แดนนิรมิตเทพ บทที่ 719
เล่หรูหั่วมองเฉินโม่ด้วยความสนใจ

“นายเป็นคนที่น่าสนใจมาก นายช่วยทำนายอีกสิว่าฉันสามารถทำให้ความฝันนี้เป็นจริงได้ไหม” เล่หรูหั่วมองเฉินโม่ด้วยรอยยิ้ม

สีหน้าของเฉินโม่เปลี่ยนเป็นจริงจังทันที และมองเล่หรูหั่วด้วยสายตาเคร่งขรึมเล็กน้อย

เล่หรูหั่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และรู้สึกตึงเครียดทันที “ทำไมเหรอ? มีปัญหาอะไร?”

เฉินโม่มองใบหน้าที่สวยงามของเธอ และอดไม่ได้ที่จะนึกถึงจุดจบที่น่าเศร้าชาติก่อนของเธอ

ชาติก่อนเล่หรูหั่วรักเฉินโม่ และเมื่อผู้หญิงอย่างเธอมีความรักแล้ว ก็จะเร่าร้อนเหมือนดั่งไฟ และไม่สามารถควบคุมได้

เพียงแต่หลังพี่ชายของเธอบอกเฉินโม่ว่าเล่หรูหั่วเป็นคุณหนูของตระกูลเล่แห่งจงไห่ ทำให้เฉินโม่รู้สึกกลัวและยอมแพ้

ตระกูลเล่แห่งจงไห่ เป็นตระกูลชั้นหนึ่งที่แข็งแกร่งกว่าตระกูลจินแห่งฮ่านหยางเสียอีก

ถึงแม้ว่าเฉินโม่จะบอกเรื่องที่ตนเองเป็นคุณชายของเหม่ยหวา กรุ๊ปออกมา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลเล่แห่งจงไห่แล้ว ไม่เพียงพอให้เอ่ยถึง

เมื่อเผชิญกับมหาอำนาจเช่นนี้ ชาติก่อนเฉินโม่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมแพ้ เพราะเขาไม่อยากให้เหม่ยหวา กรุ๊ปที่แม่สร้างขึ้นมาจากการทำงานหนักมาครึ่งชีวิตกลายเป็นเป้าหมายการปราบปรามของตระกูลเล่

ดังนั้น เขาจึงยอมแพ้

ตอนที่เขาบอกเลิกเธอใต้ถนนต้นซากุระของมหาวิทยาลัยหัวหนาน เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่มีใครรู้ว่าตอนนั้นเขารู้สึกเจ็บปวดมากเพียงใด

เขาจำได้ว่าตอนนั้นเล่หรูหั่วตอบเขาด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้ประโยคนั้นจะผ่านมาหกร้อยปีแล้ว แต่เฉินโม่ยังคงจำเหตุการณ์ในอดีตได้อย่างชัดเจน

“เฉินโม่ ถ้าฉันเล่หรูหั่วชอบใครสักคนแล้ว บุคคลนั้นก็คือโลกของฉัน แต่ถ้าโลกนั้นละทิ้งฉัน ไม่เป็นไร ยังมีโลกอีกมากมายที่รอฉันอยู่”

คำตอบของเล่หรูหั่วเหมือนกับตัวตนของเธอ ตรงไปตรงมาและเด็ดขาด

หลังจากกล่าวจบ เล่หรูหั่วก็เดินจากไป และลาออกจากมหาวิทยาลัยหัวหนานตอนเรียนปีสี่

แต่น่าเสียดายที่เล่หรูหั่วไม่ได้เป็นอย่างอิสระที่เธอพูด เธอไม่ได้หาโลกใบใหม่ เธอยอมรับการจัดการของตระกูล และกลายเป็นเหยื่อของการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ทางการเมืองของตระกูล

หลังจากนั้น ก็ไม่มีหลังจากนั้นอีกแล้ว

ต่อมาเฉินโม่ได้ยินว่าหลังจากเล่หรูหั่วแต่งงานก็ล้มป่วย หนึ่งปีต่อมาเธอก็เสียชีวิต

ผู้หญิงที่เปล่งประกายเหมือนไฟ ชีวิตที่งดงามของเธอเบ่งบานราวกับดอกไม้ไฟ แต่สุดท้ายกลับจบด้วยความเศร้า

เมื่อได้ยินข่าวการเสียชีวิตของเล่หรูหั่ว ตอนนั้นเฉินโม่รู้สึกว่าท้องฟ้ามืดลงทันที

เฉินโม่ไม่ได้ไปงานศพของเล่หรูหั่วกับเพื่อนร่วมชั้น เขาไม่กล้า เขาละอายใจ และเขาไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเธออย่างไร

แต่เขาอยากเห็นเธอจริง ๆ กระทั่งเพียงแค่แวบเดียวก็ยังดี

ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าเธอไม่ได้ยินเสียงเขาอีกต่อไป และไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เธอที่ผู้ฟังเขา แต่เขารู้ว่าเธออยู่ที่นั่น และนอนอย่างสงบ…

เฉินโม่รู้ที่ตั้งสุสานของเล่หรูหั่วจากเพื่อนร่วมชั้น เขาวิ่งไปอย่างบ้าคลั่ง และสุดท้ายก็พบว่าเธออยู่ตามลำพังท่ามกลางแผ่นป้ายหินมากมาย

ตอนนั้นเฉินโม่จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่สุสาน เขารู้เพียงแค่ว่าวันรุ่งขึ้นหลังจากตื่นขึ้นมาแล้ว น้ำตาที่ไหลออกมาไม่ใช่น้ำตาอีกต่อไป แต่เป็นเลือดสีแดง

เฉินโม่จากไป โดยวางดอกมะลิมากมายไว้เป็นเพื่อนเธอ แล้วเขาก็ไปจากโลกมนุษย์ที่มีแต่การแก่งแย่งชิงดีอย่างเงียบ ๆ

เฉินโม่รู้สึกว่าน้ำตาของเขากำลังจะไหลออกมา

“เพื่อนนักเรียน เพื่อนรักเรียน นายเป็นอะไรหรือเปล่า?”

น้ำเสียงเรียกแผ่วเบาทำให้เฉินโม่กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง และเขาใช้พลังทิพย์เพื่อซับน้ำตาทันที เขาพบว่าหญิงสาวที่ทิ้งความเสียใจที่ไม่สามารถลบออกไปจากหัวใจของเขาได้ กำลังมองเขาด้วยดวงตาที่สดใส