ภาค 4 กวาดล้างหมื่นลี้ บทที่ 386 มีวิธีการมากกว่าความลำบาก

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

‘ผู้ใช้เหยี่ยวแห่งบรรพตเหนือ’ ฉู่เหยียน เจ้าสำนักคนปัจจุบันแห่งเขาไร้พรมแดน กับขวานจามสวรรค์มิได้มายังทะเล

ถึงอย่างไรนอกจากเขาแล้ว ยอดฝีมือด้านวรยุทธ์ที่สุดยอดที่สุดทั้งหมดของเผ่ามนุษย์ ล้วนรวมตัวกันสู้กับปีศาจอัคคีบนทะเลตะวันออก

สถานที่อื่นในตอนนี้เช่นปฐพีพิภพ หากเกิดเรื่องผิดปกติอะไรขึ้น มหาอำนาจแปดพิภพก็ยากจะรับมือได้ทัน

หลังจากผู้นำดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายติดต่อกัน ฉู่เหยียนจึงคอยเฝ้าอยู่บนแผ่นดิน กลายเป็นกองหนุนสุดท้าย

ถ้าหากสงครามบนทะเลเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น จะสนับสนุน หรือจะรอรับมือ ฉู่เหยียนจะตัดสินใจให้ดี

ฉู่เหยียนมิได้อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้จะครอบครอบอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขวานจามสวรรค์ แต่หากคิดจะทำลายค่ายกลของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หรือตำหนักอัสนีสวรรค์ ล้วนยากเย็นยิ่ง

ด้วยเหตุนี้เอง สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์จึงไม่จำเป็นต้องห่วงความปลอดภัยของสำนัก

เยี่ยนจ้าวเกอพิงบนกาบเรือบินเหยียบคลื่น หลังจากไตร่ตรองครู่หนึ่ง พลันถามกับอาหู่ว่า “นอกจากเจ้าตำหนักเฉินลี่แล้ว ตำหนักอัสนีสวรรค์ยังมีใครมาด้วยหรือไม่”

อาหู่ตอบ “ได้ยินว่ามีผู้อาวุโสอีกหลายคนมาทะเลตะวันออกด้วยขอรับ”

ชายหนุ่มคล้ายครุ่นคิดบางอย่าง “มีพวกหนุ่มสาวจากตำหนักอัสนีสวรรค์คนมาด้วยหรือไม่”

“ในตอนนี้ยังไม่รู้ขอรับ” อาหู่ตอบ “ต่อให้คิดเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ก็สมควรต้องรอสถานการณ์สงบลงก่อน ค่อยปล่อยคนเข้ามากระมัง”

อาหู่มองเยี่ยนจ้าวเกอ “เสียจื่ออี้ตายไปแล้ว ส่วยเยี่ยนซ่านได้ยินว่ายังเก็บตัวฝึกกระบี่ด้วยมือซ้ายอยู่ คนหนุ่มจากตำหนักอัสนีสวรรค์ที่สามารถลงมือได้ในตอนนี้ คงจะเป็นหลินโจวนั่นกระมัง”

“จะว่าไป เขาอยู่ในระดับมหาปรมาจารย์แล้ว คำนวณโดยใช้อายุ ยังเด็กกว่าถังหย่งฮ่าวแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และพี่เฟยแห่งเขากว่างเฉิงของพวกเราเสียอีก”

บนที่ราบหิมะแดนเหนือ ตอนอาหู่ร่วมทางกับเยี่ยนจ้าวเกอ เขาเคยพบหลินโจวมาก่อน

เยี่ยนจ้าวเกอหยิบธนูนภาอลหม่านออกมา ก่อนจะดีดสายธนูเบาๆ รู้สึกได้ถึงพลังแห่งสายฟ้าที่กระเพื่อมขึ้น “จับตาดูไว้ หากเขาโผล่มาที่ทะเลตะวันออก ให้รายงานข้าทันที”

“ขอรับคุณชาย” อาหู่รับคำสั่ง มิได้คิดอะไรมาก

เมื่อครั้งหายนะกว่างเฉิง พวกหลินเทียนเฟิงวางแผนตีดหล็กตอนที่ยังร้อน ร่วมมือกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ใช้ผลพลิกอาทิตย์สั่นไหวค่ายกลนภาของเขากว่างเฉิง จนเกือบจะทำให้เขากว่างเฉิงต้องเจอกับอันตราย

ต่อจากนั้นพวกหลินเจิ้งเฟิงก็บุกสำนักเขากว่างเฉิงด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายต้องฝังร่างอยู่ที่นั่น

ระหว่างตำหนักอัสนีสวรรค์และเขากว่างเฉิงจึงผูกแค้นกันดั่งน้ำทะเลลึก

ทั้งสองฝ่ายสัประยุทธ์กันบนที่ราบหิมะแดนเหนือ คนของตำหนักอัสนีสวรรค์คิดลอบโจมตีเยี่ยนจ้าวเกอ ทว่าสุดท้ายถูกเยี่ยนจ้าวเกอใช้แกนน้ำแข็งใต้ดินล่อลวงจนเสียชีวิตไปมากกว่าครึ่ง

ต่อจากนั้นตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอช่วยเหลือสือจวิน อิ๋งอวี้เจินสองแม่ลูก หลินโจวและเจิ้งซั่ว ทายาทของเขานิมิตทมิฬก็ลอบโจมตีพร้อมกัน ท้ายที่สุดเจิ้งซั่วถูกฆ่า หลินโจวเสียธนูนภาอลหม่านของเยี่ยนจ้าวเกอทำให้ตาบอดไปข้างหนึ่ง

ถ้าหากถามว่าใครในมหาอำนาจแปดพิภพอยากฆ่าเยี่ยนจ้าวเกอที่สุด หลินโจวย่อมถูกจัดอยู่ในรายชื่ออันดับต้นๆ

ปัจจุบันทะเลตะวันออกมีปีศาจอัคคีอาละวาด สถานการณ์ซับซ้อน อาหู่รู้สึกว่าเยี่ยนจ้าวเกอป้องกันไม่ให้ศัตรูก่อความวุ่นวายอีกครั้งก็ถือเป็นเรื่องปกติ

“แต่ว่าเทียบกับคุณชายท่านแล้ว เขายังห่างชั้นนัก” อาหู่กล่าว “กลับเป็นพวกมหาปรมาจารย์จากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์เหล่านั้น โดยเฉพาะมหาปรมาจารย์จารย์ขั้นรูปญาณ จำเป็นต้องเฝ้าระวังนะขอรับคุณชาย

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเล็กน้อย “ไม่จำเป็นต้องบอก ข้าต้องเฝ้าระวังคนเหล่านั้นไว้อยู่แล้ว”

เขาทอดสายตามองไปไกล พึมพำว่า “อีกทั้งยังมีคนที่ไม่โดดเด่น กลับทำให้คนมองข้ามได้อย่างง่ายดาย ไม่แน่ว่าจะสั่งสมกลายเป็นปัญหาใหญ่”

อาหู่เกาศีรษะ

ชายหนุ่มละสายตา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “สำหรับคนบางคน ข้ามิได้เป็นคนเช่นนั้นหรือ”

อาหู่ยิ้มซื่อ “ถูกของท่าน คุณชายวางใจ ข้าจะจับตาดูไว้”

หลังจากที่พวกหยวนเจิ้งเฟิง ซ่งอู๋เลี่ยง และอันชิงหลินไปถึงชายขอบทะเลชั้นนอกที่อยู่ตรงน่านน้ำเมืองมหานที มหาอำนาจแปดพิภพก็ตั้งหลักได้แล้ว

จอมยุทธ์เผ่ามนุษย์โจมตีโต้กลับ จัดการปีศาจอัคคีที่บุกรุกจนถอยร่น โดยมีพวกหยวนเจิ้งเฟิง ปราชญ์ภาพวาด หวงกวงเลี่ย และซ่งอู๋เลี่ยงเป็นผู้นำ

กระบี่สัตยาทะเลมรกตกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย

นอกจากมงกุฎแห่งหยินที่ไม่ทราบความเป็นมา และถูกพบโดยบังเอิญแล้ว มหาอำนาจแปดพิภพก็ไม่มีคนสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นใหม่มาหลายปี

ตอนนี้กระบี่สัตยาทะเลมรกตกำเนิดขึ้น ย่อมทำให้หลายคนเกิดความรู้สึกซับซ้อน

ถึงแม้ตอนนี้คมกระบี่จะหันเข้าหาปีศาจอัคคีผู้บุกรุก แต่ประกายคมกริบของกระบี่ก็ทำให้คนจำนวนไม่น้อยกังวลใจ

เมื่อมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ในครอบครอง พลังของเมืองทะเลมรกตต้องเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เทียบได้กับหยวนเจิ้งเฟิงเลื่อนจากระดับมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรม สู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ หรือหวงกวงเลี่ยแห่งสำนักสุริยันศักดิ์ที่เลื่อนสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สองได้สำเร็จ

การรุกคืบของปีศาจอัคคีล้มเหลว เริ่มถอยร่นไปทีละน้อย ส่วนยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ฉวยโอกาสชนะไล่ตามจู่โจม ยึดอาณาเขตที่เสียไปคืนกลับมา

สนามรบหลักกลับไปอยู่บนทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกอีกครั้ง ปีศาจอัคคีที่อยู่ทะเลชั้นในของทะเลตะวันออกถูกสังหารไปเป็นจำนวนมาก

จอมยุทธ์เผ่ามนุษย์เริ่มกำจัดปีศาจอัคคีที่บุกรุกทะเลชั้นใน

พวกคนหนุ่มสาวจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่ละแห่งได้รับอนุญาตให้เข้าสนามรบ ถึงแม้จะไม่ได้เข้าใกล้สนามรบหลัก แต่ก็ได้รับภารกิจกำจัดปีศาจอัคคี เหมาะสำหรับการฝึกฝน

หลังจากจอมยุทธ์เมืองทะเลมรตควบคุมสถานการณ์ทางด้านเกาะมังกรบูรพาไว้ได้ พวกเขาที่เป็นเจ้าถิ่นจึงกลายเป็นกำลังหลักในการเก็บกวาด

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอพาซือคงจิงไปส่งฟู่เอินซูแล้ว เขาก็บอกลาทันที

ถึงแม้จะกำชับไม่ให้ซือคงจิงทำอะไรคนเดียว เพื่อจะได้ไม่ก่อให้เกิดเรื่องเหนือควาคาดหมายที่ไม่จำเป็นแก่ส่วนรวม แต่เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆ

ไม่ว่าจะเป็นฟู่เอิ้นซู หรือตัวซือคงจิง ก็มิได้คิดว่านี่มีปัญหาอันใด

เหตุการณ์จำนวนนับไม่ถ้วนได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การกระทำของเยี่ยนจ้าวเกอไม่เพียงแต่ไม่มีผลร้าย ยังมักจะก่อให้เกิดผลดีที่คาดคิดไม่ถึงอีกด้วย

เป้าหมายของเยี่ยนจ้าวเกอย่อมมิใช่ปีศาจอัคคี ซึ่งหลงเหลืออยู่ในทะเลชั้นนอกทะเลตะวันออก

ที่ทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออก เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้โดยสารเรือบินเหยียบคลื่น ไม่ได้นั่งบนตัวพ่านพ่าน และไม่ได้เหาะอยู่บนอากาศ

พวกเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ กำลังดำอยู่ในน้ำทะเล

อาหู่กับพ่านพ่านติดตามเขาด้วยความสงสัย

หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน เงาร่างของเยี่ยนจ้าวเกอก็ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ ทว่าสายตายังคงมอบไปรอบๆ “หลังจากปีศาจอัคคีอาละวาด ทะเลที่นี่มีปราญวิญญาณเบาบางยิ่ง”

อาหู่ถามอย่างประหลาดใจ “คุณชาย ท่านคิดทำอะไรหรือขอรับ”

เยี่ยนจ้าวเกอลูบคาง “อือ อยากลองดูเสียหน่อย”

อาหู่งงงันเล็กน้อย “ลองอย่างไรหรือขอรับ”

ชายหนุ่มยิ้ม “ข้าอยากลองหาจ้าวปีศาจอัคคีสักตัว”

อาหู่พลันกระแอมอย่างรุนแรง “คุณ…คุณชาย จ้าวปีศาจอัคคีอย่างแย่ที่สุดก็มีระดับเทียบเท่ากับมหาปรมาจารย์ขั้นที่เจ็ด ขั้นรูปญาณระยะต้นของจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์นะขอรับ”

ถึงแม้เยี่ยนจ้าวเกอจะครอบครองธนูนภาอลหม่าน และมีอาคมน้ำแข็งปราบมารกับแหวนสีแดงก่ำคอยสะกดปีศาจอัคคี แต่คิดจะสู้กับจ้าวปีศาจเพียงคนเดียว นี่ทำให้อาหู่ถึงกับสำลัก

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องฆ่ามัน และไม่จำเป็นต้องสู้ด้วย ข้าคิดจะหาจ้าวปีศาจตัวเป็นๆ ซึ่งอยู่ในสภาวะสมบูรณ์ที่สุด เพื่อยืนยันของบางอย่างเท่านั้น”

อาหู่มีสีหน้าหนักใจ “แต่นั่นก็ยากอยู่ดี โดยเฉพาะตอนนี้ท่านอาจจะกลายเป็นหนามตำตาของปีศาจอัคคีแล้ว”

ได้ยินดังนั้นแล้ว แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็ยังคงยิ้ม และแบมือออก “ดังนั้นข้าจึงคิดหาวิธีอยู่ มีคำพูดบอกว่าวิธีการมีมากกว่าความลำบากอยู่แล้ว”