บทที่ 156 เวทมนตร์แห่งความสวย

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 156
เวทมนตร์แห่งความสวย

“ช่วยจองบริการแบบเต็มแพ็คเก็ตให้เราทั้งสองคนด้วยนะคะ!”

มู่หรงเสวี่ยหยิบการ์ดไดมอนออกมาแล้วพูดกับพนักงาน
พนักงานมองไปที่การ์ดไดมอนและเปลี่ยนท่าทางเป็นเคารพมากขึ้นทันที “คุณผู้หญิงทั้งสอง เชิญตามฉันมาได้เลยค่ะ…”

มู่หรงเสวี่ยและฮวงเสี่ยวเฟิงต่างก็เดินตามไป สายตาของฮวงเสี่ยวเฟิงอดไม่ได้ที่จะมองการตกแต่งรอบๆ

ทุกอย่างภายในร้านทำให้เธอต้องประหลาดใจ มีหลายสิ่งที่เธอเคยจินตนาการไว้ก่อนหน้านี้ตอนนี้มาปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอแล้วจริงๆ

หลังจากนั้น มู่หรงเสวี่ยและฮวงเสี่ยวเฟิงก็แยกกันเพราะต้องอาบน้ำ แต่ละห้องจะมีห้องอาบน้ำเพียงห้องเดียว ฮวงเสี่ยวเฟิงไม่ได้ผ่อนคลายมานานแล้วดังนั้นเธอจึงค่อยๆเพลิดเพลินไปกับบริการของหมอนวด

หลังจากที่ได้รู้ว่าต้องแยกห้องกัน เธอก็รู้สึกว่าทำอะไรต่อไม่ได้แล้ว ความสงบจากการนวดทำให้เธอพอใจอย่างมาก ถึงขนาดรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนที่แตกต่างจากพวกเขา ตอนนี้เธอเป็นคนที่ได้รับบริการอย่างพึงพอใจ

บริการแบบเต็มรูปแบบขั้นสูงสุดรวมบริการดูแลผิวและรักษาทั่วทั้งร่างกาย, รวมทั้งการออกแบบภาพลักษณ์ส่วนตัวด้วย
ดังนั้นคนอื่นๆจึงมักจะพูดกันว่าไม่มีผู้หญิงขี้เหร่คนไหนเดินออกมาจากลิซซี่ พาวิลเลี่ยนและแม้แต่ผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดก็จะกลายเป็นผู้หญิงสวยหลังจากที่ได้เข้ามาที่ลิซซี่ พาวิลเลี่ยน

สุดท้ายแม้แต่มู่หรงเสวี่ยก็ยังตกใจเมื่อฮวงเสี่ยวเฟิงเดินออกมา นักออกแบบของลิซซี่ออกแบบทรงผมดัดลอนอ่อนๆรับกับใบหน้ารูปไข่ของเธอ ใบหน้าดูเด็กและอ่อนหวานพร้อมด้วยผมหน้าม้าสไตร์เกาหลี ซึ่งไม่เพียงช่วยเผยใบหน้าที่อ่อนหวานและละเอียดอ่อน แต่ก็ยังดูขี้เล่นและอารมณ์ดีอีกด้วย การออกแบบทรงผมแบบนี้ทำให้ใบหน้าดูโดดเด่นขึ้นไปอีก!

ฮวงเสี่ยวเฟิงถูกแต่งหน้าเบาๆด้วยสีโทนพีชส้มจนทำให้ทั้งตัวดูเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย ฮวงเสี่ยวเฟิงยิ้มอย่างเขินๆ

“เสี่ยวเสวี่ย ทำไมเธอถึงมองฉันแบบนั้นล่ะ?! นี่ไม่สวยงั้นเหรอ?”

อันที่จริงเธอตกใจมากตอนที่ได้ส่องกระจก ในวินาทีนั้น เธอถึงขนาดน้ำตาซึมเลยทีเดียว มู่หรงเสวี่ยอธิบาย

“นี่สวยมากเลย ฉันตะลึงไปเลย ถ้านักศึกษาในชั้นเราได้เห็นนะ พวกเขาต้องจำเธอไม่ได้แน่ๆ!”

“จริงเหรอ?! ขอบคุณนะเสี่ยวเสวี่ย…” จากก้นบึ้งของหัวใจ เธอรู้สึกขอบคุณมู่หรงเสวี่ยมากที่ให้โอกาสเธอได้กลายเป็นเจ้าหญิง

“นี่สวยขนาดนี้จะปล่อยเธอกลับบ้านง่ายๆคงไม่ได้นะ ไปหาที่เที่ยวกันเถอะ!” มู่หรงเสวี่ยไม่คิดว่าผลลัพธ์จะออกมาดีขนาดนี้ ตอนนี้ฮวงเสี่ยวเฟิงน่าจะมั่นใจในตัวเองมากขึ้นบ้างแล้ว

ดวงตาของฮวงเสี่ยวเฟิงเป็นประกาย “เราจะไปไหนกันเหรอ?” เธอคิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะต้องทำให้เธอประหลาดใจได้อีกแน่ๆ

มู่หรงเสวี่ยเงียบไปสักพัก เธอเองก็แทบจะไม่ได้ออกมาเที่ยวในเมืองหลวงเลย ครั้งที่แล้วก็เป็นหลิวฮัวลี่ที่พาพวกเธอไปเที่ยว

เธอหันหัวมาและพูดกับฮวงเสี่ยวเฟิง “ฉันไม่ค่อยคุ้นเคยกับเมืองหลวง ให้ฉันโทรชวนหลิวฮัวลี่ไปด้วยได้ไหม?” เธอเองก็ยังอยากที่จะถามความคิดเห็นของฮวงเสี่ยวเฟิงก่อน

“หลิวฮัวลี่ รุ่นพี่น่ะเหรอ?! ที่เป็นประธานนักศึกษาหรือเปล่า?” ฮวงเสี่ยวเฟิงตกใจ

สำหรับเธอ ประธานนักศึกษาคือคนที่เธอชอบ เธอเคยคิดว่าตัวเองแตกต่างจากมู่หรงเสวี่ย อย่างไรก็ตามวันนี้เธอไม่เหมือนเดิม

วันนี้เธอสวยแล้วและดูเหมือนจะทำให้เธอมั่นใจมากขึ้นด้วย

“ใช่! ฉันชวนเขาออกมาด้วยได้ไหม? แล้วบอกให้เขาชวนเพื่อนมาด้วย เขาจะได้ไม่เกร็ง” มู่หรงเสวี่ยตอบ

เพื่อนผู้ชายงั้นเหรอ?! หัวใจฮวงเสี่ยวเฟิงเต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีความรู้สึกแบบเด็กผู้หญิงทั่วไปนะ แต่เธอแค่มองตัวเองต่ำต้อยและไม่สนใจตัวเองเท่าไร เธอจึงพยักหน้าไปอย่างอายๆ

มู่หรงเห็นว่าฮวงเสี่ยวเฟิงไม่มีความคิดเห็นอะไรจึงรีบโทรหาหลิวฮัวลี่ทันที

“ฮัลโหล?! มู่หรงเสวี่ยเหรอ?”
“ฉันเอง ตอนนี้ว่างหรือเปล่า?” มู่หรงเสวี่ยถามเสียงอ่อน
หลิวฮัวลี่ที่นั่งอยู่ในออฟฟิศสกานักศึกษารีบลุกขึ้นทันที “ว่าง ทำไมเหรอ?”

“อยากออกมาเที่ยวกันหน่อยไหม? ฉันไม่ค่อยคุ้นกับเมืองหลวง เลยไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวไหนดี?! ฝั่งฉันมีกันสองคน นายจะพาเพื่อนมาอีกคนก็ได้นะ นายจะได้ไปเบื่อ…”

“งั้นเธออยู่ไหนละ? บอกที่อยู่มาเดี๋ยวฉันตามไป…” อันที่จริงเขาอยากที่จะหาโอกาสเพื่อที่จะคุยกับเธอเรื่องรูปคราวก่อนและอยากที่จะขอโทษด้วย เขาหาคนที่โพสต์ไม่เจอแต่รู้เพียงว่าเป็นคนจากในสภานักศึกษา

หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยวบอกที่อยู่ไปเธอกับฮวงเสี่ยวเฟิงก็เดินไปร้านคาเฟ่ใกล้ๆและดื่มกาแฟรอ

“ว่าแต่บ้านของเสี่ยวเฟิงอยู่ที่ไหนเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยจิบกาแฟแล้วถามออกมาอย่างสงสัย

รอยยิ้มของฮวงเสี่ยวเฟิงหุบไปสักพักและจึงตอบเสียงเบาบ้านฉันอยู่นอกเมืองน่ะ!” ครอบครัวของเธอไม่มีปัญญามีบ้านในเมืองหลวงหรอก ดังนั้นบ้านจึงอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆที่นอกเมือง ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้เธอถึงรู้สึกอายที่จะต้องบอกเรื่องครอบครัวของเธอ

“ว่าแต่พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปที่จังหวัด Aแล้วเธอล่ะ? กลับบ้านไหม?” วันหยุดมันหายาก คนส่วนใหญ่จึงจะกลับบ้านกัน

ฮวงเสี่ยวเฟิงส่ายหัว “ไม่หรอก พรุ่งนี้ฉันต้องทำงาน…” ตอนนี้เธอไม่มีเงินที่จะกลับบ้านจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะกลับ ทุกครั้งที่เธอกลับบ้าน เธอจะยิ่งรู้สึกแย่เมื่อได้เห็นความยุ่งเหยิงที่บ้าน จึงเลือกที่จะเอาเวลาไปทำงานแล้วส่งเงินกลับไปจะดีกว่า

ทำงานพาร์ทไทม์งั้นเหรอ?! มู่หรงเสวี่ยมองเธออย่างแปลกใจ

“งานเยอะเหรอ?”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นเหรอ แต่หาเงินก็ดีกว่าน่ะ!”
ฮวงเสี่ยวเฟิงหัวเราะกับตัวเอง
มู่หรงเสวี่ยเงียบไปชั่วขณะ ทันใดนั้นก็รู้สึกไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี!
เธอไม่เคยต้องทำงานและไม่รู้ด้วยว่าครอบครัวทั่วไปเขาอยู่กันยังไง

นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอจะเข้าใจได้ “มีอะไรให้ฉันช่วยไหม?” เธอถามอย่างสงสัยว่ามันคงจะโอเคที่จะหางานพาร์ทไทม์ให้เธอในตำแหน่งทั่วไป ยังไงซะเธอก็ยังเป็นนักศึกษาที่ไม่มีประสบการณ์แต่มันก็ดีกว่าออกไปทำข้างนอก

ฮวงเสี่ยวเฟิงไม่รู้ว่าทำไม เธอรู้ว่ามู่หรงเสวี่ยมีเจตนาดีแต่ก็ยังรู้สึกอายจึงตอบกลับไปอย่างเย็นชา “ไม่ล่ะ งานปัจจุบันฉันก็ดีอยู่แล้ว ฉันไม่อยากที่จะเปลี่ยน…”

มู่หรงเสวี่ยถามพร้อมรอยยิ้มอย่างใจกว้าง “โอเคนะถ้าเธอชอบ แต่ทำไมไม่เห็นเธอลงสมัครคัดเลือกของสหภาพนักศึกษาเลยล่ะ?” หลังจากที่ได้เข้าไปในสหภาพนักศึกษาแล้ว ถ้าลำบากก็สามารถไปรับงานเขียนของทางมหาลัยได้แล้วก็อาจจะได้รางวัลมากมายเลยด้วย

“ฉันไม่มีเวลาหรอก ไม่เหมือนเธอนะ นอกจากเข้าเรียนทุกวันแล้วฉันก็ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นแล้ว ถ้าฉันไม่ไปทำงาน ฉันคงอดตายพอดี

“เธอคิดว่าคนแบบฉันตลกงั้นเหรอ…” พระเจ้าไม่ยุติธรรมเลย ทำไมถึงเอาเรื่องดีๆทุกอย่างไปใส่ไว้ที่คนคนเดียว? ถ้าพระเจ้ามอบเศษเสี้ยวของมู่หรงเสวี่ยให้เธอบ้าง เธอก็คงจะรู้สึกขอบคุณมาก

“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ถ้าฉันพูดอะไรผิดไป ฉันก็ขอโทษ แต่ฉันจะคิดว่าเธอตลกได้ยังไงล่ะ? เราไม่ใช่เพื่อนกันหรือไง?” เมื่อได้ยินแบบนั้น มู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกเจ็บปวดไม่มากก็น้อย

ฮวงเสี่ยวเฟิงตกใจ “ฉันขอโทษ ฉันแค่…ฉันแค่รู้สึก…” รู้สึกอิจฉานิดหน่อยแต่เธอพูดไม่ได้ สำหรับคนที่ปฏิบัติกับเธออย่างใจดีแต่ใจเธอกลับคิดสกปรกแบบนี้

มู่หรงเสวี่ยเห็นเธอดูสับสน หัวใจเธอก็อ่อนลงแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “ฉันเข้าใจไม่ต้องอธิบายหรอก ฉันไม่ดีเอง ถ้าเธอไม่อยากที่จะพูดก็ไม่ต้องพูดหรอก แต่ถ้าเธออยากที่จะเล่า ฉันก็อยู่ตรงนี้เสมอนะ…”

รอยยิ้มของเธอเปล่งประกายราวกับนางฟ้า ฮวงเสี่ยวเฟิงก้มหัวด้วยความอาย เธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับรอยยิ้มของ มู่หรงเสวี่ย ทำได้เพียงพยักหน้าเบาแล้วพูดออกมาว่า “อืม”

ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา หลิวฮัวลี่และเพื่อน หลันเฟ่ยหมิงก็มาถึง

มู่หรงเสวี่ยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างร้านกาแฟและเห็นร่างของหลิวฮัวลี่

“รุ่นพี่ ฉันเห็นแล้ว พี่รออยู่นั่นแหละเดี๋ยวฉันออกไป”
“รุ่นพี่!” มู่หรงเสวี่ยกล่าวทักทายหลิวฮัวลี่ด้วยรอยยิ้ม
“เสี่ยวเสวี่ย รู้สึกเหมือนไม่ได้เจอเธอมานานเลย!” หลิวฮัวลี่เองก็หัวเราะเช่นกัน

“นี่รุ่นพี่ให้ฉันแนะนำก่อนนะ นี่เพื่อนฉันชื่อฮวงเสี่ยวเฟิง เธอกับฉันเรียนห้องเดียวกัน” มู่หรงเสวี่ยแนะนำพวกเขาพร้อมรอยยิ้ม“ฮ่าฮ่า รุ่นน้องฮวง ยินดีที่ได้รู้จักนะ นี่เพื่อนฉัน หลันเฟ่ยหมิงซึ่งอายุเท่าฉันแล้วก็เป็นรุ่นพี่พวกเธอ”

“สวัสดีค่ะ รุ่นพี่หลัน ฉันมู่หรงเสวี่ย!” มู่หรงเสวี่ยเองก็กล่าวทักทายอย่างเป็นมิตร

หลันเฟ่ยหมิงเป็นผู้ชายร่างสูง ผอมพร้อมด้วยหน้าตาที่ละเอียดอ่อน เขาดูเหมือนหยู่กงฉีซึ่งสำหรับมู่หรงเสวี่ยแล้วไม่ได้หล่อเลย มาตรฐานเรื่องความหล่อของมู่หรงเสวี่ยขึ้นไปแตะจุดที่สูงมากหลังจากที่ได้เจอกับฮวงฟูอี้และคนอื่นๆ แต่ในสายตาของฮวงเสี่ยวเฟิงก็เป็นเรื่องปกติที่จะมองเขาว่าเป็นผู้ชายที่หล่อ

“มู่หรงเสวี่ย แน่นอนฉันรู้จัก เทพีของมหาลัยเรา ถึงแม้ฉันจะยังไม่รู้จักแต่ก็รู้จักชื่อของมู่หรงเสวี่ย” หลันเฟ่ยหมิงพูดติดตลก

“รุ่นพี่หลันก็พูดเกินไป!” มู่หรงเสวี่ยพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ได้รู้สึกเขินอายอะไร ซึ่งพูดได้ว่าเธอชินกับเรื่องนี้แล้ว

ฮวงเสี่ยวเฟิงมองไปที่ท่าทางสบายๆของมู่หรงเสวี่ยที่สามารถคุยได้กับทุกคน เธอกำหมัดแน่นและฝ่ามือก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ “รุ่น..รุ่นพี่หลิว, รุ่นพี่หลัน นี่เราเจอกันเป็นครั้งแรก ฉัน ฮวงเสี่ยวเฟิง!” เธออ้าปากพูดติดอ่างด้วยความกังวลตอนที่กล่าวทักทาย เธอรู้สึกเขินจริงๆและสีหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความอายซึ่งยิ่งเพิ่มความน่ารักและความสวยของเธอขึ้นไปอีก

“ฮวงเสี่ยวเฟิงสวยมากเลยนะ โชคดีจังที่วันนี้ได้เจอเธอ” รุ่นพี่หลันเองก็พูดติดตลก

“ไอ้หนุ่ม จริงจังหน่อยสิ!” หลิวฮัวลี่แตะไปที่ไหล่เขาเบาๆ
ชมว่าเธอสวย หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ สีหน้าเธอแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด “จริง…จริงเหรอ…” นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายชมเธอ แม้แต่มู่หรงเสวี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆแต่ก็ยังมีคนสังเกตเห็นเธอ เธอรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก เธอชอบเวทมนตร์นี้จริงๆและเธอหวังว่าเวทมนตร์นี้จะอยู่ไปตลอด