บทที่ 155 การแปลงโฉมของซินเดอเรลล่า

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 155
การแปลงโฉมของซินเดอเรลล่า

“ไม่คิดเลยนะว่าเสี่ยวเสวี่ยจะอยู่ในบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้คนเดียว?” ฮวงเสี่ยวเฟิงพูดออกมา

มู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนเป็นใส่รองเท้าเดินในบ้านแล้วจึงพูดออกมา “โอเค ว่าแต่ข้างๆมีรองเท้าใส่ในบ้านอยู่ด้วยนะ เผื่อเธออยากที่จะเปลี่ยน ถ้าเธอหิวฉันจะไปทำอาหารให้นะ เธอนั่งดูทีวีในห้องนั่งเล่นก่อนก็ได้แล้วเดี๋ยวค่อยกินด้วยกันนะ…” เธอพูดขณะที่เดินเข้าไปในครัว

“เสี่ยวเสวี่ยจะทำอาหารเหรอ? ให้ฉันช่วยไหม?” ฮวงเสี่ยวเฟิงตกใจ ไม่คิดว่าเสี่ยวเสวี่ยจะทำอาหารเป็นด้วย

“ไม่ต้อง นั่งลงเถอะ” มู่หรงเสวี่ยพูด
ฮวงเสี่ยวเฟิงเดินไปที่ชั้นรองเท้าเพื่อเปลี่ยนรองเท้า เธอเห็นรองเท้าใส่ในบ้านหลายคู่ซึ่งสวยกว่ารองเท้าที่เธอใส่ไปข้างนอกเป็นร้อยเท่า เธอถอดรองเท้าตัวเองและเลือกหยิบรองเท้าคู่ที่ดูธรรมดาที่สุดออกมาและวางพวกมันอย่างระวัง

เธอมองไปที่สีผิวดำคล้ำของตัวเองที่ตัดกับรองเท้าที่ดูสว่างสดใสซึ่งดูไม่ค่อยจะเข้ากันเท่าไร เธอเดินไปที่ห้องนั่งเล่น นั่งลงบนโซฟา มองไปรอบๆห้องที่ตกแต่งไว้อย่างหรูหราราวกับว่าอยู่บนสวรรค์ก็ไม่ปาน

ตรงนี้เธอสามารถมองเห็นท่าทางยุ่งของมู่หรงเสวี่ยที่อยู่ในครัวได้ด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นคนที่ขนาดทำอาหารอยู่ก็ยังดูสง่าและสวยจนไม่อาจจะละสายตาได้เลย

“ได้เวลากินแล้ว”
เสียงร่าเริงของมู่หรงเสวี่ยดังออกมาจากห้องครัว และทันใดนั้นฮวงเสี่ยวเฟิงก็ได้สติกลับมา เธอนั่งจ้องมู่หรงเสวี่ยอยู่นาน รู้สึกหลงใหล ชั่วขณะหนึ่งที่เธอเหมือนกับเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือตัวเอง

“ฉันจะช่วยนะ!” ฮวงเสี่ยวเฟิงเดินเข้าไปและช่วย มู่หรงเสวี่ยยกจานอาหารออกมา
“นี่แค่อาหารง่ายๆ อย่าว่ากันนะ นั่งกินกันเถอะ ท้องฉันร้องจะแย่แล้ว…” มู่หรงเสวี่ยพูดในระหว่างที่กำลังตักซุปให้ ฮวงเสี่ยวเฟิง

อาหารง่ายๆงั้นเหรอ?! นี่เป็นอาหารที่ดูดีที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมาเลยนะ เธอกินผักเข้าไปเต็มคำและความหวานของผักก็ทำให้เธอถึงกับอ้าปากค้าง

ในโลกนี้จะมีคนที่สมบูรณ์แบบอย่างมู่หรงเสวี่ยได้ยังไงกัน? แม้แต่ฝีมือการทำอาหารก็ยังสุดยอด เมื่อกี้ที่เธอบ่นว่าหิวก็ยังดูน่ารักเลย ทำไมพระเจ้าถึงไม่ยุติธรรมที่ให้เธอจน, ธรรมดา, ลำบากและก็ต่ำต้อยแต่มู่หรงเสวี่ยทั้งสวย, รวยและฉลาดอีก

“มีอะไรเหรอ ไม่อร่อยงั้นเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยเห็นว่า ฮวงเสี่ยวเฟิงแทบจะไม่ขยับตะเกียบเลย เธอดูเศร้าๆแล้วก็กังวล

เมื่อความคิดของเธอถูกขัดจังหวะ ฮวงเสี่ยวเฟิงก็เงยหน้าและยิ้มเล็กน้อย “มันอร่อยมาก ฉันไม่เคยกินอะไรที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย บางทีฉันอาจจะเหนื่อยจากการนั่งรถมากไปหน่อย เลยไม่ค่อยรู้สึกอยากอาหารเท่าไร…”
“รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? โชคดีนะตัวไม่ร้อน งั้นเดี๋ยวกินเสร็จแล้วก็ขึ้นไปพักห้องข้างบนได้นะ…” มู่หรงเสวี่ยแตะไปที่หน้าผากเธอและถอนหายใจอย่างโล่งอก สีหน้าของ ฮวงเสี่ยวเฟิงไม่ค่อยดีเท่าไร

ทำไมอ่อนโยนขนาดนี้! ยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่กับตัวเองมากขึ้นเท่านั้น ฮวงเสี่ยวเฟิงมีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจเท่าไรจึงตอบออกไปเสียงแผ่ว “ฉันไม่เป็นไร!”

“ถ้าไม่เป็นไรก็กินเถอะ เดี๋ยวจะได้ไปพัก แล้วฉันจะพาเธอไปที่หนึ่ง…”

ฮวงเสี่ยวเฟิงถามออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ “ที่ไหนเหรอ?”
“เป็นความลับ เดี๋ยวเธอก็ได้รู้…” มู่หรงเสวี่ยยิ้มอย่างมีเลศนัย โดนแน่ๆ!

หลังจากที่กินข้าวเสร็จ ฮวงเสี่ยวเฟิงก็เข้าไปนอนพักในห้องพักแขกของมู่หรงเสวี่ย ผ้าห่มที่ทั้งนุ่มและสบายต่างจากบ้านที่ทั้งชื้นและมืดของเธออย่างสิ้นเชิง ในอากาศก็มีกลิ่นหอมอ่อนๆด้วย ห้องพักแขกใหญ่และสวยมากกว่าบ้านทั้งหลักที่เธออยู่กันทั้งครอบครัวซะอีก ตลกอะไรอย่างนี้ เธอยิ้มหัวเราะเยาะตัวเองแล้วก็กลิ้งอยู่บนเตียงต่อพร้อมกับกอดผ้าห่มไว้ในมือ ในชีวิตเธอมันยากมากที่จะได้มีชีวิตแบบนี้ แน่นอนเธอต้องมีความสุขกับช่วงเวลานี้หน่อย

หลังจากวันนั้นเธอก็ได้รู้เป็นครั้งแรกว่าชีวิตของพวกคนรวยนั้นดีมากๆ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าดูเหมือนโลกของเธอจะเปิดหน้าต่างอีกบานให้เธอเข้าไปสู่สถานที่ที่เธอไม่เคยคิดว่าจะแตะถึง

จนกระทั่งตอนบ่าย มู่หรงเสวี่ยก็มาเคาะประตูที่ห้อง ฮวงเสี่ยวเฟิง “ก๊อกๆ!”

“เข้ามาเลย” ฮวงเสี่ยวเฟิงเปิดผ้าห่มและลุกขึ้นมานั่ง เธอไม่ได้หลับเลยตลอดบ่าย เธออยากที่จะชื่นชมทุกวินาที

มู่หรงเสวี่ยเปิดประตูและในมือก็มีเสื้อผ้าอยู่มากมาย เธอพูดพร้อมรอยยิ้ม “เฟิงเฟิง ฉันปลุกเธอหรือเปล่า?”

“เปล่าเลย ฉันตื่นมาสักพักแล้ว” ฮวงเสี่ยวเฟิงมองเสื้อผ้ามากมายในมือมู่หรงเสวี่ยด้วยความสงสัย

“คือฉันเอานี่มาให้เธอลอง ฉันพาเธอตรงมาที่นี่เลย ไม่ได้ให้เธอกลับบ้านก่อนงั้นเธออาจจะไม่มีเสื้อผ้าใส่ ก็เลย…ไม่ต้องห่วงนะ ชุดพวกนี้เป็นของใหม่ทั้งหมดเลย ฉันไม่ได้ใส่เลยสักครั้งเดียว คิดว่าเธอน่าจะใส่ไซต์เดียวกับฉันงั้นก็น่าจะใส่ได้…”

“ให้ฉันเหรอ?” น้ำเสียงดีใจเล็กน้อยแล้วจึงพูดออกมาต่อ “ชุดพวกนี้แพงมากเลยใช่ไหม?! ไม่ต้องหรอก ฉันยังไม่อยากเปลี่ยนชุด…” แต่ในสายตาก็ยังมีความอยากอยู่เล็กๆ

มู่หรงเสวี่ยวางเสื้อผ้าที่อยู่ในมือลงแล้วบ่นออกมา “ นี่เราไม่ใช่เพื่อนกันงั้นเหรอ?! เธอเห็นฉันเป็นอะไรเหรอ?! ไม่ต้องห่วงนะเสื้อผ้าพวกนี้ทางร้านส่งมาให้ฉัน ฉันไม่ได้เสียเงินซื้อมาหรอก ปกติฉันจะใส่เสื้อผ้าสบายๆมากกว่า เสื้อผ้าพวกนี้มันมากเกินไปสำหรับฉัน มันน่าเสียดายที่จะเก็บไว้เฉยๆ อีกหน่อยก็ต้องถูกโยนทิ้งอยู่แล้ว เธอลองใส่ดูก็ได้!” เธอกลัวว่าจะทำลายความมั่นใจของฮวงเสี่ยวเฟิง เธอจึงพยายามใช้น้ำเสียงที่มันผ่อนคลายหน่อย
ฮวงเสี่ยวเฟิงลังเลอยู่สักพักแล้วจึงตอบออกมา “โอเค ฉันจะลองดู ขอบคุณนะมู่หรงเสวี่ย” แล้วหลังจากนั้นเธอก็เดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมเสื้อผ้าหลายชุด

ในห้องน้ำ ฮวงเสี่ยวเฟิงค่อยๆลูบลูกปัดที่ปักอยู่บนกระโปรงของเธอ แล้วตอนนั้นเธอก็ได้รู้ว่าไข่มุกก็สามารถปักไว้บนเสื้อผ้าก็ได้ด้วย ด้วยประกายเปล่งประกายราวกับเพรช พวกมันถูกปักเป็นวงกลมตามรูปแบบซึ่งสวยงามมากจนดวงตาของเธอเป็นประกาย

เธอถอดเสื้อผ้าของตัวเองและสวมเสื้อผ้าหรูหราด้วยความระวัง กระโปรงหลวมอยู่นิดหน่อยแต่ก็ไม่ชัดเท่าไร สำหรับคนที่มีพื้นฐานครอบครัวแบบเธอ อย่าว่าแต่หลวมแค่นิดหน่อยเลย ต่อให้หลวมเป็นหลายนิ้วพวกเธอก็ยังต้องใส่ซึ่งไม่ต้องพูดถึงชุดที่สวยๆเลย

เธอเก็บซ่อนความสุขไว้ไม่ได้จึงเดินเข้าไปดูกระจกเต็มตัวในห้องน้ำ รูปร่างหน้าตาที่คุ้นเคยแต่ดูแปลกออกไปปรากฎอยู่ในกระจก หน้าตาธรรมดาและตื่นเต้นของเธอที่กำลังสวมชุดหรูหราอยู่ ในวินาทีนั้นเธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้กลายเป็นเจ้าหญิงไปแล้ว

“เสี่ยวเฟิง เปลี่ยนชุดเสร็จหรือยัง?” มู่หรงเสวี่ยเห็นว่าเธอเข้าไปนานแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงถาม

ทันใดนั้นฮวงเสี่ยวเฟิงก็ได้สติและรีบตอบออกไปทันที “โอเคจ๊ะ…” เมื่อเธอเดินออกไปใบหน้าเธอก็แดงระเรื่อเล็กน้อย

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่ฮวงเสี่ยวเฟิงที่อยู่ตรงหน้า เสื้อผ้าก็โอเคแต่ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงดูแปลกอยู่หน่อยๆ แล้วเธอก็มองไปที่แว่นกรอบใหญ่ที่ใบหน้าของฮวงเสี่ยวเฟิงจึงเอื้อมมือออกไปถอดออก “เวลาถอดแว่นแล้วเธอดูสวยขึ้นเยอะเลยนะ…” เธอควรที่จะต้องแต่งหน้าหน่อยด้วยเหมือนกัน

ฮวงเสี่ยวเฟิงขยี้ไปที่ดวงตาทั้งสองข้าง “แต่พอถอดออกแล้วฉันมองไม่เห็นนะ…” เพื่อทุนของมหาลัยทำให้เธอต้องอ่านหนังสือตอนกลางคืนด้วยไฟสลัวๆในเวลาที่คนอื่นเขาหลับกันหมดแล้ว เธอไม่ใช่อัจฉริยะจึงต้องพยายามอยู่รอดให้ได้ด้วยความขยัน
“เธอนั่งรอฉันตรงนี้ก่อนนะ ฉันจะไปเอาคอนแทคเลนส์มาให้” เธอวิ่งกลับไปที่ห้อง ค้นหาคอนแทคเลนส์และเครื่องสำอางจึงเอาพวกมันมาด้วยกัน เธอไม่ได้ซื้อคอนแทคเลนส์แต่พวกเจ้าของร้านให้เธอมาตอนที่เอาชุดมาให้ ยังไงซะเธอก็ไม่ได้สายตาสั้นก็เลยไม่ได้หยิบมาใช้

“เฟิงเฟิง เธอใส่คอนแทคเลนส์เองได้ไหม? แต่นี่มีแค่ค่าสายตา 300, 400, 500 แล้วก็ 600 แค่นั้นนะ อันไหนที่เธอใส่ได้บ้างล่ะ?” มู่หรงยื่นกล่องคอนแทคเลนส์เล็กๆในมือให้เธอ

“ค่าสายตา 500 ก็โอเค ฉันใส่เองได้จ้ะ” เธอเคยเห็นคนอื่นๆใส่มาบ้าง มันไม่น่าจะยาก เธอรู้สึกอิจฉามากๆ…ด้วยสภาพการเงินของเธอจึงทำให้สามารถซื้อได้แค่แว่นหนาๆ, กรอบใหญ่ๆ น่าเกลียดที่ขายลดราคาแบบนี้เท่านั้น

“ใช่เลย ใส่คอนแทคเลนส์ดีกว่าเยอะเลย!” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้มเพราะคอนแทคเลนส์ช่วยทำให้ดวงตาดูสวยขึ้นมาได้ด้วยเหมือนกัน หลังจากที่ฮวงเสี่ยวเฟิงใส่เข้าไปแล้ว ดวงตาของเธอก็ดูสดใสขึ้นมาอย่างมากและใบหน้าทั้งหมดของเธอก็ดูเหมือนจะสว่างขึ้นมาเลย
“จริงเหรอ?” ฮวงเสี่ยวเฟิงยิ้มอย่างเขินๆ เธอมองตัวเองในกระจก ดวงตาของเธอสวยด้วยเหมือนกัน

มู่หรงเสวี่ยกดไหล่เธอให้นั่งลง “ต่อไปก็เพิ่มอีกนิดหน่อย อย่างแรกเลยอย่าขยับนะ ฉันจะแต่งหน้าให้เธอนิดหน่อย” มู่หรงเสวี่ยพูดกับฮวงเสี่ยวเฟิงในระหว่างที่เธอเปิดเครื่องสำอาง หัวใจของฮวงเสี่ยวเฟิงเต้นรัว นี่เธอจะได้กลายเป็นเจ้าหญิงงั้นเหรอ? เธอรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เครื่องสำอาง เธอไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะมีโอกาสได้สัมผัสกับของพวกนี้ เธอทั้งรู้สึกคาดหวังและกังวลไปพร้อมๆกัน

“หลับตาลง” มู่หรงเสวี่ยพูด
ฮวงเสี่ยวเฟิงค่อยๆหลับตาลง เธอรู้สึกได้ถึงขนแปรงเครื่องสำอางนุ่มๆที่ปัดอยู่บนหน้าเธอ รู้สึกสบายเหลือเกิน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอจะกลายเป็นคนสวย

“ใช่ ลืมตาได้แล้ว” มู่หรงเสวี่ยมองไปที่ฮวงเสี่ยวเฟิงด้วยความพอใจ

นี่ใช่เธอจริงๆงั้นเหรอ?! ขนตางอนยาว, คิ้วที่โค้งได้รูป, ใบหน้าที่สว่างสดใสและริมฝีปากเปล่งปลั่งทำให้เธอดูน่ารัก เธอเอื้อมมือออกไปแตะที่ใบหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อและรีบวางมือลงเพราะกลัวว่าจะทำลายฝันที่สวยงามที่อยู่ตรงหน้าเธอ

อย่างไรก็ตาม ความประหลาดใจของฮวงเสี่ยวเฟิงก็ยังเห็นได้จากริมฝีปากที่อ้าเปิดเล็กน้อย เธอนิ่งอึ้งไปนาน สายตาประหลาดใจของเธอมองไปที่กระจกราวกับว่าตัวเองเป็น ซินเดอเรลล่าที่จะต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมตอนเที่ยงคืน

มู่หรงเสวี่ยยืนอยู่ข้างหลังเธอพร้อมรอยยิ้ม “นี่คือเธอ เธอเองก็สวยเหมือนกันนะ ไม่ต้องสงสัยเลยแต่เวทมนตร์ยังไม่เสร็จสิ้นนะ โอ้ เธอต้องไปที่หนึ่งกับฉันก่อน…”

“นี่ใช่สิ่งที่เธอบอกฉันเรื่องเวทมนตร์หรือเปล่า?” ฮวงเสี่ยวเฟิงมองไปที่มู่หรงเสวี่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ เธอคิดว่ามันเป็นการแปลงโฉมแบบในหนัง ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเธอ มู่หรงเสวี่ยหัวเราะ “ไปกันเถอะ เวทมนตร์มันยังไม่จบนะ!” เธอเดินนำออกไปก่อนพร้อมยืนอยู่หน้าตู้รองเท้าเพื่อช่วย ฮวงเสี่ยวเฟิงเลือกรองเท้า ชุดของเธอไม่เหมาะกับรองเท้าที่ใส่มาก่อนหน้านี้

เธอเลือกรองเท้าแบบเจ้าหญิงที่เป็นสีเดียวกับชุดสีฟ้าอ่อนของฮวงเสี่ยวเฟิง เมื่อพิจารณาแล้วว่าฮวงเสี่ยวเฟิงไม่ใส่รองเท้าส้นสูง เธอจึงเลือกรองเท้าเจ้าหญิงส้นเตี้ย “มาเถอะ ใส่คู่นี้เราจะไปข้างนอกกัน…”

ฮวงเสี่ยวเฟิงรับรองเท้าเจ้าหญิงเปล่งประกายมาและสวมมันด้วยความรู้สึกที่เธอไม่รู้

เพราะห้างลิซซี่ พาวิลเลี่ยนไม่ได้อยู่ห่างจากวิลล่าของ มู่หรงเสวี่ย พวกเธอจึงไม่ได้ขับรถไปแต่เดินไปอย่างช้าๆ

สองร่างที่เปล่งประกายดึงดูดสายตาของคนที่ผ่านไปผ่านมาให้เหลียวหลังได้ทันที ฮวงเสี่ยวเฟิงยืดหลังตรง, เชิดคางเล็กน้อยและเผยรอยยิ้มมั่นใจอยู่บนใบหน้า

เธอชอบความรู้สึกของการเป็นจุดสนใจ เธอไม่ใช่ลูกเป็ดขี้เหร่เหมือนที่เคยเป็นอีกแล้ว วันนี้เธอเป็นเจ้าหญิง ฮวงเสี่ยวเฟิงเดินไปตามถนนแต่ไม่มีใครสนใจเธอเลยและเธอเจอเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ได้เจอกันมานานแล้ว

เธอเดินตรงเข้าไปทักทายแต่อีกฝ่ายกลับถามกลับมาว่าเธอเป็นใคร ตลกจริงๆ เธอหวังว่าช่วงเวลานี้จะไม่มีวันหมด เธอยากที่จะสวมชุดชั้นสูงและสุดหรูแบบนี้ไปตลอด และใบหน้าของเธอก็จะแต่งหน้าอย่างละเอียดอ่อนแบบที่เธอชอบ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก็จ้องมาที่เธอและเธอก็อยากให้เป็นแบบนี้ไปตลอด…ในตอนนี้ หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ความต้องการของคนเป็นเรื่องที่แย่ มันจะเปลี่ยนตัวตนของเรา ถึงขนาดทำให้คนทำเรื่องที่เลวร้ายได้

“ถึงแล้ว” มู่หรงเสวี่ยหยุดตรงหน้าคลับสุดหรู
ฮวงเสี่ยวเฟิงเงยหน้าขึ้น “ลิซซี่ พาวิลเลี่ยน” ตัวอักษรและโลโก้ที่เป็นเอกลักษณ์สะท้อนอยู่ตรงหน้าเธอ ถึงแม้เธอจะจนแต่ก็เคยได้ยินชื่อของลิซซี่ พาวิลเลี่ยน สถานที่แบบนี้ไม่ใช่ที่ที่คนแบบเธอจะมีปัญญาจ่ายได้ เธอสามารถจินตนาการถึงการปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนได้ เธอดึงแขนเสื้อของมู่หรงเสวี่ยเบาๆแล้วกระซิบ “เสี่ยวเสวี่ย ที่นี่มันแพงเกินไปฉันไม่มีปัญญาหรอก”

มู่หรงเสวี่ยแตะที่มือเธอและพุดพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ฉันไม่ต้องจ่ายเงินหรอก ฉันมีบัตรสมาชิก…” เธอไม่ต้องจ่ายเงินหรอก ในเมื่อเธอเป็นหุ้นส่วนกับพี่ชู เขาเลยให้การ์ดไดมอนกับเธอไว้และมันมีเพียงสองใบเท่านั้น ใบหนึ่งอยู่ในมือเธอและอีกใบเป็นของพี่ชู ผู้ที่ถือการ์ดไดมอนไม่จำเป็นต้องต่อคิวและใช้บริการระดับที่สูงสุดได้ฟรีเมื่อไรก็ตามที่เข้ามาที่ลิซซี่ พาวิลเลี่ยน

เพราะเธอเป็นเพื่อนร่วมงาน มู่หรงเสวี่ยจึงไม่ได้เกรงใจอะไรพี่ชู ยังไงซะลิซซี่ก็ได้ส่วนแบ่งจากผลิตภัณฑ์ของเธออยู่แล้ว ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ของเลิฟสโนว์โด่งดังอย่างมากในกลุ่มสาวๆของเมืองหลวงอย่างมาก เธอเชื่อว่าอีกไม่นานเลิฟสโนว์จะสร้างปาฏิหาริย์ครั้งใหม่ในวงการเครื่องสำอาง!!! แล้วจากนั้นก็จะก้าวไปสู่เวทีโลก!!!