ตอนที่ 664

The Divine Nine Dragon Cauldron

664 – ผู้นําทัพต้องห้าม

 

เมื่อรถเลื่อนมาถึง เท้าใหญ่ๆของวิหคเพลิงได้จรดลงพื้นด้วยพลังมหาศาล แม้แต่ซือหยูที่ยืนอยู่ไกลก็รู้สึกว่าพื้นสั่น

 

พลังอันรุนแรงทําให้ฝุ่นบนพื้นลอยขึ้นมา ทุกคนหรี่ตาเพื่อหลบ

 

“ท่านผู้นําหลง

 

ทหารสองคนโค้งคํานับต้อนรับพร้อมกัน

 

เสียงของเหล่าทหารทับซ้อนเป็นเสียงเดียว พวกเข้าเคลื่อนไหวอย่างสมบูรณ์แบบ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะนับถือชายคนนี้มาก หรือถ้าไม่ใช่เช่นนั้นก็คงด้วยความกลัว

 

คนรอบๆที่ไม่เกี่ยวข้องล้วนเดินหลบไป พวกเขาหลีกทางจนโล่งกว้างทั้งๆที่เมื่อครู่ยังเต็มไปด้วยผู้คนเดินขวักไขว่

 

สาวใช้ที่อ่อนโยนงดงามสองคนเดินมาที่รถเลื่อนด้วยความตื่นเต้น แต่ละคนถือร่มและยืนหน้าประตูด้วยความนอบน้อม

 

ไม่นานก็มีคนก้าวออกมาจากรถเลื่อนอย่างไม่รีบร้อน ชายวัยกลางคนสวมชุดที่ดูยิ่งใหญ่เขามีมงกุฏสีม่วงบนศีรษะ เขาเดินมาอย่างผู้ทรงอํานาจ ในมือทั้งสองไพล่หลังเอาไว้

 

ใบหน้าของเขาดูธรรมดา สิ่งเดียวที่ต้องสายตาผู้คนก็คือดวงตาของเขา

 

เขามีดวงตาสีอําพันเข้มที่คล้ายกับดวงตาของอสรพิษ มันทําให้คนหนาวสั่นเมื่อถูกมองทุกคนที่ถูกเขาจ้องมองล้วนรู้สึกว่าถูกสัตว์ร้ายเล็งเป้า

 

“ลุกขึ้น”

 

เมื่อเขาเดินออกมาก็ขมวดคิ้วเบาๆ

 

เหล่าทหารกล้ายืนขึ้นมาเมื่อเขาสั่ง แต่พวกเขาก็ยังก้มหน้าและไม่ขยับตัว

 

ชื่อหยูแปลกใจและแอบส่ายหน้า ช่างเป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่นัก!

 

เขาเคยเห็นภูติหลายคนจากทัพต่างโลก แต่เขาก็ไม่เคยเห็นคนที่นิยมชมชอบการแสดงเช่นนี้มาก่อน!

 

“ส่งเสียงเอะอะอะไรกัน?”

 

ชายวัยกลางคนถามอย่างเรียบเฉย แม้เขาจะได้ข่าวเรื่องการมาของหน่วยข่าวกรองแล้วเขาก็แสร้งทําเป็นไปไม่รู้อะไร

 

ทหารสองคนไม่กล้าจะบ่นและเริ่มเล่าเรื่องเดิมซ้ําอีกครั้ง พอถึงตอนนั้นเขาจึงมองไปยังสี่คนที่ถูกโซ่มัดรวมถึงหลิงเจี้ยนหลิว

 

“เอ๋? พวกเขามารายงานข่าวนี้ เพิ่งกลับมาจากการทําภารกิจรี?”

 

เขาถาม

 

ชายคนนี้ทําราวกับเพิ่งจะได้เห็นหลิงเจี้ยนหลิว หลิงเจี้ยนหลิวแอบเค้นกราม ชายวัย กลางคนคนผู้นี้ก็คือผู้นําทัพต้องห้าม หลงควน

 

ทั้งคู่เป็นส่วนหนึ่งของทัพต้องห้ามที่นี่ ทั้งคู่มีตําแหน่งรองผู้บัญชาการเทียบเท่ากัน แต่พวกเขาก็ไม่เคยไปกันได้ดี

 

นั่นก็เพราะสามปีก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลงแปลกๆในทวีปเฉินหลง หลงควนนั้นมีพรสวรรค์สูงกว่าเขายังได้รับการหนุนหลังของคนตําแหน่งสูงในตําหนักเจ็ดจ้าวด้วย

 

ดังนั้นเขาจึงได้ผ่านภัยพิบัติมาและกลายเป็นภูติระดับหนึ่ง เขายังได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้นําทัพ

 

จากนั้น หลิงเจี้ยนหลิวจึงถูกลดบทบาทลงไป โชคดีที่หลิงเจี้ยนหลิวรู้จักผู้อาวุโสของตําหนักเจ็ดจ้าวอยู่บ้าง เขาจึงได้รับตําแหน่งในหน่วยข่าวกรอง นั่นหมายความว่าเขาจะได้เลี่ยงการเจอหลงควนด้วย

 

เขาจึงใช้ชีวิตอย่างสงบสุขตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตามปกตินั้นยากที่หลงควนจะหาเรื่องเขาได้ ดังนั้นจึงมีเวลาแบบนี้เท่านั้นที่หลงควนจะมีโอกาสมาสร้างความวุ่นวาย

 

“ผู้นําหลง ข้อมีเรื่องสําคัญจะรายงานต่อตําหนักเจ็ดจ้าว หวังว่าท่านจะให้พวกเราไปโดยเร็วทั้งเจ้าและข้ารับผิดชอบโอกาสทองของสงครามไม่ได้หรอกนะ”

 

หลิงเจี้ยนหลิวพูดอย่างมีเหตุผลและไร้ความเกรงกลัว

 

หลงควนสายตาเย็นชาลงเมื่อได้ยินคําพูดของอีกฝ่าย แต่ที่ใบหน้าก็ยังคงมีรอยยิ้มอันไร้อารมณ์

 

เขาตอบ

 

“เจ้าพูดถูก เพราะเจ้าเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง เจ้ามีอิสระ! ไปสิ”

 

แกรง

 

โซ่ตรวจถูกปลด เขาเป็นอิสระในทันที หลิงเจี้ยนหลิวดึงตัวหลิงเอ๋อและกําลังจะออกไป

 

“เราจะไปแล้ว”

 

“เดี๋ยวก่อน เป็นเรื่องสําคัญที่หัวหน้าหน่วยหลิงต้องรายงานสิ่งที่เจอ ดังนั้นเจ้าไปได้ แต่ยิ่งเฉงกับหลิงเอ๋อต้องอยู่ที่นี่ ข้าต้องการให้ทั้งสองอธิบายทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในค่ายศัตรูเพื่อจะได้เข้าใจสถานการณ์ดีขึ้น”

 

ผู้นําหลงพูด

 

ยิ่งเฉิงไม่แสดงความรู้สึกใดออกมาเลย เขาแอบดีใจกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยิน นั่นก็เพราะหลงควนเป็นสามีของป้าเขาที่รู้มาโดยตลอดว่ายิ่งเฉิงชอบพอหลิงเอ๋อ

 

เขาขอให้ทั้งสองอยู่โดยบอกว่าเพื่อที่จะรับฟังพฤติกรรมของข้าศึก แต่แผนที่แท้จริงก็คือการให้ยิ่งเฉิงกับหลิงเอ๋อได้ใช้เวลาร่วมกัน ให้สายสัมพันธ์ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แต่หลิงเจี้ยนหลิวก็บอกได้ในทันทีว่าหลงควนคิดจะทําอะไร

 

หลิงเจี้ยนหลิวขมวดคิ้วเมื่อพูด

 

“ผู้นําหลง ยิ่งเฉิงคนเดียวก็พอแล้ว หลิงเอ๋อยังตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเดินทาง นางต้องพัก”

 

หลงควนหัวเราะเบาๆ

 

“หัวหน้าหน่วยหลิงไม่ต้องห่วง พวกเราเพียงแค่จะถามคําถามง่ายๆกับนาง นางจะไม่ถูกกดดันเองล่ะพาตัวพวกเขาไป เราจะช้าไม่ได้ ข้าหวังว่าท่านจะเข้าใจ”

 

คําสั่งเช่นนี้ทําให้หลิงเจี้ยนหลิวโกรธแค้น แต่เขาทําอะไรไม่ได้ เขามิอาจปฏิเสธข้ออ้างของหลงควนในเรื่องพฤติกรรมของข้าศึก

 

“ข้าไม่อยากจะไปกับเจ้า!”

 

หลิงเอ๋อตะโกนเมื่อเห็นแววตาของยิ่งเฉิง นางขยะแขยงที่เขาไม่เข้ามาช่วยนางเมื่อครูนางแตะปลายเท้ากับพื้นเตรียมจะบินไปกับหลิงเจี้ยนหลิว

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงกระทืบเท้าดังขึ้น หลงควนกระทืบเท้าเสียงดัง แรงกระแทกทําให้พื้นสั่น

 

หลงควนที่หัวเราะเมื่อครู่สีหน้าจริงจังขึ้นมา

 

“อะไรกัน! ทัพต้องห้ามต้องดูแลความปลอดภัยของอาณาจักรทมิฬ ถ้าเจ้าปฏิเสธ ก็แสดงว่าเจ้าไม่เห็นทัพต้องห้ามในสายตาเลยสินะ?”

 

หลิงเอ๋อไม่เคยถูกตําหนิเช่นนี้ พลังระดับภูติของหลงควนยังทําให้นางตกใจขนขยับไม่ได้

 

หลิงเจี้ยนหลิวโกรธจัด เพราะหลงควนกําลังรังแกลูกสาวของเขาต่อหน้าต่อตา หลงควนทำไปเพื่อให้เขาไม่พอใจและยังทําให้เขาอับอาย

 

แต่เขาก็ทําอะไรไม่ได้ มิเช่นนั้นหลงควนก็อาจจะใช้เรื่องนี้เป็นชนวนใส่ร้ายเขา

 

นอกซะจากว่ามีคนเต็มใจจะทํามันแทนเขาเอง…

 

“ทัพต้องห้ามดื่ม ทัพต้องห้ามมันยิ่งใหญ่เช่นนั้นเชียวรึ? เจ้าก็แค่ให้คนจากข้างนอกกลับมารายงานสถานการณ์ของข้าศึก อาณาจักรทมิฬเลี้ยงดูให้พวกเจ้ากลายเป็นพวกขี้ขลาดแบบนี้รึ?”

 

เสียงอันเย็นชาดังมาจากกรงเหล็ก ผู้พูดคือชายหนุ่มผมสีเงิน

 

เขาเดินมือไพล่หลังออกมาและเหลือบมองรอบๆ เขาไม่ปิดบังความผิดหวังในใบหน้า

 

“ที่แรกข้าคิดว่าอาณาจักรทมิฬจะเป็นแนวป้องกันสุดท้ายของทวีปเฉินหลง แต่ข้าไม่คิดเลยว่าข้าจะคิดถึงสิ่งที่ไม่คู่ควรเช่นนี้ออกมา!”

 

เขาไม่ปิดบังใบหน้าดูถูก

 

“แม้แต่สุนัขยังรับรู้ได้ดีกว่าพวกเจ้าว่าศัตรูมายืนอยู่ที่หน้าบ้าน! แล้วพวกเจ้าเล่า? พวกเจ้าไม่รู้เรื่องศัตรูที่กําลังเผชิญหน้าอยู่เลยรี! นอกจากจะกลัวการเผชิญหน้า ไม่ขับไล่พวกมันออกไป แต่พวกเจ้าก็ยังขังตัวเองแล้วรังแกคนของตัวเองอยู่แบบนี้!”

 

“เจ้ามีหน้าที่ทําอะไรกัน? เจ้าต้องปกป้องคนอาณาจักรทมิฬตอนที่เจอกับความทุกข์ยากหรือทําตัวสูงส่งแต่หวาดกลัวศัตรูแล้วรังแกพวกเดียวกันอย่างนี้”

 

คําถามอย่างต่อเนื่องทําให้ทหารทัพต้องห้ามมองซือหยูด้วยความตกใจ ไม่มีใครเคยพูดกับทัพต้องห้ามแบบนี้มาก่อน!

 

ทัพต้องห้ามทําหน้าที่คุ้มกันอาณาจักรทมิฬ ดังนั้นคนของทัพต้องห้ามจึงมีสิทธิ์ที่จะลงโทษทุกคน ทุกคนจึงหวาดกลัวทัพต้องห้าม

 

ทหารของทัพต้องห้ามหลายคนหน้าแดง พวกเขาคิดในใจว่าพวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าศัตรูอยู่ที่หน้าบ้านของตน

 

แน่นอนว่ามีบางคนที่สอดส่องศัตรูในทุกวัน หลงควนเพียงแค่ใช้ข้ออ้างนี้ทําให้ยิ่งเฉิงกับหลิงเอ๋อได้อยู่ด้วยกันนานขึ้น

 

แต่ไม่มีใครพูดมันออกมา เพราะพวกเขามิอาจเปิดโปงได้ว่าหลงควนจะทําอะไร!

 

หลิงเจี้ยนหลิวตัวแข็งที่อ เขาชักสีหน้า หลงควนนั้นใช้ครั้งนี้เพื่อหาเรื่องเขาอย่างเห็นได้ชัด!

 

แม้หลิงเจี้ยนหลิวจะรู้ว่าชื่อหยูเต็มไปด้วยความลับ เขาก็กังวลว่าซื้อหยูจะมิอาจต่อกรกับหลงควนที่มีทหารมากมายได้ หลงควนค่อนข้างงุนงง เขาไม่คิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ไม่มีใครที่กล้าพูดกับเขาแบบนี้!

 

“เจ้าเป็นใคร? กล้าดียังไงมาดูหมิ่นอาณาจักรทมิฬ?”

 

หลงควนตะโกนใส่ซื่อหยูเสียงดังหลังจากที่ถูกถามจนหน้าชา

 

แต่ไม่มีใครคิดเลยว่าชื่อหยูจะไม่มองแม้แต่หน้าหลงควน เขาเพียงแค่เดินออกมาจากกรงเหล็กอย่างง่ายดายและยังพาหลิงเอ๋อมากับเขาด้วย!

 

จากนั้นเขาจึงพูด

 

“ตัวตนของข้ามิใช่สิ่งที่คนอย่างเจ้าจะรับรู้ได้ ให้คนที่คู่ควรกว่านี้ออกมาพูดกับข้าจะดีกว่าเจ้าหลีกไปเถอะ”