ตอนที่ 386 พบเฟิงชิงสุ่ย / ตอนที่ 387 ข้าเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเป็นพระชายา

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 386 พบเฟิงชิงสุ่ย

 

 

พอกู้หลียวนไปแล้ว ซูจิ่วซือก็เตรียมจะพักผ่อน แต่จู่ๆ ก็มีเสียงปิงซินดังเข้ามา “คุณหนู คุณหนูเฟิงมาหา”

 

 

ซูจิ่วซือซึ่งรู้สึกอ่อนเพลียอยู่ตื่นตัวทันที เฟิงชิงสุ่ยมาหานางจริงๆ พอดี นางเองก็อยากพบเฟิงชิงสุ่ย

 

 

“เดี๋ยวข้าออกไป เจ้าต้อนรับให้ดี”

 

 

“เจ้าค่ะ คุณหนู”

 

 

ปิงซินขานรับแล้วออกไป

 

 

ซูจิ่วซือนั่งที่หน้ากระจก นึกไม่ถึงว่าเฟิงชิงสุ่ยจะมา หลายวันมานี้นางสีหน้าไม่ดีนัก เพื่อไม่ให้รู้ว่านางไม่สบาย จึงทาแป้งเล็กน้อย หวีผม แล้วจึงออกจากห้องไปพบเฟิงชิงสุ่ย

 

 

กับเฟิงชิงสุ่ย ซูจิ่วซือไม่อาจมองข้าม เมื่อก่อนตอนอยู่เมืองหลวงจิงเฉิง แม้แต่กับกู้เฝิ่นไต้ นางก็ยังมั่นใจ และไม่ค่อยใส่ใจกู้เฝิ่นไต้นัก

 

 

เฟิงชิงสุ่ยเป็นคนที่นางให้ความสำคัญมากที่สุด และเป็นคู่ต่อกรที่เข้มแข็งที่สุดที่นางพบ

 

 

เฟิงชิงสุ่ยสวมชุดสีม่วง ผมปักปิ่นสวยหรู นางเป็นคนสวย ไม่มีความอ่อนหวานแบบผู้หญิง แต่มีความกล้าหาญ ดูลักษณะเป็นคนน้ำใจกว้างขวาง

 

 

พอเห็นซูจิ่วซือเดินเข้ามา นางก็มอง ระย้าที่เครื่องประดับผมส่งเสียงดังกังวาน นางจ้องมองซูจิ่วซือตรงๆ นางอยากดูผู้หญิงที่ฟู่เฉินหรงคิดถึงตลอดเวลา อยากรู้ว่ารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร

 

 

ซูจิ่วซือสวมชุดสีฟ้า ดูสงบนิ่งราวกับน้ำ ดวงตาดำสนิท เหมือนบ่อน้ำลึก มองไม่เห็นพื้นล่าง

 

 

แม้ไม่ถึงกับสวยโดดเด่น แต่ก็ถือว่าสวย กิริยาท่าทางเหมาะเจาะ ทำให้ดูน่าสนใจ

 

 

แม้ซูจิ่วซือจะปิดบังอย่างดี และควบคุมตัวเองไว้มาก แต่เฟิงชิงสุ่ยมองแวบเดียวก็รู้ว่าซูจิ่วซือเป็นผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเองมาก ไม่ระวังตัวแจเหมือนผู้หญิงทั่วไป

 

 

ได้ยินว่าตอนนางอายุแปดขวบก็ถูกขับออกจากจวนอันผิงโหว เติบโตท่ามกลางชาวบ้าน แต่ก็ยังมีความมั่นใจอย่างนี้ ทำให้เฟิงชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจ

 

 

นี่เป็นลักษณะของคุณหนูใหญ่ตระกูลใหญ่แท้ๆ ความมั่นใจเกิดจากการสั่งสม นางไม่มีลักษณะของชาวบ้านแม้แต่น้อย

 

 

พอเห็นซูจิ่วซือ นางก็มีความหวังอยู่ลึกๆ

 

 

เฟิงชิงสุ่ยค่อนข้างหลงตัวเอง นางรู้สึกว่าในตูเฉิงไม่มีผู้หญิงคนไหนเทียบนางได้ มีแต่ฟู่เยว่อี้ลูกสาวของซิ่นอ๋องที่นางพอจะชื่นชมบ้าง

 

 

เวลานี้นางรู้สึกว่าซูจิ่วซือก็ทำให้นางชื่นชม นางชอบสมาคมกับคนฉลาด และอยากดูว่าซูจิ่วซือมีความสามารถอะไรที่จะมาชิงตำแหน่งพระชายารัชทายาทกับนาง

 

 

ซูจิ่วซือเดินเข้ามาหาเฟิงชิงสุ่ย ถามน้ำเสียงราบเรียบ “ข้ากับแม่นางไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่ทราบว่าแม่นางมีธุระอะไรจึงมาหาข้า”

 

 

“ผู้น้อยเฟิงชิงสุ่ย” เฟิงชิงสุ่ยยิ้มน้อยๆ พยักหน้าให้ซูจิ่วซือ

 

 

“คุณหนูใหญ่แห่งจวนแม่ทัพสยบปฐพีนี่เอง ไม่ทราบว่าคุณหนูเฟิงมาที่นี่มีอะไรจะสั่งสอน”

 

 

“แม่นางก็คือองค์หญิงอันผิงซูจิ่วซือ! ได้ยินชื่อเสียงขององค์หญิงอันผิงมานานแล้ว พอได้ข่าวว่าองค์หญิงอันผิงมาที่ตูเฉิง จึงตั้งใจมาเยี่ยม ถ้าเป็นการรบกวน ก็ขออภัยด้วย”

 

 

เฟิงชิงสุ่ยไม่ได้ท้าทายซูจิ่วซือ ท่าทางเกรงใจมาก ต่อหน้าซูจิ่วซือ นางไม่อยากเสียมารยาท

 

 

“ตลอดทางมานี้ข้าได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับคุณหนูเฟิงไม่น้อย คุณหนูเฟิงเป็นคนเก่งในหมู่ผู้หญิง วันนี้โชคดีที่ได้พบ นับว่าสมความปรารถนา ตามแบบแผนแล้วข้าควรไปเยี่ยมคุณหนูเฟิง นึกไม่ถึงว่ากลับเป็นคุณหนูเฟิงมาหาข้า”

 

 

ซูจิ่วซือนั่งข้างเฟิงชิงสุ่ย น้ำเสียงเกรงใจเช่นกัน แต่ก็ห่างเหินไม่ถูกเฟิงชิงสุ่ยข่ม ทั้งสองไม่มีใครเหนือกว่าใคร ดูภายนอกเกรงอกเกรงใจกัน แต่ภายในเต็มไปด้วยกระแสคลื่นซัดกระหน่ำ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 387 ข้าเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเป็นพระชายา

 

 

เฟิงชิงสุ่ยหัวเราะ “องค์หญิงพูดเกินไป ตอนที่องค์รัชทายาทยังไม่กลับแคว้นเจียง เคยเป็นบุตรบุญธรรมของสกุลกู้ และเป็นญาติผู้พี่ขององค์หญิง ข้าในฐานะเป็นคู่หมั้นขององค์รัชทายาท เมื่อมีแขกแดนไกลมาถึง ข้าย่อมต้องทำหน้าที่เจ้าบ้าน ต้อนรับองค์หญิงแทนองค์รัชทายาท”

 

 

ซูจิ่วซือสีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย ยังคงสงบนิ่ง “คุณหนูเฟิงเกรงใจเกินไปแล้ว ข้ากับเฉินหรงเป็นคนครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องต้อนรับเป็นพิเศษ”

 

 

เดิมทีเฟิงชิงสุ่ยคิดว่าตนพูดอย่างนี้จะทำให้ซูจิ่วซือเสียหน้า นึกไม่ถึงว่าซูจิ่วซือไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ดูแล้วซูจิ่วซือรับมือยากกว่าที่นางคิดจริงๆ

 

 

นางอยากทดสอบซูจิ่วซือต่อ ดูว่าซูจิ่วซือจะมีความอดทนแค่ไหน

 

 

“องค์หญิงพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูก ถ้าว่าเป็นคนครอบครัวเดียวกัน ก็ต้องข้ากับองค์รัชทายาทต่างหาก อีกอย่างหนึ่งเฉินหรงก็ไม่ใช่ญาติผู้พี่ขององค์หญิงจริงๆ ถึงจะเป็นญาติผู้พี่ ก็ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน

 

 

ข้าได้ยินมาว่าเมื่อก่อนองค์รัชทายาทกับองค์หญิงเคยมีความสัมพันธ์ที่ไม่แน่ชัด เรื่องราวในอดีตข้าไม่ถือสา แต่วันหลังขอให้องค์หญิงระมัดระวัง อย่าทำอะไรให้อับอายขายหน้าจวนอันผิงโหวกับแคว้นเว่ย ไม่เช่นนั้นข้าคงรู้สึกละอายใจแทนองค์หญิง”

 

 

ซูจิ่วซือยิ้มน้อยๆ “คุณหนูเฟิงรอให้เป็นพระชายารัชทายาทก่อนค่อยพูดอย่างนี้ เพราะถ้ามีการเปลี่ยนแปลงขึ้นจะเป็นที่เย้ยหยัน”

 

 

เฟิงชิงสุ่ยเหมือนได้ยินเรื่องขำขัน ตอนแรกนางตะลึง จากนั้นก็หัวเราะทันที “องค์หญิงพูดตลกจริงๆ ดูแล้วองค์หญิงเพิ่งมาถึงตูเฉิง ยังไม่ค่อยเข้าใจสภาพตูเฉิงนัก

 

 

ข้ารู้ว่าองค์รัชทายาทชอบองค์หญิง แต่ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ เวลานี้องค์รัชทายาทมีภัยรอบด้าน การจะรักษาตำแหน่งรัชทายาทอย่างมั่นคงไม่ใช่เรื่องง่าย ข้าเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยได้ องค์หญิง เจ้าช่วยองค์รัชทายาทได้หรือ

 

 

จะช่วยจัดการพระชายารองคนอื่น หรือจะช่วยจัดการงานในวังตะวันออก เรื่องพวกนี้ ให้แม่เฒ่าที่มีประสบการณ์ทำก็ได้ ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ข้าขอเตือนให้เจ้ารีบเลิกคิด จะได้ไม่อันตรายถึงชีวิต ศพจะไม่สวย”

 

 

“เป็นเรื่องของข้าหรือไม่ไม่เกี่ยวกับเจ้า คุณหนูเฟิงรู้ใจเฉินหรงดีแล้วหรือ นี่ต่างหากที่สำคัญที่สุด ยังไม่ถึงตอนจบ ไม่มีใครรู้ว่าใครจะได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย บางเรื่องไม่ควรพูดไปก่อน”

 

 

ซูจิ่วซือไม่ใส่ใจคำพูดของเฟิงชิงสุ่ย ยังคงไม่หวาดหวั่น

 

 

ซูจิ่วซือเยือกเย็นกว่าที่เฟิงชิงสุ่ยคิด เฟิงชิงส่วยยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นจิบแล้ววางลง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ข้าจะทำให้องค์หญิงยอมแพ้อย่างราบคาบ บางครั้งจุดจบก็ถูกกำหนดตั้งแต่แรกแล้ว แต่มีคนไม่ยอมรับชะตากรรม ต้องดิ้นรนก่อน สุดท้ายเป็นอย่างไร ก็ต้องยอมรับชะตากรรม สักวันหนึ่ง เจ้าจะคุกเข่ากับพื้นขอร้องข้า เจ้าเชื่อหรือไม่”

 

 

“บางทีอาจจะเป็นตรงกันข้าม” ซูจิ่วซือโต้แย้ง

 

 

เฟิงชิงสุ่ยตะลึง จากนั้นก็ยิ้มหยัน “เป็นไปไม่ได้ วันนี้ข้ามาเพื่อขอเตือนองค์หญิง อะไรที่ข้าต้องการไม่เคยพ้นมือข้าได้”

 

 

ซูจิ่วซือมองเฟิงชิงสุ่ยอย่างเย็นชา “เฉินหรงไม่ใช่สิ่งของ คุณหนูเฟิงยังคิดว่าจะบงการเขาได้หรือ เจ้าดูถูกเฉินหรงเกินไป เขาไม่เคยยอมให้ใครมาบงการ”

 

 

“ข้าเชื่อว่าองค์รัชทายาทรู้จักสถานการณ์ดี เข้าใจความจริง รู้ว่าอะไรสำคัญที่สุดสำหรับเขา

 

 

ซูจิ่วซือ ในเมื่อเจ้าอยากเล่นเกม งั้นเราสองคนก็เล่นด้วยกัน ข้าจะให้เจ้าพ่ายแพ้อย่างราบคาบและให้เจ้าเข้าใจ เจ้าไม่คู่ควรกับเฉินหรงแม้แต่น้อย มีแต่ข้าเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเป็นพระชายารัชทายาท สามารถช่วยเหลือเขาได้อย่างแท้จริง ข้ากับเขาจึงจะเป็นคู่ที่ฟ้าลิขิต”

 

 

“งั้นข้าจะรอดู”

 

 

ดวงตาซูจิ่วซือฉายแววดุดัน