แดนนิรมิตเทพ บทที่ 720
โชคดีที่สวรรค์ให้โอกาสเฉินโม่กลับมาอีกครั้ง และเขากลับมายังโลกมนุษย์ด้วยพลังของผู้บำเพ็ญแดนดั่งเทพ

เฉินโม่แอบกำหมัดไว้แน่น ดวงตามีความแน่วแน่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

“หรูหั่ว วางใจเถอะ! ชาตินี้ผมจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด”

“คุณเคยบอกว่าคนที่คุณชอบคือโลกของคุณ ชาติก่อนผมคือโลกของคุณ”

“ชาตินี้ ผมเต็มใจที่จะล้มล้างโลกทั้งใบเพื่อคุณ!”

รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉินโม่อีกครั้ง เขากลับเข้าสู่คำถามของเล่หรูหั่วอีกครั้ง

“ด้วยอุปนิสัยและสถานะของคุณแล้ว จะไม่ยอมให้คุณทำความฝันที่ไม่สมจริงเหล่านั้นให้กลายเป็นความจริงได้ ดังนั้นชาตินี้คุณจะไม่สามารถทำให้ความฝันเหล่านั้นเป็นจริงได้”

คำตอบของเฉินโม่ค่อนข้างไร้ความปรานี แต่เขารู้ว่าเล่หรูหั่วเองก็รู้ดีว่าความฝันของเธอไม่มีวันกลายเป็นความจริง

สีหน้าของเล่หรูหั่วราบเรียบ เธอแค่รู้สึกเสียใจเล็กน้อยเท่านั้น

เพียงแต่ทันใดนั้นเฉินโม่ก็เปลี่ยนหัวข้อ “แต่ชะตาชีวิตของคุณถูกกำหนดให้เจอผู้อุปถัมภ์คนหนึ่ง และเขาจะช่วยทำให้ความฝันของคุณกลายเป็นความจริง”

เล่หรูหั่วยิ้มอย่างกะทันหัน สายตาที่มองเฉินโม่มีความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ “ผู้อุปถัมภ์? ขอบคุณสำหรับการปลอบโยนของนาย แต่ฉันไม่เชื่อว่าจะมีผู้อุปถัมภ์ ฉันยังคงเชื่อในตัวเองมากกว่า”

เฉินโม่ไม่ได้คาดหวังว่าเล่หรูหั่วจะเชื่อ เขายิ้มบาง ๆ และกล่าวต่อไปว่า “เชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่ต่อไปเมื่อประสบปัญหา อย่าหุนหันพลันแล่นเด็ดขาด เพราะเมื่อวิธีหนึ่งไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ก็สามารถใช้วิธีอื่นแก้ปัญหาได้ ทุกปัญหามีทางออกเสมอ”

“ขอบคุณ ฉันจะจำเอาไว้!” เล่หรูหั่วไม่ได้จริงจัง แต่ใช้คำพูดของเฉินโม่เป็นการปลอบโยนตนเอง

ตอนนี้เจียงเสวี่ยที่อยู่ด้านข้างเพิ่งได้สติกลับคืนมา มองเฉินโม่ด้วยความประหลาดใจ “นึกไม่ถึงว่าคนอย่างนายจะรู้มากขนาดนี้ ฉันประเมินนายต่ำไปจริง ๆ!”

“เพียงแต่ถ้านายอาศัยสิ่งเหล่านี้มาจีบเล่หรูหั่ว มันจะเป็นการดูหมิ่นเล่หรูหั่วมากเกินไป!” สายตาของเจียงเสวี่ยที่มองเฉินโม่ยังคงเย็นชา

“เพื่อนร่วมชั้นคนนี้พูดมีเหตุผล!”

เสิ่นเจี้ยนเหวินที่รอด้วยความหงุดหงิด ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เขาเดินมาพร้อมกับแก้วเหล้า

“คุณชายเสิ่น!” เมื่อเห็นเสิ่นเจี้ยนเหวิน ดวงตาของเจียงเสวี่ยเปลี่ยนไปทันที

เพียงแต่เล่หรูหั่วมองเสิ่นเจี้ยนเหวินด้วยสายตาเย็นชาเล็กน้อย

เสิ่นเจี้ยนเหวินมองเฉินโม่และยิ้มเล็กน้อย ดูเหมือนไม่เจตนา แต่เขาเตรียมวิธีการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายไว้นานแล้ว และกล่าวว่า “เพื่อนร่วมชั้นคนนี้ ไม่ทราบว่าจะเรียกนายว่าอะไร?”

เฉินโม่ขมวดคิ้ว เขาจำได้ว่าการประชุมแลกเปลี่ยนชาติก่อน เขากับเสิ่นเจี้ยนเหวินไม่ได้สนทนาใด ๆ เพราะเขานั่งมองเสิ่นเจี้ยนเหวินทำตัวเด่นอย่างเงียบ ๆ

ดูเหมือนว่าการที่เขาเป็นฝ่ายเริ่มไปทำความรู้จักเล่หรูหั่ว ทำให้การประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้แตกต่างจากชาติก่อน

“ผมชื่อเฉินโม่ คุณชายเสิ่นมีธุระอะไรหรือเปล่า?” เฉินโม่ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ มีความรำคาญปรากฏอยู่บนใบหน้าเล็กน้อย

ดวงตาของเสิ่นเจี้ยนเหวินเคร่งขรึมเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่คนอื่นไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสาวงามแล้ว เขาไม่สามารถเปิดเผยออกมาได้

“ที่แท้ชื่อเฉินโม่ ไม่รู้ว่าเฉินโม่มาจากไหน? ครอบครัวทำธุรกิจอะไร?” เสิ่นเจี้ยนเหวินแสร้งทำเป็นยิ้ม

เฉินโม่มองเขาแวบหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่อาจบอกได้!”

เสิ่นเจี้ยนเหวินไม่พูดอะไร แต่ผู้ชายสองคนที่ติดตามอยู่หลังเสิ่นเจี้ยนเหวินหัวเราะด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

“ไม่อยากพูด หรือว่าไม่กล้าพูดล่ะ?”

“ฮ่า ๆ เดาว่าถ้าพูดออกมาแล้ว จะทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะ!”

พวกเขาสองคนเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย และกดขี่เฉินโม่

สายตาของเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่รอบ ๆ จับจ้องไปที่เฉินโม่ทันที ทุกคนต่างรู้ว่าฐานะครอบครัวของเสิ่นเจี้ยนเหวินร่ำรวย แต่การแต่งตัวของเฉินโม่นั้นเหมือนคนยากจน ถึงแม้ว่าหน้าตาของเขาจะไม่ขี้เหร่ แต่ก็ไม่ได้หล่อ เขาไม่มีอะไรที่สามารถเทียบเสิ่นเจี้ยนเหวินได้