ตอนที่ 825 สังหารเขาซะ
นางลังเลเช่นนี้อยู่ครู่หนึ่ง คางของนางถูกฉินเย่หานจับเอาไว้ ยกมือเชิดใบหน้าของนางขึ้น บีบบังคับให้นางจ้องมองเขา
สายตาของเขานั้นเฉียบคมเป็นอย่างมาก ประหนึ่งมองดวงตาของนางได้อย่างทะลุปรุโปร่ง จนเห็นไปถึงก้นดวงใจของนางก็ไม่ปาน
เขามองจนนางใจเต้นตึกตัก
“ตอบเรามา เขาเป็นใคร มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้า” ฉินเย่หานปั้นสีหน้าเย็นชา แล้วพูดเน้นทีละคำ
ซูหลีผงะไปเล็กน้อย จากนั้นจึงเงียบไปทันที นางพลันเงยหน้าขึ้นสบตากับฉินเย่หานแล้วเอ่ยว่า
“เขาคือลู่อวี้เหิง เป็นพี่เลี้ยงของลู่เหมียนเหมียน ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับข้าทั้งสิ้น!” นางเอ่ยอย่างแน่วแน่ ภายในดวงตารูปดอกท้อที่เปียกชื้นของนางไม่มีประกายแวววาวเลยแม้แต่น้อย
เมื่อครู่ได้ยินเรื่องราวมากมาย ซูหลีจึงสติหลุดไปบ้าง ทว่ากลับไม่ได้ร้องไห้ออกมา
ทว่าอารมณ์ของนางจะเปิดเผยออกมาเช่นนี้น้อยมาก โดยเฉพาะด้วยดวงตาของนางดูเศร้าซึ่งจะแตกต่างจากยามปกติเป็นอย่างมาก
แค่ฉินเย่หานมองดวงตาคู่นี้ก็รู้สึกถึงความโศกเศร้าในใจของนาง
ทว่านางไม่ยินยอมพูดออกมา
นี่ถึงทำให้ฉินเย่หานโมโหเป็นอย่างมาก เขาโกรธมากจนอยากจะสั่งคนให้สังหารลู่อวี้เหิงเสียเดี๋ยวนี้ ความโกรธนี้แผ่ซ่านทั่วทั้งหัวใจเขา
ดังนั้นยามที่มองนาง เขายังฝืนอดกลั้นเอาไว้
เรื่องอะไรที่ทำให้นางมีความรู้สึกย่ำแย่ได้ถึงเพียงนี้
“เราไม่ชอบที่เจ้าอยู่ใกล้เขาเกินไป!” ไม่ใช่เพราะระหว่างซูหลีกับลู่อวี้เหิงมีอะไร และไม่มีอะไรจริงๆ แต่เป็นเพราะว่าระหว่างทั้งสองคนนี้ ฉินเย่หานไม่อาจแทรกตัวเข้าไปได้
นานขนาดนี้แล้ว เขาก็ถือว่าเข้าใจซูหลีมากพอ
ใครจะรู้ว่าจู่ๆ จะมีคนเช่นนี้โผล่ออกมา คนที่สามารถทำให้อารมณ์ของซูหลีเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้
เรื่องระหว่างพวกเขา นางยอมที่จะโกหกเขา และไม่ยอมพูดออกมา!
เรื่องที่เกินความสามารถของตนเองเช่นนี้ ฉินเย่หานไม่ชอบเป็นอย่างมาก
“…เพคะ” ซูหลีรู้เพียงว่านางค้านฉินเย่หานหัวชนฝาก็ไม่มีผลดีอะไร นางจึงตอบรับเขาอย่างคล้อยตาม
ทว่าฉินเย่หานเห็นท่าทางของนางแล้ว คิ้วจึงขมวดย่นเป็นปมมากกว่าเดิม เขาจ้องมองซูหลีตามิกะพริบ ซูหลีกลับหลุบตาก้มศีรษะ ไม่สบตากับเขา
ใบหน้าของฉินเย่หานเย็นชาขึ้นทันใด เขาก้มศีรษะปิดปากของซูหลี
“อื้อ!” จุมพิตประหลาดนี้เกิดขึ้นอย่างร้อนแรง ซูหลีหวนสติกลับมา ทั้งร่างก็ถูกจับกุมเข้าไปในอ้อมกอดของเขาเสียแล้ว และถูกริมฝีปากของเขาฉกชิงจูบตามอำเภอใจ
นางผละออกจากเขาไม่ได้ และไม่มีวิธีต่อต้าน จึงปล่อยให้เขาใช้วิธีนี้ระบายอารมณ์ของตนเอง
ผ่านไปพักใหญ่ ฉินเย่หานถึงได้ละออกจากริมฝีปากของนาง
ซูหลีในเวลานี้ใบหน้ามีสีคล้ายกับฤดูใบไม้ผลิ ริมฝีปากแดงบวมขึ้นเล็กน้อย ดูมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก
ดวงตาของฉินเย่หานเข้มขึ้นทันที ในขณะที่ซูหลีคิดว่าเขาจะกระทำอะไรที่นี่ เขาพลันถอยหลังก้าวหนึ่งแล้วเอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็นว่า
“ไปเถอะ!”
ซูหลีรู้สึกหวาดผวาอยู่บ้าง อารมณ์ที่เปลี่ยนไปกะทันหันของฉินเย่หาน ทำให้นางไม่รู้ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่กันแน่
ทว่าเมื่อเห็นเขายอมโอนอ่อน ไม่ได้กระทำเรื่องที่ทำให้นางรู้สึกแย่ในสำนักเต๋อซั่น นางจึงผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เมื่อได้ยินดังนั้นนางก็มิเอ่ยให้มากความ เพียงผงกศีรษะอย่างรวดเร็ว และก้าวเท้าออกจากที่นี่
“คราหน้า หากเรายังเห็นเจ้ากระทำเช่นนี้กับตนเอง เราจะสังหารเขาซะ!” คิดไม่ถึงว่าฝีเท้าของฉินเย่หานจะชะงักลงครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็ตวัดสายตามองที่กลางฝ่ามือนางที่เต็มไปด้วยเลือด จากนั้นจึงเอ่ยประโยคนี้ออกมาด้วยใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
ซูหลีชะงักค้าง และมิทันจะมีท่าทีตอบสนองก็เห็นฉินเย่หานก้าวเท้าเดินออกไปตรงนี้ เหลือเพียงเงาร่างที่เย็นชาจนถึงขีดสุดไว้ให้นางเท่านั้น
นางยืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง และในเวลานี้จึงเพิ่งจะเดินตามเขาไป
“ใต้เท้าซู”
ตอนที่ 826 การปรากฏตัวขึ้นเซี่ยเสียน
ทันทีที่เปิดประตูก็พบหวงเผยซานที่ยืนยิ้มตาหยีอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นนางเดินออกมาก็กวักมือเรียก
มีขันทีที่ปราดเปรียวว่องไวรีบเดินยกของสิ่งนั้นเข้ามา หวงเผยซานนำของสิ่งนั้นยื่นไปตรงหน้าซูหลี แล้วเอ่ยว่า
“ใต้เท้าซู ฝ่าบาทตรัสว่า บาดแผลบนมือนั้น อย่าให้มีแผลเป็นขอรับ”
พูดจบ ก็ส่งขวดยาให้กับซูหลี แล้วหมุนกายเดินออกไป
ซูหลีเห็นขวดยาในมือของตน ใบหน้าพลันเกิดอารมณ์ที่ซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก
นางคล้ายกับจู่ๆ ก็เข้าใจความโกรธที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ของฉินเย่หาน
นางถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วเปิดยาขวดนั้นทากลางฝ่ามือ จากนั้นใช้ผ้าเช็ดหน้าที่พกติดตัวพันบาดแผลเอาไว้ แล้วลุกขึ้นเดินไปทางที่งานเลี้ยงจัดแสดงอยู่
…
ทันทีที่ซูหลีเดินเข้ามาก็ไม่บังเอิญเจอใครทั้งนั้น รอนางเดินถึงสถานที่จัดงานก็พบว่าบรรยากาศคึกคักมากแล้ว
ฉินม่อโจวกับฉินมู่ปิงก็มากันแล้ว
ฉินเย่หานนั่งอยู่ด้านบนสุดด้วยใบหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ด้านข้างมีหวงเผยซานยืนอยู่ และยังมีอาจารย์ผู้ดูแลของสำนักเต๋อซั่นอีกหลายท่าน ยามที่นางเดินเข้ามาฉินเย่หายไม่แม้แต่จะมองนางสักครา
ดวงตาของซูหลีหลุบลงเล็กน้อย กดอารมณ์ที่ซับซ้อนในใจของตนเองลงไป นางปรับสีหน้าท่าทางแล้วเดินไปทางสำนักเต๋อซั่น
“ซูหลี นี่เจ้าไปไหนมา ผ่านไปนานขนาดนี้ถึงเพิ่งกลับมา” ทันทีที่นางกลับเข้ามา ก็มีคนโบกมือเรียกนาง
ซูหลีฉีกยิ้มครู่หนึ่ง กลับเห็นข้างกายของคนผู้นี้มีคุณชายที่อ่อนโยนดุจหยกยืนอยู่ และนั่นก็คือเซี่ยเสียนที่เขาลือกันว่าถูกองค์หญิงใหญ่ขังไม่ให้ออกไปภายนอก
ซูหลีผงะเล็กน้อย ไยเวลานี้ก็มาด้วย
ทว่านางทราบดีว่า นี่เป็นเรื่องส่วนตัวขององค์หญิงใหญ่ ไม่อาจถามถึงได้ นางจึงเพียงเดินยิ้มและผงกศีรษะให้กับเซี่ยเสียน
เซี่ยเสวี่ยนเห็นนางแล้ว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความซับซ้อน
เขาคล้ายกับอยากเอ่ยอะไรบางอย่าง ทว่าหลังจากกวาดตามองโดยรอบแล้ว เขากลับมิพูดอะไรออกมา เพียงอดกลั้นอารมณ์แล้วจับจ้องที่ซูหลี
หลังจากซูหลีเห็นสายตาของเขาแล้ว สายตากลับมองไปทางอื่น
“คนมาจนครบแล้วหรือ”
“ใช่แล้ว ก็รอแค่เจ้า เมื่อครู่คุณหนูสกุลลู่กลับมาแล้ว แต่กลับมิเห็นเจ้า ข้ายังคิดว่าเกิดเรื่องอะไรกับเจ้า ถึงได้กลับออกไปก่อน!” เจียงหยางมองนางด้วยแววตาประหลาดๆ
ดูเหมือนอารมณ์ของซูหลีจะไม่ค่อยดีนัก ในยามปกติยากที่จะพบนางมีท่าทีเช่นนี้
“ตลอดทางบังเอิญพบสหายที่รู้จักหลายคน จึงทำให้ล่าช้า” ซูหลียิ้มบางแล้วเอ่ยประโยคนี้ออกมา และไม่พูดถึงเรื่องนี้ต่ออีก
เรื่องของฉินเย่หานกับนาง เดิมซูหลีคิดว่าอย่างน้อยก็ต้องมีคนแพร่งพรายออกมา
ทว่าหลังจากวันนั้น เพียงได้ยินว่าซูเฟยยั่วโมโหฮ่องเต้ จนถูกฮ่องเต้ลดตำแหน่งเหลือเพียงผิน อีกทั้งยังมีขันทีที่ล้างพื้นหน้าห้องทรงอักษรตายอย่างกะทันหัน
ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้นไม่มีอะไรทั้งสิ้น
แม้กระทั่งเรื่องความเคลื่อนไหวใดๆ ของป๋ายถาน
สรุปแล้วพระราชวังแห่งนี้ก็คือพระราชวังของฉินเย่หาน ใต้หล้านี้ก็เป็นของฉินเย่หาน ฉินเย่หานต้องการกระทำสิ่งใดยังถือว่าเป็นเรื่องง่ายๆ
เรื่องนั้นในเมื่อไม่ถูกแพร่งพรายออกไป ซูหลีก็มิอยากพูดเรื่องของตนกันฉินเย่หาน นั่นคงจะทำให้วุ่นวายจนทุกคนรับรู้
ฮ่องเต้ทรงถือหางนาง หากอยู่ในมุมมองของจักรพรรดิกับขุนนาง ถือว่ามีประโยชน์มากสำหรับนาง หากเห็นนางเป็นสตรี…เกรงว่าคงจะมีปัญหาหลายต่อหลายสิ่งตามมา
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว รีบนั่งลงเถิด ฮ่องเต้เสด็จมาแล้ว” เมื่อเห็นนางไม่พูดให้มากความ คนในสำนักเต๋อซั่นล้วนเป็นคนฉลาด พวกเขาจึงมิถามอะไรต่ออีก
ซูหลีผงกศีรษะแล้วนั่งลงบนที่นั่งเมื่อครู่
ใบหน้ายังมีความอมทุกข์อยู่บ้าง