ตอนที่ 663

The Divine Nine Dragon Cauldron

663 – ตะเพิดศัตรู

 

“หลิงเอ๋อ!”

 

หัวหน้าผู้เป็นพ่อของนางจะใจเย็นลงอยู่ได้อย่างไรเมื่อลูกสาวตกอยู่ในอันตราย?

 

เขาเคลื่อนไหวในทันที ผ้าคลุมล่องหนถูกเปิดออกมาพร้อมกับร่างของอีกสามคนที่เผยตัว

 

“มีคนอื่นอยู่อีกจริงๆด้วย”

 

พอเขาปรากฏตัวก็มีสายลมรุนแรงสองสายพุ่งเข้ามาจากทั้งสองด้าน

 

ทั้งสองคนมีพลังที่แข็งแกร่งที่เป็นของแค่ภูติเท่านั้น พวกเขาคือกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวง

 

ชายวัยกลางคนตกตะลึงแต่เขาก็รีบโต้ตอบ เขาฟันมือแต่ละข้างไปยังทั้งสองคน วายุที่สร้างจากพลังชีวิตพุ่งเข้าไปต้านทั้งสองเอาไว้

 

ปัง! ปัง!

 

ชายวัยกลางคนป้องกันทั้งสองได้ทัน โชคดีที่พลังของสองฝ่ายเท่ากัน

 

“ปล่อยข้านะ!”

 

ภูติสองคนที่มีแก้วสามดวงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว

 

พวกเขาพบว่าพลังชีวิตของคนตรงหน้านั้นแปลกมาก พลังต้านทานยังคงเหลืออยู่ นั่นทําให้พวกเขาหนีไม่พ้น!

 

“ยิ่งเฉิง ไปช่วยหลิงเอ๋อ”

 

หัวหน้าถ่วงเวลาสองคนนี้เอาไว้เพื่อให้ยิ่งเฉิงมีโอกาสได้เคลื่อนไหว เขารู้ว่ายิ่งเฉิงรับมือกับกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงไม่ได้

 

ยิ่งเฉิงหนักใจมาก แต่เมื่อเห็นว่ากึ่งภูติสองคนถูกถ่วงเอาไว้เขาก็เตรียมจะลงมือ

 

แต่ตอนนั้น เขาก้าวถอยหลังไปราวกับตระหนักหนึ่งอะไรบางอย่าง เหงื่อเย็นๆซึมออกมาจากหน้าผาก เขาดูหวาดกลัวกับความว่างเปล่ารอบๆ เขากําลังหวาดวิตก

 

ศัตรูลอบโจมตีมาแล้วสองครั้ง แล้วจะมีครั้งที่สามอีกไหมล่ะ?

 

“ยิ่งเฉิง ทําอะไรของเจ้า? ทําไมยังไม่ช่วยหลิงเอ๋ออีก?”

 

หัวหน้ากัดฟันแน่น มีเสียงกระดูกแตกดังมาจากแขนทั้งสองข้าง บอกได้เลยว่ายากมากที่เขาจะรับมือกับกิ่งภูติทั้งสองคนพร้อมกัน!

 

ยิ่งเฉเพิ่งยืนนิ่งเมื่อหลิงเอ๋อถูกจับตัวไป ความลังเลปรากฏฬบแววตา ความกลัวในใจขัดขวางไม่ให้เขาก้าวไปข้างหน้า ท้ายสุดเขาก็หันกลับไปและยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน เขาซ่อนตัวเพื่อไม่ให้ถูกศัตรูพบ

 

“ยิ่งเฉิง เจ้า”

 

เมื่อหัวหน้ารู้ว่ายิ่งเฉิงนั้นหวาดกลัวและเลือกที่จะทิ้งหลิงเอ๋อเพื่อปกป้องตัวเอง เขาก็เสียใจมาก

 

“อ้า!”

 

เสียงร้องแหลมของหลิงเอ๋อดังไม่หยุด นางกําลังจะถูกชายหนุ่มชุดสีอําพันประทุษร้าย

 

“แม่สาวน้อย เจ้าค่อยไปร้องแบบนี้บนเตียงก็ได้นะ”

 

ชายชุดสีอําพันหัวเราะ เขาใช้พลังทั้งหมดลากนางออกมา

 

แต่แม้จะแข็งแกร่ง เขาก็มิอาจลากหลิงเอ๋อมาได้ มันแปลกมาก!

 

“ใครน่ะ? ใครจับมือข้า? ออกมา!”

 

ชายชุดอําพันตัวแข็งที่อ เขาตะโกน

 

ตาเปล่าของเขามองเห็นรอยมือที่ข้อมือเหมือนกับเขาถูกบางคนดึงมือเอาไว้ไม่ให้ลากหลิงเอ๋อไปไกลกว่านี้ แต่เขาก็ไม่ใครว่ามีใคร คนผู้นี้จะต้องล่องหนอยู่!

 

“พี่ยิ่งเฉิง ช่วยข้าด้วย!”

 

หลิงเอ๋อดีใจมากที่คิดว่ายิ่งเฉิงมาช่วยนาง แต่ไม่นานนางก็ได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยมาแทน รอยยิ้มของนางหายไป

 

“ยิ่งเฉิงรึ? มันยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ข้าแค่ตามน้ํามาช่วยเท่านั้น ถึงข้าจะอ่อนแอก็เถอะ”

 

เสียงนี้ไม่ใช่ยิ่งเฉิงแต่เป็นของซือหยู!

 

ซือหยูเปิดผ้าคลุมล่องหนเมื่อพูดจบ ผมสีเงินยาวพริ้วไหวตามแรงลมปิดหน้าไปครึ่งใบแต่มันก็มิอาจบดบังแววตาลึกล้ําที่ดูเหมือนกับมีดวงดาราภายในนั้นได้ เส้นผมของเขาเองก็มิได้บดบังความหล่อเหลาในใบหน้าเลย

 

มือข้างหนึ่งของเขาไพล่หลังอยู่ขณะที่อีกข้างดึงข้อมือของศัตรูเอาไว้ ท่าทางเรียบเฉยสบายๆ ของเขาทําให้เขาราวกับภาพเขียนอันงดงามที่หยุดนิ่ง

 

เขาราวกับเทพเจ้าที่ลงมาจากฟ้า เขามิใช่แค่สง่างามและรูปหล่อแต่ยังแข็งแกร่งมากและมีพลังที่น่ากลัวซ่อนเอาไว้

 

“ไปให้พ้น”

 

ซือหยูพลิกฝ่ามือ ชายชุดอําพันร้องด้วยความเจ็บปวด เขากระเด็นไปเกือบล็ราวกับถูกโยนเล่

 

เขากระแทกเข้ากับก้อนศิลา อกของเขาฉีกสะบั้น ดวงตาหม่นแสงลง เขาหายใจเฮือกสุดท้ายและหมดลมหายใจ ก้อนศิลาที่เขากระแทกกลายเป็นฝุ่นผงฝังศพของเขา

 

กึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงถูกซื้อหมูสังหารเพียงพลิกฝ่ามือ! และมันเกิดขึ้นเพียงลมหายใจเดียว!ทุกคนที่ได้เห็นตัวแข็งที่อไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู

 

หลิงเอ๋อคิดอะไรไม่ออก นางมองชายอมตะชุดขาวตรงหน้าที่ผมสีเงินโบกสะบัดไปมา หัวใจนางเต้นแรง นางรู้สึกอีกว่าชื่อหมูคือคนที่มาจากคํานานยุคโบราณ

 

เพราะเขาทั้งสง่า สูงส่ง ดูลึกลับ ทั้งยังมีพลังมหาศาล ทั้งหมดทั้งมวลขับส่งให้เขาดูไม่เหมือนกับคนของโลกนี้เลย

 

เพียงแค่มองซือหยูก็ทําให้นางรู้สึกต่ําต้อย และนางมิใช่คนเดียวที่รู้สึกเช่นนี้ ทุกคนที่นี่รู้สึกราวกับว่าเขาคือเทพไร้เทียมทานที่อาศัยอยู่บนสรวงสวรรค์! เขาดูไม่เหมือนกับมนุษย์เลย!

 

“เจ้าเป็นใครกันแน่?”

 

หัวหน้าหน่วยที่ใช้พลังทั้งหมดรับมือกับกิ่งภูติสองคนรู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้สติ

 

ซือหยูผละมือทั้งสองไพล่หลังและยิ้มเบาๆมองไปทางขวา เขาเห็นภูติระดับหนึ่งที่เป็นผู้นํา ภูติคนนั้นราวกับจําชื่อหมูได้ เขาหันหนีไปทันที

 

ซือหยูยิ้มเบาๆอีกครั้ง เขาแค่เดินไปหาชายวัยกลางคนแทนที่จะไล่ตามภูติที่หนีออกไป

 

“ท่านบาดเจ็บหรือไม่?”

 

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะชายวัยกลางคนระวังตัวหรือว่าเพราะความน่าเกรงขามของซือหยู แต่เขาถอยหลังไปหลายก้าวเมื่อซือหยูเดินเข้ามา เขาตัวสั่นกลัวเมื่อมองซือหยู เขาไม่กระพริบตาแม้สักครั้ง เขารู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้ามิใช่คนธรรมดาที่ไม่สําคัญ แต่เป็นผู้ยิ่งใหญ่จากที่ไหนสักแห่ง

 

“ท่านหัวหน้า ท่านบาดเจ็บหรือไม่?”

 

ชื่อหมูถามอีกครั้ง

 

ชายวัยกลางคนกลับมาได้สติเมื่อซื้อหมูถามอีกครั้ง เขารีบตอบ

 

“อ๊ะ ขะ ข้าไม่เป็นไร…”

 

แม้แต่คนที่เฉลียวฉลาดอย่างเขาก็ตกใจเพราะซือหยู คําพูดของเขาติดขัด!

 

“ถ้าท่านไม่เป็นไปเราก็ไปยอดเขากันเถอะ พวกมันมีจํานวนมากนัก ข้าคนเดียวจัดการพวกมันไม่ไหวหรอก”

 

ซือหยูพูด

 

ถ้าหากมีร้อยคนพุ่งเข้าใส่ แม้ว่าเขาจะใช้ทุกวิถีทางและทุกวิชาก็อาจจะเอาตัวไม่รอด เป็นการดีที่เขาจะหนีไปโดยเร็ว

 

ชายวัยกลางคนตัวสั่นเมื่อได้ยินซือหยู จากนั้นเขาจึงหยิบลูกแก้วมาอีกครั้ง

 

“ไว้ใจข้าได้เลย”

 

พี่บ!

 

เมื่อเห็นว่ารอดพ้นอันตราย ยิ่งเฉิงที่หน้าซีดได้ถอดผ้าคลุมออกและจับมือชายวัยกลางคนเอาไว้หัวหน้ามองเขาอย่างเย็นชาและคิดในใจ…เจ้าจะต้องชดใช้!

 

“ท่านใต้เท้า! ขอบคุณที่ช่วยลูกสาวข้า เราจะไปที่ยอดเขาเดี๋ยวนี้”

 

ซือหยูพยักหน้าอย่างใจเย็น เขาหันไปและยิ้มเบาๆให้หลิงเอ๋อ

 

“แม่นางหลิง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

 

เขาพูดและยื่นมือไปหานาง

 

หลิงเอ๋อไม่คุ้นเคยกับรอยยิ้มเช่นนี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ารอยยิ้มนี้มีพลังอันลึกลับที่น่าหลงใหลหลิงเอ๋อตกอยู่ในภวังค์ หัวใจนางเต้นแรงขึ้น

 

“ไปจับตัวมัน มันคือ…”

 

ภูติที่เป็นผู้นําที่เพิ่งจะหนีตะโกน เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกลัว

 

เมื่อได้ยินคําสั่ง เหล่าทหารจากต่างโลกพุ่งเข้าใส่ซือหยูราวกับน้ําเชี่ยวกราก หลิงเอ๋อยังคงเหม่อลอย ซื่อหยุขมวดคิวเบาๆ

 

หลิงเอ๋อจะใจลอยเกินไปแล้ว! ไม่คิดเลยว่านางจะมาเหม่อในเวลาแบบนี้! ต้องขอบคุณพ่อนาง ที่นางยังรอดมาได้ถึงตอนนี้

 

“โทษทีนะ”

 

เขาไม่มีทาเลือก ซือหยูใช้พลังดึงหลิงเอ๋อมาหาเขา

 

เขาดึงนางมาในอ้อมแขนและจับเอวนางเพื่อไม่ให้มีเรื่องที่ไม่อยากให้เกิดเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาเข้าไปสู่ยอดเขา ร่างหวานหอมให้สัมผัสราวกับปุยนุ่นและอกอันอวบอิ่มได้กดลงบนตัวของเขา กลิ่นหอมของนางแล่นผ่านจมูก

 

น่าเสียดายที่ซื่อหยุไม่มีเวลาจะเสพมันไปมากกว่านี้ เมื่อทั้งคู่สัมผัสกันหัวหน้าก็ปล่อ ยพลังลงในลูกแก้วลูกแก้วเปล่งแสงโอบล้อมเขาและคนที่สัมผัสตัว ยิ่งเฉิง ซือหยูและหลิงเอ๋อจึงถูกแสงโอบล้อมเอาไว้ด้วย

 

พวกเขาผ่านลูแก้วทั้งเก้าเข้าไป เสียงตอนที่เข้าไปในม่านพลังนั้นทําให้เจ็บหูอยู่เล็กน้อย

เมื่อเขามองรอบๆด้วยเนตรวิญญาณก็พบคนจํานวนมหาศาล พวกเขาอยู่ในศูนย์การค้าที่กลางเมือง

 

ทหารยืนเรียงรายสามแถว แต่ละคนมีพลังอยู่มาก แม้แต่คนที่อ่อนแอที่สุดก็เป็นภูติที่มีแก้วสองดวง

 

พี่บ! พี่บ!

 

เมื่อพวกซือหยูปรากฏตัว เสียงที่เหมือนโซ่ตรวนดังขึ้นพร้อมกัน โซ่เก้าเส้นพุ่งมาจากทุกทิศทางและรัดตัวซือหยูกับคนที่เหลือไว้แน่น

 

โซนี้ทําจากวัตถุดิบที่ยอดเยี่ยม ซื่อหยุบอกได้เลยว่ามันไม่แข็งแรงน้อยไปกว่าวัตถุดิบที่ใช้สร้างเรือรบของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ ไม่มีใครทําลายมันได้แน่

 

แต่ชื่อหมูไม่ได้ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากนัก ลําดับยักย้ายของเรือรบพันธมิตรผู้คุมสวรรค์เองก็มีทหารมากมายปกป้องเอาไว้ แต่ทหารของอาณาจักรทมิฬที่มายืนเฝ้าที่นี่นั้นเยอะกว่าของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์เป็นสิบเท่า

 

“หัวหน้าหน่วยข่าวกรองหลิงเจี้ยนหลิว…กลับมารายงานภารกิจ”

 

หัวหน้าหน่วยหยิบเอาตราออกมาจากเสื้อ ตรานี้มีพลังพิเศษอยู่ภายใน เป็นไปไม่ได้ที่จะลอกเลียนแบบ

 

เหล่าทหารหยิบตราขึ้นไปมองดู

 

“ตราไม่ใช่ของปลอม”

 

หนึ่งในทหารบินไปส่งขาวทันที

 

ซือหยูยอมรับกับความรัดกุมเช่นนี้ ถ้าหากมีใครอยากจะมาที่นี่ นอกจากจะต้องมีตรายืนยันแล้วยังต้องมีทหารส่งตราไปให้ผู้นํายอมรับอีก การป้องกันนี้ซับซ้อนและช่วยยืนยันความปลอดภัย

 

ลําดับลูกแก้วทั้งเก้าเป็นแค่เหตุผลอย่างหนึ่งที่อาณาจักรทมิฬอยู่รอดมาได้ยาวนาน แต่เรื่องสําคัญที่สุดคือพวกเขาระวังตัวอยู่เสมอ พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ควรจะเรียนรู้จากคนเหล่านี้

 

ไม่นานรอบๆก็มืดลง วิหคที่คล้ายวิหคเพลิงสามตัวลากรถเลื่อนบินผ่านมา ที่รถเลื่อนมี ภาพเขียนหัวสัตว์ป่าอยู่ด้วย

 

แววตาของหัวหน้าหน่วยข่าวกรองไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ซื่อหยุยังคงกังวล

 

“เจ้าจะปล่อยหลิงเอ๋อได้รึยัง?”

 

เสียงไม่พอใจดังขึ้นมา ยิ่งเฉิงที่เมื่อครูไม่กล้าแม้แต่จะหายใจต่อหน้าซื้อหยกลับตําหนิเขา

 

ซือหยูวางนางลงโดยไม่แม้แต่มองเขาหรือหลิงเอ๋อ เขาเพียงเอามือไพล่หลังเอาไว้ราวกับไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น

 

หลิงเอ๋อหน้าแดงเมื่อซือหยูวางนางลง นางหายใจหอบหลายครั้งเพราะนางกังวลใจอยู่ตลอดที่ถูกกอดมานาน อกของนางขยับขึ้นลงไม่หยุด นางชาไปทั่วตัว นั่นยิ่งทําให้หน้านางแดงยิ่งกว่าเดิม

 

นางมองไปยังแผ่นหลังที่สง่างามของซือหยู นางรู้สึกราวกับมองไม่เห็นความจริง นางคิดว่าทั้งหมดอาจจะเป็นความฝัน

 

“หลิงเอ๋อ เจ้าเป็นอะไรไหม? ข้าเป็นห่วงเจ้ามากเลย”

 

ยิ่งเฉิงเดินเข้ามาใกล้หลิงเอ๋อ เขาพยายามจะขวางระหว่างนางกับซือหยู

 

เมื่อหลิงเอ๋อถูกบดบังสายตาและได้ยินคําพูดเป็นห่วงเป็นใยจอมปลอมก็โกรธมาก

 

“ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องลําบากมาช่วยข้า ข้ายังมีชีวิตอยู่ได้เพราะเขาช่วยเขาไว้”

 

ยิ่งเฉิงอับอายเมื่อได้ยินคําพูดของนางที่โกรธแค้น เขารู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทําให้นางผิดหวังอย่างมาก

 

การพยายามอธิบายรังแต่จะทําให้นางไม่ชอบเขามากยิ่งขึ้น เขาจึงแค่ยิ้มและถอยกลับไปหาหัวหน้าหน่วย

 

“ท่านหัวหน้าไม่ต้องกังวล พวกผู้นํารู้ความสัมพันธ์ของข้ากับท่านแล้ว แม้ว่าจ้าวแห่งความมีดคนไหนจะมีข้อขัดแย้งกับจ้าวแห่งความมืดที่ท่านรับใช้ เขาก็จะไม่หาเรื่องท่านเพราะต้องนับถือข้า”

 

หัวหน้าหน่วยที่ยังโกรธเก็บซ่อนความแค้นเอาไว้ เขาไม่ควรจะทําให้ใครไม่พอใจในตอนนี้เขา จึงฝืนตัวเองให้ยิ้มรับ