บทที่ 157 การบาดเจ็บที่ลานสเกตน้ำแข็ง

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 157
การบาดเจ็บที่ลานสเกตน้ำแข็ง

“รุ่นพี่ ในเมืองหลวงมีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง?! ฉันไม่ค่อยคุ้นเคยกับเมืองหลวง…” มู่หรงเสวี่ยถาม อันที่จริงเธอก็พูดไม่ได้ว่าไม่คุ้นเคยเพราะเธอเคยไปมีหลายที่กับชางกวนโม่และพี่ชูมาก่อนบ้าง

หลิวฮัวลี่มองเสื้อผ้าของมู่หรงเสวี่ยด้วยท่าทางอายๆ “ฉันอยากจะพาเธอไปเล่นสเกตแต่ชุดของเธอไม่ค่อยเหมาะเท่าไร…งั้นไปหาที่กินกันดีไหม?”

ทันทีที่เธอได้ยิน “ฉันไปเปลี่ยนชุดแล้วไปเล่นสเกตได้” มู่หรงเสวี่ยไม่ได้รู้สึกอายเรื่องชุดเลย

ฮวงเสี่ยวเฟิงกำหมัดแน่นและคิดเรื่องที่ต้องเปลี่ยนชุด นี่เธอต้องกลับไปเปลี่ยนเป็นชุดสกปรกๆของเธองั้นเหรอ? เธอไม่อยากเลย…เพียงแค่อยากที่จะไปหาที่ดีๆแล้วนั่งคุยกันแต่ก็มีบางคนชิงพูดขึ้นมาก่อน

“งั้นพวกเธอไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วพวกเราจะรออยู่ที่นี่ พูดจริงๆถ้านั่งรอที่นี่มันก็น่าเบื่อไปงั้นไปสเกตเลยดีกว่า…” หลันเฟ่ยหมิงพูด

“พวกพี่ไปนั่งในคาเฟ่ก่อนก็ได้ เราจะเข้าไปซื้อเสื้อผ้าที่ร้านข้างๆ ไม่นานหรอก ขอโทษด้วยนะรุ่นพี่ที่ต้องให้มารอ…” มู่หรงเสวี่ยพูดขอโทษ

“การรอสุภาพสตรีเป็นนิสัยของสุภาพบุรุษอยู่แล้ว! ฮ่าฮ่า มาเถอะ เรารอได้สบาย” หลิวฮัวลี่พูด

“ไปก่อนนะ เดี๋ยวเจอกัน” มู่หรงเสวี่ยพูดและพา ฮวงเสี่ยวเฟิงไปที่ร้านเสื้อผ้า

“เฟิง มาเลือกชุดกีฬากันเถอะ เธอชอบสีอะไรล่ะ?” มู่หรงเสวี่ยถามในระหว่างที่เดินเข้าไป

ฮวงเสี่ยวเฟิงมองไปที่ร้านเสื้อผ้าที่มู่หรงเสวี่ยพาเธอเข้าไปและพูดออกมาว่า “ฉันไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าพวกนี้หรอก…” เธอจะมีปัญญาซื้อเสื้อผ้าในร้านแบบนี้ได้ยังไง? เสื้อผ้าชุดเก่าก็เก่าไปสำหรับเธอ เธอเพียงแค่หยิบเสื้อผ้ามาจากราวแขวนในตลาดนัดแล้วพยายามที่จะต่อราคาก่อนที่จะซื้อ

“เธอคิดว่าไง? แน่นอนฉันซื้อให้เอง ฉันยังไม่ได้ให้ของขวัญเธอเลยนะ คิดซะว่าเป็นของขวัญวันเกิด เธอปฏิเสธไม่ได้นะไม่งั้นฉันจะโกรธนะ…” หลายวันที่ผ่านมาที่อยู่ด้วยกันทำให้มู่หรงเสวี่ยรู้ได้ว่าศักดิ์ศรีของฮวงเสี่ยวเฟิงแข็งแกร่งอย่างมาก เธอพูดออกไปแบบนี้เพื่อเลี่ยงการทำร้ายความรู้สึกของเธอ

เธอจะปฏิเสธได้ยังไงล่ะ?! เธอไม่มีปัญญาหรอก เธอบอกไม่ได้ด้วยว่าจะกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหาเงินมาคืนเธอเลยเพราะเธอไม่มีปัญญาหรอก จึงพยักหน้าเพียงเบาๆ เธอไม่มีความกล้าที่จะมองหน้ามู่หรงเสวี่ยด้วยซ้ำ

“ไปกันเถอะ ยี่ห้อนี้ก็ไม่แย่เท่าไรและเสื้อผ้าก็ใส่สบายด้วย…” มู่หรงเสวี่ยเดินอย่างสบายๆเข้าไปที่ร้านชุดกีฬาแบรนด์ดัง
ไม่นานพวกเธอก็เปลี่ยนชุดและเดินออกมา ส่วนชุดที่เพิ่งเปลี่ยนก็ถูกพับเก็บใส่ถูกอย่างประณีต มู่หรงเสวี่ยและ ฮวงเสี่ยวเฟิงต่างก็ถือชุดของตัวเอง ในตอนนี้มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ขับรถออกมาด้วยไม่งั้นเธอคงเอาชุดเข้าไปเก็บในรถได้

ทรงผมและการแต่งหน้าของฮวงเสี่ยวเฟิงเปลี่ยนไปมาก ถึงแม้เธอจะถอดกระโปรงและสวมชุดกีฬาแต่เธอก็ยังดูน่ารักและมีเสน่ห์เหมือนเดิม อันที่จริงมันก็เป็นเพราะยี่ห้อของชุดด้วย เสื้อผ้าแบรนด์ทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้เสมอ

อันที่จริงมู่หรงเสวี่ยดูสวยมากในชุดกีฬาแต่วันนี้ฮวงเสี่ยวเฟิงสวมกระโปรง ถ้าเธอสวมชุดกีฬามันคงจะแปลกที่คนสองคนต้องมายืนอยู่ด้วยกัน

คนทั้งสี่ไปที่ลานสเกตด้วยรถบัส มู่หรงเสวี่ยก็ยังไม่คุ้นเคยกับการขึ้นรถบัสเหมือนกับครั้งแรก หลิวฮัวลี่เองก็ล้อเลียนเธอไปตลอดทาง แม้แต่รุ่นพี่หลันเองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อพูดถึงการขึ้นรถครั้งแรกของมู่หรงเสวี่ย

มีเพียงฮวงเสี่ยวเฟิงที่หน้าหัวเราะแต่เพียงแค่แกล้งๆ เธอไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันมีอะไรน่าขำ เธอถึงขนาดใส่เงิน 100 หยวนลงไปในกล่องเงินด้วยซ้ำ เธอรวยมากจริงๆ เงินเท่านี้เธออยู่ได้หลายวันเลย เงินร้อยหยวนซื้อขนมปังได้ตั้งหลายก้อน

เมื่อไปถึงลานสเกตก็มีคนมากมายกำลังเล่นอยู่ มู่หรงเสวี่ยเองก็สนใจจนรีบวิ่งเข้าไป “การสเกตมันยากไหม? ฉันไม่เคยเล่นเลย”

“ฮ่าฮ่า เธอเพิ่งบอกเองว่าตื่นเต้นที่จะมาเล่นสเกต ฉันก็คิดว่าเธอจะเล่นเก่ง ไม่คิดเลยว่าเธอจะไม่เคยเล่น!” หลันเฟ่ยหมิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“ฉันไม่เคยลองก็เลยอยากจะลองเล่นดู พวกพี่เล่นได้หมดเลยเหรอ? ฉันไม่ใช่คนเดียวใช่ไหม?” มู่หรงเสวี่ยพูดออกมาอย่างเศร้าๆ

ฮวงเสี่ยวเฟิงเองก็รีบลุกขึ้นและพูดออกมาว่า “ฉันก็ไม่เคยเล่น…”

“ถ้าเป็นแบบนั้น เฟิงหมิงกับฉันจะพาพวกเธอไปเล่นเอง อันที่จริงมันก็ไม่ได้ยาก น่าจะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว” หลิวฮัวลี่พูดพร้อมรอยยิ้ม

“โอเค” มู่หรงเสวี่ยไม่ได้มีปัญหาอะไร
ฮวงเสี่ยวเฟิงแอบมองไปที่รุ่นพี่หลิว และคิดว่าเธอจะได้คู่กับรุ่นพี่หลิวหรือไม่

พวกเขาเดินไปจ่ายเงิน มู่หรงเสวี่ยจ่ายให้ฮวงเสี่ยวเฟิงเพราะวันนี้ฮวงเสี่ยวเฟิงไม่ได้เอาเงินมาด้วยเลย และเธอก็ไม่มีเงินเหลือๆมาจ่ายเล่นแบบนี้ด้วย มู่หรงเสวี่ยเองก็รู้เรื่องนี้ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ถามอะไรและชิงช่วยจ่ายเงินให้เธอก่อนและยังจงใจที่จะเลี่ยงรุ่นพี่ทั้งสองคน

ทุกคนต่างก็เช่ารองเท้า มู่หรงเสวี่ยทนไม่ได้ที่จะต้องใช้รองเท้าร่วมกับคนอื่นดังนั้นเธอจึงซื้อรองเท้าสเกตคู่ใหม่ แน่นอนเธอก็หันไปถามฮวงเสี่ยวเฟิงว่าจะซื้อของเธอด้วยไหมแต่เสี่ยวเฟิงปฏิเสธอย่างแข่งขัน

“รุ่นพี่หลิว ช่วยทีนะ…” หลังจากที่เปลี่ยนรองเท้าแล้ว ฮวงเสี่ยวเฟิงก็พูดอย่างเขินอายกับหลิวฮัวลี่

เดิมทีหลิวฮัวลี่อยากที่จะจับคู่กับมู่หรงเสวี่ยแต่เขาก็ปฏิเสธฮวงเสี่ยวเฟิงไม่ได้ เขาจึงพูดออกไปพร้อมรอยยิ้มจางๆ “โอเค ฉันจะไปกับเธอ ตามฉันมานะฉันจะพาเธอเล่นช้าๆ ไม่ต้องกังวลนะ…” เขาจับมือฮวงเสี่ยวเฟิงและเดินเข้าไปที่ลานสเกต

ฮวงเสี่ยวเฟิงที่ไม่คุ้นเคยกับสถานที่จึงมีบางครั้งที่มีท่าทีที่จะล้ม หลิวฮัวลี่จึงต้องโอบเธอไว้แต่ก็ทำด้วยความสุภาพไม่มีเลศนัยอะไร

“เราก็ไปกันเถอะ พี่อย่าทำฉันล้มนะรุ่นพี่หลัน!” มู่หรงเสวี่ยยื่นมือออกไปและพูดกับรุ่นพี่หลันพร้อมรอยยิ้ม

รุ่นพี่หลันเผยรอยยิ้มสดใสและพูดออกมาว่า “เธอมั่นใจได้เลย ฉันเป็นเจ้าแห่งการสเกตเลย…”

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่เขาอย่างดูถูก “พี่ก็แค่โม้…”
ไม่นานทั้งสองก็เดินตามกันเข้าไปในลานสเกต หลันเฟ่ยหมิงรู้สึกชื่นชมความหัวไวของมู่หรงเสวี่ย หลังจากนั้นแค่ไม่นานมู่หรงเสวี่ยก็สเกตได้ลื่นไหลมากกว่าเขาซะอีก เขารู้สึกตกใจอย่างมาก ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าคงจะต้องใช้เวลาสอนเธอทั้งวันซะอีก

มู่หรงเสวี่ยสเกตไปรอบๆและกลับมาที่รุ่นพี่หลัน เขาแลบลิ้นให้แล้วพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าเธอจะเก่งพอๆกันฉันเลยนะ เด็กใหม่! ฮ่าฮ่าฮ่า” เมื่อพูดจบก็แลบลิ้นออกมาอีกครั้ง

ข้างหน้ามองไม่ค่อยชัด มีคนเล่นอยู่เยอะไปหมดแต่ก็ยังสามารถสเกตอย่างสนุกได้อยู่ “อย่าวิ่ง รอก่อน!” เธอสนุกไปกับความเร็วของเท้าตัวเอง

มู่หรงเสวี่ยเห็นว่าเขากำลังไล่ตามเธอมาจริงๆ และเท้าของเธอก็ทรงพลังอย่างมาก สเกตไปความเร็ว “ฮ่าฮ่า พี่ตามฉันไม่ทันหรอก!” มู่หรงเสวี่ยมองไปข้างหลังและพูดพร้อมรอยยิ้ม อย่างไรก็ตามสีหน้าของหลันเฟ่ยหมิงเปลี่ยนไปและตะโกนออกมา “เสี่ยวเสวี่ย มองข้างหน้า!” ข้างหน้าเธอมีผู้ชายกำลังสเกตถอยหลังอยู่ซึ่งชนเข้ากับเส้นทางของมู่หรงเสวี่ยเข้าอย่างจัง
“โอ๊ย” เสียงร้อง มู่หรงเสวี่ยและเด็กหนุ่มล้มลงไปที่พื้นด้วยกัน หลันเฟ่ยหมิงรีบวิ่งเข้ามา “เสี่ยวเสวี่ยเป็นอะไรหรือเปล่า? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”

มู่หรงเสวี่ยขมวดคิ้ว มันเจ็บมากจนเธอต้องกัดริมฝีปากแต่ก็เปิดปากพูดออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มปากเท่าไร “ไม่เป็นไร…”

ในตอนนี้หลิวฮัวลี่และฮวงเสี่ยวเฟิงก็รีบวิ่งเข้ามาด้วย “เกิดอะไรขึ้น?” หลิวฮัวลี่ถามอย่างเป็นห่วง

หลันเฟ่ยหมิงพยุงมู่หรงเสวี่ยขึ้นมา “เสี่ยวเสวี่ยฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล…” สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยซีดเผือดและแย่มากและน่าจะเป็นเพราะได้รับบาดเจ็บแน่ๆ

“ดูก่อนว่าเขาเป็นยังไง…” เธอรู้สึกเจ็บท้อง เดาว่าเขาน่าจะชนเธอเข้าที่ท้อง เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นยังไงบ้าง เธอโทษตัวเองที่มัวแต่มองข้างหลังและไม่ทันได้เห็นคนที่อยู่ข้างหน้าเธอเลย

อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มสลบไปแล้วและสีหน้าของคนมากมายก็เปลี่ยนไปอย่างมาก หลิวฮัวลี่แบกเด็กหนุ่มไว้ที่หลังและเดินออกไปจากลานสเกต ในตอนนี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของลานสเกตก็เข้ามาถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและเตรียมเรียกรถพยาบาลเพื่อส่งคนไปโรงพยาบาล

หลังจากนั้นสักพัก มู่หรงเสวี่ยก็ทนเจ็บไม่ไหวจนสลบไปและคนที่เหลือทั้งสามต่างก็ยิ่งเป็นห่วงขึ้นไปอีก พวกเขากลัวว่าอาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้น ตอนแรกมันเป็นการสเกตที่สนุกมากแต่ไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้

หลิวฮัวลี่เจอโทรศัพท์ของมู่หรงเสวี่ยที่อยู่ในกระเป๋า เขาพยายามที่จะโทรหาพ่อแม่ของมู่หรงเสวี่ย อย่างไรก็ตามเขากดหาชื่อพี่ชูและกดโทรออก เขารับสาย “ฮัวโหล ฮัลโหล!”

ชูอี้เสิ่นที่อยู่ปลายสายเมื่อได้ยินเสียงผู้ชาย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีและพูดด้วยเสียงเย็นชา “นายเป็นใคร?! ทำไมถึงมาใช้โทรศัพท์ของเสี่ยวเสวี่ย!”

หลิวฮัวลี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่น เขาจำได้ว่าแฟนของ มู่หรงเสวี่ยคือชูอี้เสิ่น เขาจึงรีบอธิบาย “ผมเป็นรุ่นพี่ของ เสี่ยวเสวี่ย เสี่ยวเสวี่ยเป็นลมไปและตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล…”

ชูอี้เสิ่นรีบยืนขึ้นทันทีและพูดออกไปว่า “อะไรนะ?! โรงพยาบาลไหน?”

“โรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดของตระกูลจาง…” ก่อนที่เขาจะพูดจบ สายก็ตัดไปก่อน

ส่วนเด็กหนุ่มอีกคนเขาก็อยากที่จะโทรหาพ่อแม่ของเขา อย่างไรก็ตามพวกเขาหาโทรศัพท์ของเด็กหนุ่มไม่เจอ จึงไม่มีเบอร์ที่จะโทรหา แถมบัตรประจำตัวก็หาไม่เจอด้วยจึงทำได้เพียงรอให้เขาฟื้นเท่านั้น

ในตอนนี้จางหลินหลี่ประหลาดใจมากที่ได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่บนเตียง เขาคิดว่าในชีวิตนี้จะไม่ได้เจอเธออีกแล้ว ไม่คิดเลยว่าเธอจะมาปรากฏตัวในตอนที่เขาไม่ได้เตรียมตัวแบบนี้ นอกจากนี้ที่นี่ก็เป็นที่ที่เขาไม่ได้อยากให้เธอมาอยู่เลย เธอซีดเผือดแม้แต่ริมฝีปากก็แห้งผาก เขารีบเข้าไปเช็กเธอทันที โชคดีที่เธอแค่มีรอยช้ำเล็กน้อยที่บริเวณท้องซึ่งไม่ได้ร้ายแรงอะไร อวัยวะภายในไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแต่รอยเขียวช้ำที่ท้องก็ยังทำให้เขารู้สึกไม่ดีอยู่ดี

เดิมทีพยาบาลจะต้องเป็นคนให้ยาเธอแต่จางหลินหลี่กลับทำเองทุกอย่าง ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้เหล่าพยาบาลที่ยืนอยู่ข้างๆ