ตอนที่ 1705 ชื่อเสียงโด่งดัง
ทันใดนั้นเอง ชื่อของพันธมิตรดาบก็กระจายไปทั่ว
ผู้บ่มเพาะแทบทั้งหมดในแดนเทพต่างรู้จักองค์กรระดับเจ็ดแห่งใหม่
แม้กระทั่งพวกที่ไม่รู้ว่าเคี้ยวแห่งความตายกลายเป็นองค์กรระดับเจ็ดแล้วก็ยังรู้ว่าพันธมิตรดาบคือองค์กรระดับเจ็ดแห่งใหม่
เหนือสิ่งอื่นใด การผงาดของพันธมิตรดาบแตกต่างจากเคียวแห่งความตาย
พันธมิตรดาบผงาดโดยอํานาจที่ทําลายองค์กรระดับหก
นอกจากนี้ เนื่องจากการรับรองของราชันย์ นอกจากนครหลวงเทพ องค์กรระดับเจ็ดอื่นในแดนเทพต่างแสดงความยินดี
เช่นนี้ มันจึงทําให้พันธมิตรดาบได้รับข้อความแสดงความยินดีจากองค์กรต่างๆมากมาย
โดยธรรมชาติ การเพิ่มความนิยมของพันธมิตรดาบเป็นส่วนหนึ่งในแผนของเจ้าแดง
ถ้าความสามารถของหลินฮวงยังไม่พอ เหมือนเมื่อก่อน เขาต้องเก็บตัวเพิ่มพลังเหมือนเดิม เพื่อเลี่ยงความสนใจ
แต่ทว่า ตอนนี้เขามีความสามารถก้มมองทุกคน และเขาก็มีราชันย์หนุนหลังด้วย
เขาคิดว่าเขาจะสามารถทําให้พันธมิตรดาบเป็นใหญ่ในมหาพิภพนี้
ด้วยการเพิ่มความนิยม มันจะช่วยเร่งการพัฒนาของพันธมิตรดาบ
หลินฮวงจะไม่ต้องกังวลถึงปัญหามากมายที่จะเกิดตอนพันธมิตรดาบพัฒนา
ด้วยเจ้าแดงเป็นที่ปรึกษา พวกดาบหนึ่งเป็นคนดูแลพวกเขาแค่ต้องการเวลาเท่านั้น
….
แม้วิหารเทพนักรบกับองค์กรระดับเจ็ดอื่นจะแสดงความยินดีเนื่องจากการรับรองของราชันย์ พวกเขาก็ยังสับสนด้วย
จ้าวเทวะบางคนจากวิหารเทพนักรบได้ร้องขอต่อราชาไร้ผู้ต้านให้ไปถามราชันย์ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ในฐานะสมาชิกระดับ A ราชาไร้ผู้ต้านถือได้ว่ามีสายสัมพันธ์กับราชันย์พอสมควร
แต่สุดท้าย เขาก็ได้รับมาแค่ประโยคเดียว ‘หัวหน้าของพันธมิตรดาบคือหลินฮวง สมาชิกระดับS’
ราชาไร้ผู้ต้านตกตะลึงพอเห็นข้อความนั้น
ในฐานะสมาชิกระดับAที่เป็นสมาชิกของราชันย์มาหลายปี เขาย่อมรู้ว่าการเป็นสมาชิกระดับSหมายถึงอะไร เขาชัดเจนดีถึงความยากในการเป็นสมาชิกระดับS
ในความเป็นจริง เขาก็แทบไม่ผ่านการประเมินเลื่อนเป็นสมาชิกระดับA
ต้องบอกว่า ทั้งแดนเทพในยุคนี้ มีแค่ใต้สวรรค์กับเขาที่พอมีสิทธิ์ผ่านการประเมินระดับA
ยิ่งไปกว่านั้น สมาชิกระดับรถือเป็นสมาชิกแกนหลักของราชันย์
ในฐานะสมาชิกระดับS ราชาไร้ผู้ต้านจะได้รับผลประโยชน์จากการตีสนิทหลินฮวงมากกว่าการบ่มเพาะนับสิบปีซะอีก
“หลินฮวง.ทําไมชื่อนี้คุ้นๆ?”ราชาไร้ผู้ต้านขมวดคิ้ว เขาเพิ่งนึกได้”เขาดูเหมือนจะเป็นคนที่พวกคนนอกจากจักรวาลมาตามจับไม่นานมานี้”
ไม่ช้าราชาไร้ผู้ต้านก็ประติดประต่ออะไรได้หลังยืนยันตัวตนกับสมาชิกระดับSของหลินฮวง”อย่าบอกข้านะว่า เขาฆ่าพวกคนนอกจากจักรวาลเหล่านั้นได้?!”
เขากลัวกับความคิดนี้ของตัวเองมาก เขาเคยเจอกับผู้ตรวจสอบจากไรเดอร์แล้ว และชัดเจนว่าใครก็ตามในนั้นสามารถฆ่าเขาได้สบายๆ
ราชาไร้ผู้ต้านไม่ลังเลเลย และรีบแจ้งจานกวงกับคนอื่นเกี่ยวกับค่าตอบของราชันย์และการคาดเดาของเขา
เหล่าจ้าวเทวะจากวิหารเทพนักรบเงียบไปนานหลังได้ยินคําพูดของเขา
“อืม เราไม่ได้รับข่าวคราวจากผู้ตรวจสอบที่มาเลย…”
“แม้จะมีโอกาสที่จะเป็นคนชื่อเดียวกัน แต่ข้าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย มันบังเอิญไป มันควรเป็นคนคนเดียวกัน”
“น่าเสียดาย หัวหน้าของพันธมิตรดาบไม่เคยเผยหน้า ไม่งั้น เราคงสามารถเทียบมันกับภาพจากประกาศจับได้”ฐานกวงอดถามไม่ได้”ราชาไร้ผู้ต้าน เจ้าเจอข้อมูลส่วนตัวของหลินฮวงจากราชันย์ไหม?มีภาพไหม?”
“สมาชิกระดับรคือสมาชิกหลักของราชันย์ ข้อมูลส่วนตัวของเขาถือเป็นความลับ ข้าไม่อาจหาอะไรเจอได้ด้วยขอบเขตอํานาจของข้า”ราชาไร้ผู้ต้านพูด “แต่ทว่า ข้าเองก็คิดว่ามันควรเป็นคนคนเดียวกัน”
“เขาต้องมีความสามารถที่ทรงพลังมากถึงตกเป็นเป้าโดยกลุ่มคนนอกระดับจาวเทวะขั้นกลาง ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อเขาเป็นสมาชิกระดับSและทําลายวังเผ่าคณานับไป ความเป็นไปได้ที่จะมียอดฝีมือระดับจาวเทวะสองคนที่มีชื่อเดียวกันยังต่ํามาก”
ขณะที่วิหารเทพนักรบกับองค์กรอื่นกําลังสืบเรื่องพันธมิตรดาบและพยายามหาความสัมพันธ์ เกี่ยวแห่งความตายก็ได้ตกลงร่วมมือเป็นพันธมิตรกับพันธมิตรดาบและประกาศอวดไปทั่วแล้ว
ขณะที่กลุ่มองค์กรระดับห้ากับหกกําลังรอและสังเกตการณ์ องค์กรระดับเจ็ดก็ได้ตอบสนองแล้ว
เคียวแห่งความตายต้องรู้อะไรบางอย่างแน่
พวกเขาเริ่มติดต่อเคียวแห่งความตาย อยากได้ข้อมูลเพิ่ม
ภายในสองชั่วโมงหลังเคียวแห่งความตายประกาศความร่วมมือ เผ่าเนฟิลิกเองก็ประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรดาบเช่นกัน
เหนือสิ่งอื่นใด ไม่เหมือนเคียวแห่งความตายที่เหล่าเบื้องบนรับรู้ถึงความสามารถของหลินฮวง ไคลี่กับเจ้าแดงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะโน้มน้าวใจพวกคนของเผ่าเนฟิลิกได้
วิหารเทพนักรบคือกลุ่มสามที่ประกาศความร่วมมือ มันเพราะพวกเขายืนยันจากเคียวแห่งความตายแล้วว่าหลินฮวงทั้งสองคนเป็นคนคนเดียวกัน
ตัวตนระดับSของเขาอย่างเดียวพอจะให้วิหารเทพนักรบอยากเกาะแข้งเกาะขา
ไม่ช้าหลังวิหารเทพนักรบประกาศ ตาข่ายคลุมสวรรค์ ศาลาสมบัติล้ําค่ากับเซโร่ก็ประกาศตามอย่างรวดเร็ว
องค์กรระดับห้าและหกต่างส่งคําเชิญเจรจาทันทีที่เห็น ทั้งหมดต่างอยากอยู่ในแวดวงด้วย
ในขณะเดียวกัน องค์กรขนาดเล็กกับผู้บ่มเพาะไร้องค์กรก็คุยกันถึงพันธมิตรดาบอย่างดุเดือด
ขณะที่อินเทอร์เน็ตยังคงคุยเกี่ยวกับพันธมิตรดาบอย่างกระตือรือร้น องค์กรต่างๆเช่นเคียวแห่งความตาย กับวิหารเทพนักรบก็ได้ลบประกาศจับหลินฮวงไปอย่างเงียบๆ
ชื่อเสียงของพันธมิตรดาบยังทําให้หลินฮวงยุ่งจนไม่มีเวลาเข้าอาณาจักรเสมือนไปบ่มเพาะ
เขาได้รับเขตแดนเทพระดับจาวเทวะจํานวนมากมาจากการประมูลของราชั้นนย์ แต่ไม่มีเวลาไปหลอม
เขาให้กลุ่มของดาบหนึ่งไปตรวจสอบและแก้ไขเงื่อนไขข้อตกลงความร่วมมือกับองค์กรระดับเจ็ดที่ละแห่ง ก่อนจะมอบหมายให้เจ้าแดงตรวจ หลังเจ้าแดงแก้ไขข้อตกลง เขาจะไปเข้าร่วมการประชุมกับพวกดาบหนึ่ง
ยังมีการประชุมทางวิดิโอกับองค์กรต่างๆเช่นวิหารเทพนักรบและกลุ่มอื่น
โดยธรรมชาติ หลินฮวงจะเข้าร่วมการประชุมแค่กับองค์กรระดับเจ็ด เขามอบอานาจให้เจ้าแดงกับดาบหนึ่งจัดการกับองค์กรระดับหก ยกเว้นเผ่าเนฟิลิก
นอกจากความร่วมมือใหม่ หลินฮวงยังให้กลุ่มดาบหนึ่งไปยึดครององค์กรภายใต้วังเผ่าคณานับด้วย
เหมือนที่เจ้าแดงบอก การยึดองค์กรของวังเผ่าคณานับจะทําให้คนนอกรู้สึกว่าพันธมิตรดาบใจกว้าง(ไม่กวาดล้าง) ในทางกลับกัน นี้จะลดศักยภาพของศัตรูได้เช่นกัน
เหนือสิ่งอื่นใด มันเป็นไปได้ที่องค์กรซึ่งเคยพึ่งพาวังเผ่าคณานับในอดีตจะมองพันธมิตรดาบเป็นศัตรูหลังเสียการคุ้มครองของวังเผ่าคณานับไป
แม้พันธมิตรดาบจะไม่สนใจ มันก็ดีกว่าที่จะมีองค์กรเพิ่มภายใต้แทนการมีศัตรู
นอกจากนี้ บางองค์กรภายใต้วังเผ่าคณานับยังอยู่ในสภาพที่ดี
มีองค์กรระดับห้า 4 แห่งท่ามกลางนั้น แม้จะไม่ได้เป็นองค์กรชั้นน่า แต่ค่าคุ้มครองประจําปีที่พวกเขาจ่ายก็ยังมากโข
หลินฮวงให้ทาสดาบทําการประเมิน โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาจะยึดองค์กรนั้นตราบเท่าที่ชื่อเสียงไม่ต่ํากว่าค่าเฉลี่ย
ด้านนอกแดนเทพ โลกมนุษย์ก็ได้รับข่าวในอีกไม่กี่วันต่อมา องค์กรระดับหกกับเจ็ดได้ติดต่อสาขาพันธมิตรดาบในเขตดาวตาปีศาจเพื่อพยายามยื่นข้อเสนอความร่วมมือกัน
หลินฮวงเพิ่งพอจะเจียดเวลาไปเข้าอาณาจักรเสมือนได้หลังจัดการธุระของพันธมิตรดาบเสร็จ และก็เริ่มการบ่มเพาะรอบใหม่…