บทที่ 321 ผู้มีพระคุณของผมคือมายมิ้นท

รักหวานอมเปรี้ยว

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เอาเธอเข้ามากอดด้วยความสงสาร “ต้องโทษไอ้สารเลวไตรภูมินั่น ถ้าไม่ใช่เพราะเขาพาตัวลูกหนีไป ลูกก็คงไม่ต้องไปอยู่ในครอบครัวแบบนั้น ส้มเปรี้ยวก็เหมือนกัน รู้เรื่องพวกนี้ดี แต่กลับยังทำกับพี่สาวตัวเองแบบนี้ได้ ช่างไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ!”

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ตบหลังชวนชมเบาๆพลางเอ่ยตำหนิ

ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นสูญเสียชวนชมไป ส้มเปรี้ยวเด็กคนนั้นก็คงไม่ถูกพามาที่บ้านตระกูลภักดีพิศุทธิ์

เธอเห็นส้มเปรี้ยวเป็นเหมือนลูกสาวแท้ๆของตัวเอง แม้ว่าลูกสาวของเธอจะกลับมาแล้ว ความรักที่เธอมีต่อส้มเปรี้ยวก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลยสักนิด

แต่ส้มเปรี้ยวกลับทำอย่างนี้กับลูกสาวเธอ ทำให้เธอรู้สึกวิตกกังวลใจจริงๆ

ชวนชมสัมผัสได้ถึงความเจ็บแค้นที่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์มีต่อส้มเปรี้ยว ในช่วงที่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์มองไม่เห็น เธอก็ค่อยยกมุมปากขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มสะใจ ไม่มีท่าทางเศร้าเสียใจร้องไห้เลยแม้แต่น้อย

การันต์อาศัยความสูงของตนเอง จึงมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของชวนชม ค่อยๆขมวดคิ้วเล็กน้อย

นี่คือลูกสาวคนใหม่ที่ตระกูลภักดีพิศุทธิ์ตามหาเจอและพากลับมาหรือ

เป็นคนที่ไม่ธรรมดาจริงๆ พูดแค่ไม่กี่คำก็ทำให้ตัวเองกลายเป็นคนที่น่าสงสารคนหนึ่งได้ สามารถเรียกความสงสารเห็นใจจากคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ได้ พร้อมกับทำให้สถานะของส้มเปรี้ยวในใจของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ตกต่ำลงในเวลาเดียวกัน

ดูท่าว่าต่อไปตระกูลภักดีพิศุทธิ์คงจะมีเรื่องสนุกให้ดู

“คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ พวกคุณแม่ลูกอยู่ข้างนอกแล้วกันนะครับ ผมจะเข้าไปดูส้มเปรี้ยวเอง” การันต์เอ่ยแว่นตามีแสงสะท้อนกลับ

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พยักหน้า “ได้ งั้นรบกวนคุณรันต์ด้วยนะคะ”

การันต์ไม่ได้ตอบ แต่หลังจากเผยรอยยิ้มที่มีเลศนัยแล้ว ก็เปิดประตูเข้าไป

ภายในห้อง ส้มเปรี้ยวก็เป็นแบบนั้นเหมือนที่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พูด นั่งก้มหน้าอยู่บนเตียง ราวกับหุ่นเชิดที่ไร้จิตวิญญาณอย่างนั้น

แต่การันต์รู้ดีว่า ที่ส้มเปรี้ยวเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เพราะว่าเธอเคยผ่านการติดคุกมาหนึ่งครั้ง จนทำให้เกิดความพ่ายแพ้ท้อแท้ในชีวิตจนลุกไม่ขึ้น

ในทางกลับกัน เธอไม่ได้ล้มจนลุกไม่ขึ้น เธอแค่เรียนรู้ที่จะเก็บพิษสงรอบตัวเอาไว้ ทำเป็นสงบนิ่งลงมาเท่านั้น ความจริงแล้วสันดานของเธอ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย

แค่จะทำให้คนเห็นว่า เธอเหมือนจะเปลี่ยนไปแล้วอย่างนั้น

การันต์ปิดประตู มองส้มเปรี้ยวท่าทางเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม “ไม่เงยหน้ามาดูหน่อยเหรอว่าผมเป็นใคร”

เสียงนี้!

ศัตรูคู่อาฆาตพบกันก็ยิ่งเพิ่มความโกรธแค้นต่อกัน

ส้มเปรี้ยวเงยหน้าขึ้นมาทันที ถลึงตาโตแยกเขี้ยวยิงฟันมองการันต์อย่างโมโห “คือคุณเอง! คุณยังมีหน้ามาพบฉันอีกเหรอ!”

การันต์ลากเก้าอี้มาหนึ่งตัวนั่งลงข้างๆเตียงผู้ป่วยของเธอ “ทำไมถึงจะไม่มีหน้ามา”

“คนมันคนทรยศ คนทรยศ!” ส้มเปรี้ยวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เกลียดจนแทบจะกลืนกินการันต์อย่างนั้น

การันต์นั่งไขว่ห้าง มองเธอด้วยความสนใจ “คนทรยศเหรอ ที่พูดอย่างนี้มีสาเหตุมาจากอะไร”

ส้มเปรี้ยวมองการกระเซ้าเย้าแหย่บนใบหน้าของการันต์ ความเดือดดาลพลุ่งพล่านขึ้นมา “หรือว่าไม่ใช่ เห็นชัดว่าแผนการลอบทำร้ายมายมิ้นท์เป็นความคิดของคุณ คนก็เป็นคนที่คุณจัดหามา สถานที่คุณก็เป็นคนเลือก แต่คุณกลับไม่ยอมรับเลยสักนิดเดียว โยนทุกอย่างมาที่ฉัน การันต์ ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้!”

เธอตะโกนถามด้วยเสียงแหบแห้ง

สายตาการันต์เหล่มองไปยังโซ่ตรวนที่เท้าเธอ พูดเบาๆว่า “ขอโทษด้วยนะ ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไร ผมไม่เคยมีแผนลอบทำร้ายมายมิ้นท์มาก่อน ผมก็ไม่ได้คิดจะลอบทำร้ายเธอด้วย คุณใส่ร้ายป้ายสีผมแบบนี้ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะครับ”

ส้มเปรี้ยวถลึงตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ “การันต์คุณ……”

การันต์กระตุกรอยยิ้มเยาะขึ้นมา “รู้สึกแย่มากใช่มั้ยที่ถูกใส่ร้าย มายมิ้นท์เองก็รู้สึกแบบนี้ในตอนแรก”

“คุณ……คุณช่วยมายมิ้นท์อยู่เหรอ”

วินาทีนี้ ส้มเปรี้ยวเข้าใจทุกอย่างกระจ่างดีแล้ว คนผู้นี้ เป็นคนของทางฝั่งมายมิ้นท์

ส้มเปรี้ยวตีผ้าห่มราวกับคนบ้าอย่างนั้น “ตอนแรกคุณบอกฉันว่า ผู้ชายหกคนนั้นจำคนผิดแล้ว กลัวว่าจะถูกพวกเราแก้แค้น ก็เลยหนีไป พวกที่หนีไปคุณก็ไม่รู้ว่าไปไหน ความจริงแล้วคนพวกนั้นไม่ได้จำคนผิด เป้าหมายของพวกเขาก็คือฉันตั้งแต่แรก แล้วพวกเขาก็ไม่ได้หนีด้วยถูกมั้ย คือคุณให้พวกเขาไปเอง คลิปสองอันนั้น คุณก็เป็นคนเอามาจากพวกผู้ชายหกคนนั้น ไม่ได้มีแฮกเกอร์ที่ช่วยมายมิ้นท์ตั้งแต่แรก ทั้งหมดคือคุณกำลังช่วยมายมิ้นท์ใช่มั้ย! ”

การันต์ยักคิ้ว

ดูเหมือนว่าเมื่อออกมาจากสถานกักกันแล้ว ผู้หญิงคนนี้จะฉลาดขึ้นมาบ้าง

แต่เธอก็ยังเดาผิดเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือในเรื่องนี้มีแฮกเกอร์ที่คอยช่วยเหลืออยู่จริงๆ

เห็นการันต์ไม่พูดอะไร ส้มเปรี้ยวคิดว่าตัวเองเดาถูกแล้ว ก็กรีดร้องราวกับเสียสติอย่างนั้น “การันต์ คุณนี่มันปิศาจ คุณถูกมนต์เสน่ห์ของมายมิ้นท์แล้วใช่มั้ย ก็เลยเข้าข้างเธอ ช่วยเธอเล่นงานฉันใช่หรือเปล่า”

ทำไม

ทำไมสวรรค์ถึงได้ไม่ยุติธรรมแบบนี้ ทำไมคนที่อยู่ข้างกายเธอทุกคน สุดท้ายก็ถูกมายมิ้นท์ดึงดูดไปหมด

เปปเปอร์ก็เป็น ปีโป้ก็เป็น มาวันนี้การันต์ก็ถูกมายมิ้นท์หลอกล่อไปแล้ว

มายมิ้นท์ดีขนาดนั้นเลยเหรอ

ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่อาจจะรับได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งริษยา ใบหน้าส้มเปรี้ยวบูดเบี้ยวเปลี่ยนรูปไป

เธอจับผ้าห่มเอาไว้แน่น ดวงตาสองข้างจ้องมองการันต์เขม็ง ราวกับว่าจะมองจนการันต์เกิดเป็นรูสองรู น้ำเสียงก็ยิ่งน่ากลัวฟังแล้วทำให้ตัวหนาวเยือกไปทั้งตัว “การันต์ คุณทำแบบนี้ไม่รู้สึกผิดต่อฉันบ้างเหรอ ฉันคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตคุณ คุณ….”

“ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเหรอ” เสมือนได้ยินเรื่องที่น่าขำที่สุดโลก การันต์แหงนหน้าหัวเราะออกมา

มองดูเขาหัวเราะ ในใจส้มเปรี้ยวก็เกิดความหวาดวิตกอย่างยิ่ง ริมฝีปากสั่นระริก “คุณ……คุณหัวเราะอะไร”

ไม่รู้ทำไม เสียงหัวเราะของเขาทำให้เธอขนลุกซู่ ไม่สบายใจอย่างมาก

หัวเราะประมาณสิบกว่าวินาที ในที่สุดการันต์ก็หยุด

ทันใดนั้นเขาลุกขึ้นยืน ก้าวเดียวก็มาอยู่ที่ข้างเตียงของส้มเปรี้ยว ก้มศีรษะลง เผยให้เธอเห็นรอยยิ้มที่สยดสยองน่ากลัวอย่างยิ่ง

รอยยิ้มนั้น ราวกับทำให้ส้มเปรี้ยวรู้สึกว่าตนเองมองเห็นคนบ้าจิตวิปริตน่ากลัว แบบในหนัง

ส้มเปรี้ยวเอนไปด้านหลังตามสัญชาตญาณ อยากจะหลบเลี่ยงให้พ้นสายตาของการันต์

แต่จู่ๆการันต์ก็ยื่นมือออกมาบีบคอเธอเอาไว้ และยังออกแรงเต็มที่ด้วย น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบราวกับปีศาจจากขุมนรก “ส้มเปรี้ยว คุณสวมรอยคนที่มีพระคุณช่วยชีวิตผม เสพสุขกับความเสียสละสิบกว่าปีของผม คุณสะใจมากสินะ อีกอย่างเห็นท่าทางของคุณ ดูเหมือนว่าคุณจะเอาตัวเองมาสวมรอยแทนที่ผู้มีพระคุณของผมอย่างสมบูรณ์แบบเลย จนแยกแยะไม่ได้เลยว่าเคยช่วยเหลือผมหรือเปล่า”

พอได้ยินคำพูดนี้ ในหัวของส้มเปรี้ยวก็มีเสียงดังตูม เย็นยะเยือกไปทั่วทั้งตัว

คอของเธอถูกการันต์บีบเอาไว้แน่น จะหายใจยังลำบาก ใบหน้ายิ่งแดงก่ำ ลูกตาปูดโปนออกมา เสียงที่พูดก็แหบพร่าไม่น่าฟังอย่างยิ่ง “คุณ……คุณรู้แล้วเหรอ”

“ใช่ ผมรู้แล้ว” การันต์ออกแรงบีบที่มือแน่นขึ้นอีก

ส้มเปรี้ยวแม้แต่จะร้องยังร้องไม่ออก มือสองข้างทุบตีมือของเขาอย่างแรง คิดจะดิ้นให้หลุดจากมือเขา

แต่มือของการันต์ก็เหมือนกับคีมเหล็กอย่างนั้น ไม่ว่าส้มเปรี้ยวจะออกแรงแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้มือเขาขยับเขยื้อนได้เลยสักนิด

ส้มเปรี้ยวค่อยๆอ่อนแรงลงเรื่อยๆ อย่างช้าๆ พละกำลังที่ทุบตีมือเขาก็ค่อยๆเบาลง การเคลื่อนไหวก็เปลี่ยนเป็นเชื่องช้าลงแล้ว

เธออ้าปากกว้าง อยากจะหายใจทางปาก แต่จะหายใจเอาอากาศเข้าไปได้นั้น มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แทบไม่มีผลใดๆ เลย

ไม่นาน ส้มเปรี้ยวก็น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาหมดด้วยความทรมาน

การันต์เห็นสภาพอย่างนั้น แววตาก็ฉายความรังเกียจ สะบัดออกไปอย่างแรง

ส้มเปรี้ยวถูกสะบัดลงมาบนเตียง สองมือจับผ้าห่มเอาไว้แน่น หอบหายใจเฮือกใหญ่ราวกับผู้ที่รอดชีวิตมาจากภัยพิบัติ

การันต์หยิบทิชชู่เปียกฆ่าเชื้อจากในกระเป๋ากางเกงออกมาหนึ่งแผ่น เช็ดมือพลาง พูดอย่างเยือกเย็นพลาง “ส้มเปรี้ยว คุณรู้หรือเปล่าว่าผู้มีพระคุณที่คุณสวมรอยอยู่นั้นเป็นใคร”

ลมหายใจของส้มเปรี้ยวหยุดชะงักไปชั่วครู่

คือใครกัน

นึกขึ้นได้ว่าจู่ๆการันต์ก็ไปเข้าข้างมายมิ้นท์ เธอมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

การันต์กระตุกยิ้มมุมปาก “ถูกต้อง ก็คือมายมิ้นท์!”