หวงฝู่อี้เซวียนไม่สนใจสีหน้าที่เขียวคล้ำของพวกเขา แล้วเล่าเรื่องทุกอย่างให้อ๋องฉีฟังอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง สุดท้ายกล่าวขึ้นว่า “ท่านพ่อ ลูกเห็นแก่หน้าของอวี้เอ๋อร์จึงให้พวกเขาชดใช้แค่หนึ่งแสนตำลึงเท่านั้น หากเป็นคนอื่น แม้แต่ห้าแสนตำลึงลูกก็ไม่ยอม แม้ต้องลากตัวเขาไปคุยกันต่อหน้าเสด็จลุงฮ่องเต้ลูกก็จะทำ”

 

 

อ๋องฉีวางถ้วยน้ำชาที่อยู่ในมือลง แล้วถามฮูหยินใหญ่กับเฮ่อเหลี่ยนด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ที่ซื่อจื่อกล่าวเป็นความจริงหรือ?”

 

 

ฮูหยินใหญ่หลบสายตา ทว่ายังคงพูดปดและโต้เถียงขึ้นว่า “ข้าเพียงแต่ทำให้ปิ่นทองนั้นพังไปโดยไม่ตั้งใจเท่านั้น ข้าได้กล่าวขอโทษไปแล้ว เป็นเพราะชื่อจื่อไม่ยอมลดราวาศอก ถึงทำให้เกิดเรื่องหลังจากนั้นขึ้น”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่โต้เถียง กล่าวว่า “ท่านพ่อ ลูกไม่อยากเถียงกันกับสตรี จะถูกหรือผิด แค่ไปตามเถ้าแก่ร้านเครื่องประดับมาสอบถามก็ทราบแล้ว”

 

 

อ๋องฉีพยักหน้า “รบกวนท่านเสนาบดีส่งคนไปตามเถ้าแก่ร้านนั้นมาสอบถาม”

 

 

เฮ่อจางเองก็อยากทราบว่าเรื่องเป็นมาอย่างไรเช่นกัน จึงสั่งคนรับใช้ว่า “ไปตามเถ้าแก่ร้านมา”

 

 

ฮูหยินใหญ่เกิดรู้สึกขลาดเขลาขึ้น คิดจะร้องห้ามเอาไว้ อ้าปากแต่ทว่าไม่มีเสียงออกมา มองคนรับใช้เดินออกไปอย่างทำอะไรไม่ได้ ในใจรู้สึกกระวนกระวายจนแทบทนไม่ได้ แล้วหันหน้าไปส่งสายตากับเฮ่อเหลี่ยน

 

 

เฮ่อเหลี่ยนรอเถ้าแก่มาบอกความจริงด้วยใจจดใจจ่อ ตัวเองจะได้จัดการหวงฝู่อี้เซวียนได้ดั่งใจ จึงไม่ได้สังเกตเห็นที่นางส่งสายตาให้

 

 

ต่อหน้าผู้คนมากมาย ฮูหยินใหญ่ไม่กล้าทำอะไรออกนอกหน้า เมื่อเห็นว่าเฮ่อเหลี่ยนไม่มองมาทางตัวเองก็รู้สึกกระวนกระวายใจ แล้วคิดได้วิธีหนึ่ง จึงส่งเสียงขึ้นมาว่า “ท่านเสนาบดี ท่านอ๋อง สภาพเช่นนี้ของข้าไม่อาจพบชายภายนอกได้ ข้ากลับไปล้างตัวผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและจะมาใหม่นะเจ้าคะ”

 

 

โดยไม่รอให้เฮ่อจางได้พูดอะไร หวงฝู่อี้เซวียนก็กล่าวขึ้นก่อนว่า “ฮูหยินใหญ่รอให้เถ้าแก่มาก่อนเถอะ จะใด้ให้เขาดูว่าสภาพเช่นนี้ของเจ้าเป็นสภาพเดียวกันกับในร้านที่ข้าสั่งให้คนโยนออกมาไหม แล้วค่อยไปผลัดอาภรณ์ เมื่อถึงเวลานั้นจะพูดได้อย่างชัดเจน”

 

 

เดิมทีตั้งใจจะใช้โอกาสที่ไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้านี้ สั่งให้สาวใช้ติดตามรีบไปหาเถ้าแก่ร้าน แล้วเตือนเขาว่าอย่าพูดจาเหลวไหล พอถูกหวงฝู่อี้เซวียนขัดขวาง ก็โกรธแค้นขึ้นอย่างมาก แต่กลับโต้แย้งสิ่งใดไม่ได้

 

 

อ๋องฉีก็รู้สึกว่าหวงฝู่อี้เซวียนกล่าวมีเหตุผล จึงกล่าวเออออด้วยว่า “เซวียนเอ๋อร์กล่าวไม่มีผิด รออีกสักหน่อยเถิด ถ้าหากเป็นความผิดของเซวียนเอ๋อร์จริง ข้าก็จะให้เขาขอโทษเจ้า ค่าปิ่นทองก็ไม่ต้องชดใช้แล้ว”

 

 

เฮ่อเหลี่ยนฟังจบก็รู้สึกดีใจ กล่าวขึ้นมาทันทีว่า “ท่านอ๋องกล่าวมาเองนะพ่ะย่ะค่ะ อีกประเดี๋ยวจะกลับคำไม่ได้แล้ว”

 

 

ฮูหยินใหญ่กระวนกระวายใจยิ่งนัก เอื้อมมือออกไปกระตุกแขนเสื้อของเขาอย่างทนไม่ไหว

 

 

เฮ่อเหลี่ยนคิดว่านางกลัว จึงหันไปกล่าวปลอบใจนางว่า “ไม่ต้องเป็นกังวลไป เจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ท่านพ่อกับท่านอ๋องไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”

 

 

เฮ่อจางรู้สึกว่าฮูหยินใหญ่มีท่าทีแปลกไป ใช้สายตาดุเดือดรุนแรงกวาดตามองนางแวบหนึ่ง

 

 

ฮูหยินใหญ่รู้สึกตัวชาวาบ แล้วเดินหลบหลังเฮ่อเหลี่ยนโดยไม่รู้ตัว

 

 

ไม่นานคนรับใช้ก็พาเถ้าแก่ร้านเครื่องประดับมา

 

 

ระหว่างทางเถ้าแก่ได้ยินว่าเสนาบดีกับอ๋องฉีต่างก็อยู่ด้วย ก็ตกใจจนแทบทนไม่ไหว พอเดินเข้ามาก็คุกเข่าโค้งคำนับ “ข้าน้อยคารวะท่านอ๋องกับท่านเสนาบดีขอรับ”

 

 

โดยไม่รอให้เขาลุกขึ้น อ๋องฉีก็พูดกับเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เถ้าแก่ เจ้าเล่าเรื่องในร้านของเจ้าในตอนที่ซื่อจื่อกับฮูหยินใหญ่มีเรื่องบาดหมางกันให้พวกเราฟังสิ”

 

 

เถ้าแก่ที่ยังคุกเข่าอยู่ขานรับคำสั่ง กำลังจะเอ่ยปากเล่าพอดี

 

 

ฮูหยินใหญ่ก็กระแอมไอเสียงดังขึ้นหลายครั้ง

 

 

เถ้าแก่เข้าใจความหมายของนาง แต่อีกฝ่ายก็คือท่านอ๋องกับซื่อจื่อ ถ้าหากไม่กล่าวตามจริง การเป็นเถ้าแก่ของเขาอาจจะสิ้นสุดลงได้ แม้แต่บ้านของเขาก็ไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ จึงแกล้งทำเป็นไม่รู้ความนัยของนาง แล้วจึงเล่าเรื่องทุกอย่างตามความเป็นจริง

 

 

เฮ่อเหลี่ยนฟังจบก็โมโหขึ้นมายกใหญ่ แล้วเดินเข้ามาเตะเถ้าแก่หนึ่งที “สุนัขไร้ค่า เจ้ากล้าพูดปดหรือ เบื่อชีวิตแล้วหรือ?”

 

 

เถ้าแก่ที่ถูกเขาเตะจนล้มกองไปกับพื้น ไม่ได้สนใจความเจ็บปวด แล้วก็รีบลุกขึ้นมาคุกเข่าตามธรรมเนียม พร้อมกับกล่าวด้วยความหวาดกลัวว่า “คุณชายใหญ่โปรดไว้ชีวิตด้วยขอรับ ข้าน้อยพูดความจริงทุกประการ ไม่มีคำโป้ปดมดเท็จแม้เพียงคำเดียว”

 

 

เฮ่อเหลี่ยนยกเท้าขึ้นจะเตะอีกครั้ง เสียงอันเนิบนาบของหวงฝู่อี้เซวียนก็ดังขึ้นมา “ท่านพ่อ ดูเหมือนว่าข้าต้องได้รับตำลึงเพิ่มอีกหน่อยแล้ว เถ้าแก่ผู้บริสุทธิ์ไร้ความผิดต้องมาเจ็บตัวเพราะพวกเรา พวกเราต้องจ่ายคืนให้เขาบ้างจึงจะถูก”

 

 

เฮ่อเหลี่ยนยกเท้าขึ้นกลางอากาศ จะเตะก็ไม่ใช่ ไม่เตะก็ไม่เชิง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเกือบจะส่งเสียงหัวเราะออกมา แล้วก็รีบสำรวมกิริยาโดยการยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนรับรู้ถึงท่าทางของนาง จึงขยิบตาให้นางอย่างโอ้อวดภูมิใจ

 

 

เฮ่อจางไม่เคยต้องมาอับอายขายหน้าเช่นนี้มาก่อน สีหน้ากลายเป็นสีม่วงคล้ำ หันหน้าไปมองฮูหยินใหญ่อย่างดุร้าย

 

 

ฮูหยินใหญ่ตกใจจนล้มพับไปกับพื้น หดตัวเล็กลงไม่กล้าพูดจา

 

 

เฮ่อจางกล่าวเสียงดังขึ้นว่า “มีใครอยู่บ้าง มาลากตัวฮูหยินใหญ่ออกไป เอาไปสำนึกผิดที่ศาลบรรพชน ไม่มีคำสั่งจากข้าห้ามออกมาเด็ดขาด”

 

 

ศาลบรรพชนทั้งมืดทั้งอับชื้น หากถูกขังไว้ในนั้น ถ้าไม่ตายก็ผิวหนังหลุดลุ่ย ฮูหยินใหญ่ตกใจรีบคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนว่า “ท่านเสนาบดีโปรดให้อภัยข้าด้วย ครั้งหน้าข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว”

 

 

หากนางเข้าไปที่ศาลบรรพชนแต่โดยดี เฮ่อจางอาจจะขังนางไว้วันสองวันแล้วก็ปล่อยออกมา แต่เวลานี้นางที่เป็นถึงสะใภ้ใหญ่ของเสนาบดี แต่กลับคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนต่อหน้าคนนอก ช่างทำให้อับอายขายหน้าเหลือเกิน เฮ่อจางยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิม แล้วสั่งพ่อบ้านที่เป็นคนมารับคำสั่งอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ลากออกไป ลงโทษให้คุกเข่าในศาลบรรพบุรุษหนึ่งเดือน”

 

 

พ่อบ้านขานรับคำสั่ง โบกมือสั่งให้สามใช้รีบมาเอาตัวสะใภ้ใหญ่ที่ใกล้จะเป็นลมออกไปทันที

 

 

เฮ่อเหลี่ยนตื่นตระหนกจนต้องรีบกลับไปยืนอยู่ข้าง ๆ เฮ่อจางแต่โดยดี

 

 

อารมณ์คุกรุ่นของเฮ่อจางยังไม่ลดลงไป จึงหันไปตำหนิเขาอย่างแรงว่า “ขนาดฮูหยินของตัวเองยังดูแลไม่ดี ดูว่าต่อไปข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร”

 

 

เฮ่อเหลี่ยนตกใจจนตัวเล็กลีบ กำลังจะอ้าปากจะแก้ต่างให้ตนเอง อ๋องฉีก็กล่าวขึ้นมาก่อนว่า “ท่านเสนาบดี เรื่องราวได้กระจ่างแล้ว เห็นชัดว่าเรื่องนี้เป็นเพราะฮูหยินใหญ่หาเรื่องก่อนจริง เซวียนเอ๋อร์โมโหถึงได้ลงมือทำร้าย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ทำตามที่เซวียนเอ๋อร์ร้องขอชดใช้เงินหนึ่งแสนตำลึงเถิด”

 

 

ที่เฮ่อจางให้คนไปตามอ๋องฉีมา เดิมทีต้องการให้เขาเห็นแก่หน้าชายารองกับอวี้เอ๋อร์ ควบคุมไม่ให้หวงฝู่อี้เซวียนเรียกเก็บเงินมากถึงเพียงนี้ ทว่านึกไม่ถึงเลยว่าอ๋องฉีจะไม่เห็นแก่หน้า ไม่เพียงแต่ไม่คิดที่จะช่วยเหลือ มิหนำซ้ำยังช่วยทวงเงินอีก

 

 

สิ่งที่วางแผนไว้ในใจกลายเป็นศูนย์ ซ้ำยังถูกฮูหยินใหญ่กับเฮ่อเหลี่ยนทำให้อับอายขายหน้า สีหน้าของเฮ่อจางดูแทบไม่ได้ หากแต่ยังฝืนยิ้มออกมา กล่าวว่า “ท่านอ๋อง ท่านเองก็ทราบดีว่าปีนี้เงินเดือนของข้าได้รับเพียงหนึ่งแสนตำลึงเท่านั้น ท่านเอาน้อยลงกว่าเดิมมิได้หรือ?”

 

 

อ๋องฉีเลิกคิ้ว “ท่านเสนาบดีไม่ยอมให้เช่นนั้นหรือ?”

 

 

เฮ่อจางโบกมือ “ในเมื่อเป็นความผิดของฮูหยินของเหลี่ยนเอ๋อร์ พวกเราไม่อาจไม่ชดใช้ได้อยู่แล้ว ทว่าหนึ่งแสนตำลึงนั้นออกจะมากเกินไปบ้าง พวกเราเพิ่มค่าตอบแทนเพิ่มเป็นสองเท่าจากราคาเดิมให้หนึ่งหมื่นได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

 

 

อ๋องฉียิ้มบางๆ แล้วเอนหลังพิงพนักพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีสบายๆ ถามกลับว่า “ท่านคิดว่าอย่างไรเล่า?”

 

 

เฮ่อจางถูกย้อนจนอึ้ง พูดไม่ออก

 

 

น้ำเสียงอันเย็นเฉียบของอ๋องฉีดังกังวานไปทั่งทั้งห้องโถง “เซวียนเอ๋อร์เป็นซื่อจื่อจวนอ๋อง ฐานะนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปแน่นอน ในวันนี้ฮูหยินใหญ่จงใจหาเรื่องเขาต่อหน้าผู้คน ไม่รู้ว่าใครกันที่ทำให้นางบังอาจถึงเพียงนั้น?”