอง

 

หลิงหยุนยังไม่เข้าบ้านแต่ยืนรออยู่ที่หน้าประตูแทน แล้วรถสองคันก็แล่นตรงเข้ามา คันหนึ่งคือรถฮัมเมอร์ ส่วนอีกคันเป็นรถแลนด์โรเวอร์ของเขา

 

และแน่นอนว่าคนที่มาต้องเป็นถังเมิ่งอย่างแน่นอน!

 

รถสองคันแล่นเข้ามาจอดตรงหน้าหลิงหยุนถังเมิ่งแทบไม่รอให้รถจอดสนิท เขากระโดดลงมาและตรงเข้าไปกอดหลิงหยุนทันที

 

“พี่หยุน..ฉันคิดถึงพี่แทบตาย!”

 

ถังเมิ่งลงมาจากรถได้ก็ตรงเข้าไปกอดหลิงหยุนแน่นดวงตาของเขาแดงก่ำและร้องไห้ออกมาทันที น้ำตาของถังเมิ่งไหลหลั่งราวกับสายฝน และเปียกไหล่ของหลิงหยุนไปหมด

 

หลิงหยุนถึงกับพูดอะไรไม่ออกจึงได้แต่ลูบแผ่นหลังของถังเมิ่ง เขาทั้งโมโหทั้งขำกับท่าทีของถังเมิ่ง

 

“นี่..นายถอยออกไปได้แล้ว! ฉันเพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ เปียกน้ำตาของนายหมดแล้ว..”

 

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าถังเมิ่งจะร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิมอีกถังเมิ่งร้องไห้เป็นจริงเป็นจัง และสมาชิกแก๊งมังกรเขียวสามคนที่ตามมาด้วยถึงกับหันไปมองหน้ากัน และทำสีหน้ากระอักกระอ่วน!

 

“เอาน่า..หยุดร้องไห้ได้แล้ว! เข้าไปในบ้านกับฉันดีกว่า!”

 

หลิงหยุนได้แต่ผลักร่างของถังเมิ่งออกแม้ว่าเขาจะสัมผัสได้ถึงมิตรภาพและความผูกพันที่ถังเมิ่งมีให้กับเขา แต่ถังเมิ่งก็ไม่ควรร้องไห้หนักเช่นนี้ หลิงหยุนรู้สึกอับอายผู้คน..

 

ถังเมิ่งยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าแล้วจึงหันไปสั่งเด็กหนุ่มทั้งสามคนที่มาด้วยว่า

 

“พวกเจ้าสามคนเฝ้ารถอยู่ที่นี่ก่อน..”

 

หลิงหยุนเดินนำถังเมิ่งเข้ายังห้องรับแขกภายในบ้านทันที..

 

“เสี่ยวอู๋ล่ะ..ไม่มาด้วยรึ”

 

หลังจากที่เข้าไปในบ้านแล้วหลิงหยุนก็เอ่ยถามถังเมิ่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน..

 

เมื่อพูดถึงตี้เสี่ยวอู๋สีหน้าของถังเมิ่งก็เปลี่ยนเป็นหงุดหงิดขึ้นมาทันที “พี่หยุน.. อย่าพูดถึงเสี่ยวอู๋เลย วันๆเอาแต่ฝึกวิชา ฉันว่าเขาคงเป็นบ้าไปแล้ว!”

 

“วันๆเอาแต่ฝึกวิชาจนไม่กินไม่นอนแล้วก็นั่งอยู่ในสวนที่บ้านของพี่ทั้งวันทั้งคืน อากาศร้อนแบบนั้นไม่รู้ว่าได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้างหรือเปล่า ชีวิตของเขาตอนนี้มีแต่คำว่า.. ฝึกวิชา!”

 

“ฉันต้องให้คนไปส่งอาหารให้เขาทุกวันเพราะขืนเป็นแบบนี้คงต้องแห้งตายสักวัน! คนอื่นๆเค้าอยู่บ้านเล่นคอมพิวเตอร์กัน แต่เสี่ยวอู๋กลับอยู่แต่ในสวน เวลานี้ก้อนหินหน้าบ้านพี่ได้กลายเป็นบ้านของเขาไปแล้ว!”

 

“หมอนี่..”

 

หลิงหยุนได้ฟังก็ถึงกับตกใจเล็กน้อยเขารู้ดีว่าที่ตี้เสี่ยวอู๋ตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนอย่างหนักเช่นนี้ ก็เพื่อต้องการเป็นผู้ช่วยเขา และยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา

 

“แล้วของที่ฉันสั่งล่ะ”หลิงหยุนรีบถามถึงธุระที่เขาสั่งให้ทำทันที

 

“ทุกอย่างที่พี่สั่งมีครบหมดไม่ขาดแม้แต่อย่างเดียว แต่ละอย่างล้วนแพคมาอย่างดี ทั้งเหมี่ยวเสี่ยวเหมาและหนิงน้อยต่างก็ช่วยกันจัด รับรองว่าใช้ไปได้อีกนานเชียวล่ะ.”

“แล้วโลหะเงินที่ฉันสั่งล่ะ..”

 

“โลหะเงินสองร้อยกิโลกรัมอยู่ในรถทั้งสองคันด้านนอกแล้วฉันซื้อได้ในราคาที่ไม่แพงด้วย แค่ล้านกว่าๆเท่านั้นเอง!”

 

“ของแค่นี้ทำไมนายไม่จัดส่งมาทำไมจะต้องมาด้วยตัวเอง” หลิงหยุนถามยิ้มๆ

 

ถังเมิ่งตอบกลับมาทันที“พี่หยุน.. ฉันคิดถึงพี่มากน่ะสิ ก็เลยอยากขับรถมาส่งให้พี่ด้วยตัวเอง ฉันจะได้เจอพี่ด้วยไง..”

 

ถังเมิ่งถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นหลิงหยุนปลอดภัยดีเขากลัวว่าหลิงหยุนจะได้รับอันตราย เมื่อรู้ว่าหลิงหยุนจะเอาสมุนไพรมาปลุกเสกยันต์ และเอาโลหะเงินมาทำหัวธนู

 

และหลังจากที่เปิดจิตหยั่งรู้สำรวจดูด้านนอกหลิงหยุนก็พบว่าเหล่ากุ่ยกับลูกน้องของเขาก็ได้มาถึงหน้าบ้านแล้วเช่นกัน!