ตอนที่ 388 สมควรตบหน้าสักสองฉาด / ตอนที่ 389 ข้าทนเห็นเจ้าเจ็บปวดไม่ได้

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 388 สมควรตบหน้าสักสองฉาด

 

 

พอเฟิงชิงสุ่ยออกไปแล้ว ซูจิ่วซือก็ขมวดคิ้ว เริ่มรู้สึกเจ็บแผล วันนี้เฟิงชิงสุ่ยมาทดสอบนาง

 

 

เฟิงชิงสุ่ยต้องการข่มนาง ต้องไม่ยอมเด็ดขาด

 

 

ซูจิ่วซือพบคู่ปรับที่แข็งแกร่งที่สุด คนอย่างเฟิงชิงสุ่ย นางไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวหลบหลีก แต่กลับรู้สึกสนใจ

 

 

วันข้างหน้า นางมีความหวังอยู่ลึกๆ

 

 

เฟิงชิงสุ่ยเหมือนซูหลิ่วในอดีต เวลานั้นซูหลิ่วก็เป็นคุณหนูใหญ่จวนโหวที่ทุกคนในเมืองหลวงรู้จักดี จวนอันผิงโหวภูมิใจในตัวนาง นางเย่อหยิ่งทะนงตน คิดว่าสวรรค์โปรดปรานตน มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้ตน

 

 

จนกระทั่งกู้เหยี่ยนทำให้นางผิดหวัง นางจึงเข้าใจ สวรรค์ไม่โปรดปรานใครคนใดคนหนึ่งไปตลอด บางครั้งก็ต้องแพ้บ้าง ล้มบ้าง

 

 

เวลานี้นางระงับใจตัวเองมากขึ้น สุขุมขึ้น ยังคงไม่มีความกลัว แต่ทำอะไรรู้จักประมาณกำลัง ไม่คิดว่าตนจะทำอะไรก็ได้อย่างเมื่อก่อน

 

 

หลังจากผ่านความทุกข์ทรมานและฟื้นชีพอีกครั้ง นางยิ่งเข้มแข็ง และยิ่งรอบคอบไม่หวาดหวั่น เฟิงชิงสุ่ยผ่านชีวิตที่ไร้อุปสรรค ยังไม่เคยลิ้มรสความผิดหวัง

 

 

ชีวิตที่ราบรื่นอย่างนี้เป็นจุดตาย

 

 

“เฟิงชิงสุ่ยช่างบังอาจจริงๆ ถึงกับมาขู่เจ้า สมควรตบสักสองฉาด”

 

 

เผยปิงปิงเข้ามาถึงก็พูดขึ้น

 

 

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ”

 

 

เผยปิงปิงตะลึง เหตุการณ์หลังจากนั้นนางไม่เคยคิด ตบก่อนแล้วค่อยว่า

 

 

“โดนว่าไม่กี่คำก็ตบหน้าเขา วันหลังคงจะอยู่ลำบาก” ซูจิ่วซือยิ้ม “ข้าลืมไปแล้วว่าเมื่อกี้นางพูดอะไร”

 

 

เผยปิงปิงยกหัวแม่มือให้ “เยี่ยมจริงๆ ข้าช่วยจำให้ สักวันหนึ่งจะให้เฟิงชิงสุ่ยมาคุกเข่าขอร้องเจ้า เวลานี้ข้าไม่มีธุระอะไร ข้าจะอยู่ช่วยเจ้าที่นี่

 

 

เรื่องของตระกูลเผยข้ารู้แล้ว ในเมื่อพ่อข้าเลือกที่จะร่วมมือกับฟู่เฉินหรง เราก็ลงเรือลำเดียวกัน ถ้าพวกเจ้าแพ้ ตระกูลเผยก็หมดสิ้น ซิ่นอ๋องคงไม่ปล่อยตระกูลเผยแน่”

 

 

“ขอบใจ ปิงปิง”

 

 

“ข้าทำเพื่อตระกูลเผย ไม่ต้องขอบใจข้า”

 

 

นี่เป็นเหตุผลที่เผยปิงปิงบอกกับตัวเองในการอยู่ที่นี่ นอกจากตระกูลเผยแล้ว ยังมีเหตุผลสำคัญคือกู้หลียวน รอสักวันหนึ่งหากไม่สมหวัง นางก็จะจากไป นางเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน แต่ที่แน่นอนก็คือนางไม่มีวันรอไปตลอดชาติ

 

 

ชิวซูประคองเฟิงชิงสุ่ยขึ้นรถม้าที่จอดรอข้างนอก เฟิงชิงสุ่ยนั่งเอนบนรถม้า ชิวซูนึกถึงท่าทีของซูจิ่วซือ จึงพูดขึ้น “คุณหนู องค์หญิงอันผิงไม่ตกใจกับคำขู่ของคุณหนู บ่าวนึกไม่ถึงจริงๆ”

 

 

“อย่าว่าแต่เจ้าเลย แม้แต่ข้าก็ยังอดชื่นชมซูจิ่วซือไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าซูจิ่วซือจะเก่งกาจอย่างนี้ ข้าพูดถึงขนาดนี้แล้วยังไม่สะดุ้งสะเทือน สงบนิ่งจริงๆ ไม่เหมือนคุณหนูตระกูลใหญ่ที่อ่อนแอพวกนั้น”

 

 

เฟิงชิงสุ่ยลูบกำไลหยกบนมืออย่างเหม่อลอย “แต่เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว ถ้าข้าขู่แล้วตกอกตกใจ ก็คงไม่สนุก องค์รัชทายาทคงไม่ชอบผู้หญิงที่ไม่เอาไหนอย่างนั้น”

 

 

“คุณหนูเตรียมจะทำอย่างไร”

 

 

เฟิงชิงสุ่ยยิ้มอย่างมั่นใจ “บางเรื่องเราไม่จำเป็นต้องลงมือเอง องค์รัชทายาทชอบซูจิ่วซือเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็รู้

 

 

ซิ่นอ๋องหรือจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดไป ซูจิ่วซือคงไม่ได้อยู่อย่างสงบแน่ ซิ่นอ๋องต้องอาศัยซูจิ่วซือมารับมือกับองค์รัชทายาท พวกเราเฝ้าดูให้ดีก็พอ ข้าไม่เชื่อว่าองค์รัชทายาทจะไม่มาขอให้ข้าช่วย”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 389 ข้าทนเห็นเจ้าเจ็บปวดไม่ได้

 

 

“คุณหนูพูดถูกต้อง พอถึงตอนนั้นองค์รัชทายาทคงจะมาขอร้องคุณหนู”

 

 

“ข้าจะให้ซูจิ่วซือมาขอร้องข้าเอง” เฟิงชิงสุ่ยคิดอย่างนี้ รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งลึกขึ้น “คนที่ซูจิ่วซือจะเผชิญหน้าเป็นคนแรกก็คือฟู่เยว่อี้กับจูอวี้ซิ่ว แค่สองคนนี้ก็ทำให้นางเหนื่อยแล้ว โดยเฉพาะฟู่เยว่อี้ องค์หญิงปะทะองค์หญิง สนุกแน่”

 

 

“งั้นคุณหนูคอยดูละครสนุกนะเจ้าคะ”

 

 

“ถือโอกาสเติมเชื้อไฟลงไปด้วย ข้าต้องให้องค์รัชทายาทเข้าใจ คนที่เขาต้องการอย่างแท้จริงเป็นใคร”

 

 

เวลานี้เฟิงชิงสุ่ยไม่ต้องทำอะไร นางแค่รอ นางรู้สึกว่าใช้เวลาไม่นาน ซูจิ่วซือก็ต้องมาขอร้องให้นางช่วย นางอยากเห็นท่าทางซูจิ่วซือตอนที่มาขอร้องนางจริงๆ

 

 

นี่จึงจะเป็นตอนสนุกที่สุด

 

 

สองวันหลังจากนั้น ฟู่เฉินหรงก็จัดการงานเสร็จเรียบร้อย เขาตั้งใจมาหาซูจิ่วซือ อยากให้ซูจิ่วซือตื่นเต้น จึงไม่ได้บอกใคร เข้าไปในคฤหาสน์อย่างเงียบๆ มาถึงนอกห้องที่ซูจิ่วซืออยู่

 

 

ขณะนี้เผยปิงปิงกำลังทำแผลให้ซูจิ่วซือเป็นครั้งสุดท้าย “ยานี้มีฤทธิ์น่าอัศจรรย์จริงๆ พอหาย ก็มีแผลเป็นเหมือนแผลเก่า ไม่เหมือนแผลใหม่สักนิด ช่วยให้เจ้าแอบอ้างเข้าไปได้

 

 

แต่ผิวสวยๆ กลายเป็นอย่างนี้ ข้าเห็นก็เสียดาย วันหลังเจ้าแต่งงานกับฟู่เฉินหรง เขาเห็นแผลเป็นนี่ จะไม่โกรธหรือ”

 

 

เผยปิงปิงทำแผลพร้อมกับพูดไปด้วย

 

 

“ถ้าไม่ใช่เป็นแผลที่หน้า ไม่เป็นไรหรอก”

 

 

“บางทีข้าก็นึกสงสัยว่าเจ้าจะเป็นผู้ชาย”

 

 

เผยปิงปิงถอนหายใจเบาๆ

 

 

จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดออก ฟู่เฉินหรงเดินหน้าเครียดเข้ามา พอเห็นฟู่เฉินหรงปรากฏตัวกระทันหันเผยปิงปิงก็ตกใจ ขวดยาในมือตกพื้น ยาผงกระจัดกระจาย

 

 

ซูจิ่วซือนึกไม่ถึงว่าฟู่เฉินหรงจะเข้ามา รีบหยิบหยิบเสื้อนอกที่วางบนเตียงมาคลุมตัว

 

 

“ปิงปิง เจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับจิ่วซือ”

 

 

เผยปิงปิงพยักหน้าอย่างงงงง รีบออกไปจากห้องทันที แล้วปิดประตู

 

 

ซูจิ่วซือสีหน้าไม่ปกติ ฟู่เฉินหรงไม่พูดไม่จา รีบก้าวเข้าไปหาซูจิ่วซือ ยื่นมือไปเปิดเสื้อนอกของซูจิ่วซือ

 

 

จากนั้นก็เห็นแผลเป็นขนาดใหญ่น่ากลัวที่ไหล่ซ้ายจนถึงไหล่ขวาของซูจิ่วซือ เป็นแผลเป็นที่เกิดจากแผลเปื่อยที่หายแล้ว ค่อนข้างดำ พอเห็นก็ตกใจ

 

 

ฟู่เฉินหรงเป็นห่วงมาก รู้สึกปวดร้าวใจขึ้นมา อยากยื่นมือไปลูบ ก็กลัวว่าซูจิ่วซือจะเจ็บ ทั้งรู้สึกโกรธและห่วงใย “เกิดอะไรขึ้น”

 

 

“มู่ซือซือมีปานรูปผีเสื้อที่ไหล่ซ้าย”

 

 

“เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องปาน เจ้าจึงทำร้ายตัวเองอย่างนี้

 

 

เรื่องนี้ข้ารู้ วันนี้ที่มานี่ก็เพื่อปรึกษาเจ้าเรื่องนี้ เราเลือกตระกูลโจวดีกว่า เจ้า…จิ่วซือ เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นห่วง ข้าทนเห็นเจ้าเจ็บปวดไม่ได้ ยิ่งไม่อาจทนดูเจ้าทำร้ายตัวเอง”

 

 

“ข้าเป็นคนทำเอง สมควรมาก เฉินหรง เราสองคนรู้ดี ตระกูลมู่เข้มแข็งกว่าตระกูลโจว ข้าอยากเข้าไปในตระกูลมู่ ถึงจะดูน่ากลัว แต่ข้าไม่เจ็บ เพียงแต่รู้สึกว่าแผลน่าเกลียดไปหน่อย ถ้าเจ้าไม่รังเกียจก็ไม่เป็นไร”

 

 

ซูจิ่วซือพูดด้วยน้ำเสียงสงบ ราวกับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่น่าพูดถึง นางตั้งใจไว้แล้วว่าจะเข้าไปในตระกูลมู่ นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับนาง หากไม่มีทางเลือกจึงจะเข้าไปในตระกูลโจว เวลานี้มีโอกาสมากที่จะได้เข้าไปในตระกูลมู่ แต่ต้องพยายามอย่างเต็มที่

 

 

ฟู่เฉินหรงไม่พูดไม่จา ยื่นมือมาไปรวบซูจิ่วซือไว้ในอ้อมแขน กอดนางไว้แน่น แต่ก็ปล่อยนางทันทีเพราะเกรงว่านางจะเจ็บ ขาถามเสียงเครียด “ยังเจ็บไหม”

 

 

ความจริงพอแตะถูกก็เจ็บเล็กน้อย แต่เพื่อไม่ให้ฟู่เฉินหรงเป็นห่วง ซูจิ่วซือจึงสั่นหัว “ไม่เจ็บ”