บทที่ 637 ราชาวัวอีกคนหนึ่ง

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 637 ราชาวัวอีกคนหนึ่ง

เมื่อเห็นท่าทางของเหลิ่งหยุน สีหน้าของเฉินเอ้อร์กั่วเปลี่ยนไปอย่างมาก ร่างกายของเขาทรุดลงทันใด แก้วน้ำที่อยู่ในมือก็หกกระจายไปทั่วทั้งพื้น

เฮยเจี่ยที่อยู่ด้านข้างถึงกับตกตะลึง คิดว่าเฉินเอ้อร์กั่วนั้นถูกลอบกัดเข้าเสียแล้ว จากนั้นพลันแสดงท่าทีราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ

“แอ่ก….” เฉินเอ้อร์กั่วลุกขึ้น เอ่ยด้วยใบหน้ามืดมน “ศิษย์น้อง อย่าได้ลากฉันเข้าไปเกี่ยวด้วยจะได้ไหม?”

“ถ้าหากคำพูดนี้ของแกแพร่กระจายออกไป ตาเฒ่าได้หักขาของฉันเป็นแน่!”

ราวกับว่าเหลิ่งหยุนนั้นยังไม่คิดจะปล่อยเฉินเอ้อร์กั่วไป แกโน้มตัวไปข้างหน้า ยิ้มอย่างอ่อนหวานและกล่าว “งั้นคุณว่าฉันสวยไหม?”

“คุณชอบฉันบ้างไหม?”

มาอีกแล้ว!

ใบหน้าของเฉินเอ้อร์กั่วมืดมน

ผู้หญิงคนนี้ชอบใช้ประโยชน์จากรูปลักษณ์ของแกมาหยอกเหย้าผู้ชายเมื่อเวลาแกไม่มีเรื่องใดให้ต้องทำ

ยังโชคดี โดยปกติแล้วเฉินเอ้อร์กั่วมักอยู่ท่ามกลางดงดอกไม้ การรับมือกับหญิงสาวเขาเองก็ยังพอมีทักษะอยู่บ้าง

เขากระแอมและพูดด้วยสีหน้าปกติ “จะกล่าวอย่างไรดี ในสายตาของฉัน ในโลกใบนี้ไม่มีหญิงสาวคนไหนงดงามไปกว่าศิษย์น้อง”

“ฉันจะไม่ชอบได้อย่างไรเล่า!”

“แต่ทว่า ฉันชมชอบในมุมมองสถานะศิษย์พี่และศิษย์น้อง อย่างไรเสียก็นับได้ว่าฉันนั้นเป็นศิษย์พี่ของแกอยู่ครึ่งหนึ่ง ฉันเองก็ถือว่าแกเป็นน้องสาวของฉันมาโดยตลอด!”

“ก็นั่นแหละ น้องหยุน นี่เวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว แกยังไม่ได้จัดเตรียมห้องพักให้ฉันและเฮยเจี่ยได้พักผ่อนเลยใช่ไหม?”

“หรือไม่ก็ ถ้าหากที่นี่ไม่ค่อยสะดวกนัก ฉันจะพาเฮยเจี่ยไปเช่าห้องที่อื่นก็ได้นะ”

เหลิ่งหยุนยิ้มและเอ่ย “อยากจะไปสถานเริงรมย์ใช่หรือไม่?”

“พอดีเลย ฉันรู้ว่าพี่ใหญ่ได้ซื้อสถานเริงรมย์ไว้แห่งหนึ่ง มีชื่อว่ามูแลงรูจ”

เฉินเอ้อร์กั่วได้ยินเช่นนี้ เขาดีใจเป็นอย่างมาก หน้าบานเป็นกระด้ง เขากลืนน้ำลายและเอ่ยด้วยท่าทีร้อนรนจนแทบทนไม่ได้ “นี่ก็ดึกมากแล้ว ไม่รบกวนน้องหยุนแล้ว”

“ฉันจะไป—-”

ในขณะนี้ เสียงที่เบื่อหน่ายดังมาจากด้านนอก

“ต้วนเตาหลิว,คาวาบาตะ อิจิโร่”

“คาวาบาตะ จิโร่!”

“ข้าได้ยินชื่อเสียงของราชาหมาและราชาวัวแห่งวิหารเทพและเลื่อมใสพวกคุณมานานแล้ว”

“ตอนนี้ในนามของวิชาบู๊ ได้โปรดท่านราชาทั้งสองให้คำสั่งสอนด้วย!”

แม้ว่าเสียงจะดังจากระยะไกล ทว่าเมื่อดังเข้าสู่โสตประสาท ทำให้รู้สึกแสบแก้วหูอยู่เล็กน้อย

ทันใดนั้นสีหน้าของราชาหมาเปลี่ยนไปทันใด

เหลิ่งหยุนลุกขึ้นยืนในทันที เดินไปยังด้านข้างหน้าต่างและมองออกไป จากนั้นเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “เป็นยอดฝีมือของต้วนเตาหลิว!”

“พวกเขาเชื้อเชิญไม่สำเร็จ คิดอยากจะใช้นามของการแลกเปลี่ยนวิชาบู๊ ทำให้พวกคุณเห็นถึงความสามารถและความแข็งแกร่ง”

“พี่กั่ว ทำอย่างไรดี?”

ร่องรอยของความเป็นปรปักษ์ฉายผ่านดวงตาของเฉินเอ้อร์กั่ว เอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ไอ้สวะนั่นกล้าอวดดีจองหองต่อหน้าฉัน”

“เฮยเจี่ย มอบให้นายไปจัดการ”

“อย่าให้อาจารย์ของนายและลุงกั่วต้องขายหน้า!”

“ครับ!” เฮยเจี่ยเป็นเหมือนเครื่องจักรที่สามารถสั่งการได้ทุกเมื่อ สีหน้าของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ใด จากนั้นก็หันหลังกลับและจากไป

เฉินเอ้อร์กั่วลุกขึ้น เดินไปยังด้านข้างของหน้าต่าง ยืนเคียงข้างกับเหลิ่งหยุน เฝ้ามองดูสถานการณ์ด้านนอกด้วยความเงียบ

เฮยเจี่ยออกมาด้านนอก เห็นผู้คนหลายคนอยู่ตรงหน้าเขา เขาเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “พวกคุณ เมื่อกี้นี้เป็นคำพูดของใคร?”

“คุณคือราชาวัวหรือ? ผมคือคาวาบาตะ อิจิโร่—”

คาวาบาตะ อิจิโร่ยังเอ่ยไม่ทันจบ เฮยเจี่ยก็เพ่งเล็งเป้าหมายและปล่อยหมัดไปยังใบหน้าของเขา

คาวาบาตะ อิจิโร่ตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบหลบหลีกไปยังด้านข้าง

“โง่เง่า!”

“บอกชื่อมา!” เขาตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ

เฮยเจี่ยนั้นไม่ได้ให้ความสนใจกับเขาเลย หมัดเหล็กถูกปล่อยออกไป ลมพัดกระโชก ไล่ต้อนคาวาบาตะ อิจิโร่ทำให้เขาไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะดึงดาบออกมา

หลายครั้งที่เกือบโดนเข้าอย่างจัง

ด้านข้าง คาวาบาตะ จิโร่นั้นทนไม่ไหว เขาดึงดาบซามูไรออกมา คำรามด้วยความโกรธเคือง จากนั้นฟาดฟันไปยังด้านหลังของเฮยเจี่ย

เฮยเจี่ยไม่แม้แต่จะมอง เพียงแค่เหวี่ยงแขนออกไปเพื่อสกัดกั้นดาบซามูไร

ท่อนแขนปะทะเข้ากับดาบซามูไร ทำให้เกิดเสียงของโลหะกระทบกัน

เหลิ่งหยุนผงะและกล่าว “เฮยเจี่ยผู้นี้ คงจะไม่เหมือนกับราชาวัว มีดแทงไม่เข้า ปืนยิงไม่เข้าใช่ไหม?”

เฉินเอ้อร์กั่วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ก็ยังแย่กว่านิดหน่อย”

“แต่ทว่าก็ไม่ได้แย่ไปกว่าสักเท่าไรหรอก”

“รอดูเถอะ ไอ้สวะสองคนนี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฮยเจี่ยหรอก”

ดาบซามูไรถูกสกัดกั้น ข้อมือของคาวาบาตะ จิโร่ได้รับแรงกระแทกจนรู้สึกชา ดาบที่อยู่ในมือแทบจะหลุดออกจากมือ เขาถอยร่นด้วยความตกใจ

แต่ทว่าเมื่อได้ฉวยโอกาสจากโอกาสนี้ ในที่สุดคาวาบาตะ อิจิโร่ก็ได้โอกาสดึงดาบซามูไรของตนออกมา

สองพี่น้องจับดาบในมือไว้แน่น ต่างจ้องมองกันและดักหน้าดักหลังเฮยเจี่ยไว้

เฮยเจี่ยยืนอย่างแข็งแกร่งและไม่กลัวเกรง เลือดของเขาพลุ่งพล่าน เหยียดมือออกมาและฉีกทึ้งเสื้อผ้าท่อนบนของตน

ร่างกายแข็งแกร่งทรงพลังดั่งหอคอยเหล็กอย่างไรอย่างนั้น ท่อนแขนสีแทนทั้งสองข้างถูกปกคลุมด้วยแผ่นเหล็กหนา

เขาเหยียดมือทั้งสองข้างออกมา สวมถุงมือเหล็กสีดำสองชิ้นที่ห้อยอยู่บริเวณเอวของเขา เมื่อเป็นเช่นนี้ หมัดทั้งสองข้างและท่อนแขนทั้งสองข้างได้กลายเป็นหมัดเหล็กและแขนเหล็กอย่างแท้จริง

“ลุงกั่วกล่าวว่าอย่าให้เขาและอาจารย์อับอายขายหน้า”

เอ่ยประโยคนั้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ เฮยเจี่ยเป็นเสมือนซาโต้ที่บ้าคลั่ง พุ่งเข้าหาคาวาบาตะ จิโร่ในทันใด

คาวาบาตะ จิโร่เหวี่ยงดาบเพื่อขวางกั้น อีกด้านหนึ่งคาวาบาตะ อิจิโร่ที่มากด้วยความร้ายกาจก็ถือดาบและพุ่งเข้ามาเช่นกัน

สองพี่น้องร่วมสู้รบกับเฮยเจี่ย

ซาโต้และคนอื่นที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นเช่นนี้ต่างก็แอบตกตะลึง

เมื่อได้ฟังความหมายจากที่เฮยเจี่ยได้กล่าวไว้ คนผู้นี้ไม่ใช่ราชาวัว แต่ทว่าน่าจะเป็นศิษย์ของราชาวัว

เพียงศิษย์คนหนึ่ง ดุร้ายและรุนแรงขนาดนี้เชียวหรือ? กัปตันใหญ่อีกสองคนที่มาพร้อมกับซาโต้ ทั้งสองต่างก็จับปืนไฟที่อยู่บริเวณเอวไว้โดยไม่รู้ตัว

หลังจากที่ซาโต้สังเกตเห็น เขารีบเอ่ยด้วยท่าทีร้อนรน “อย่าได้หุนหันพลันแล่นไป!”

“ตอนนี้ พวกเขากำลังแลกเปลี่ยนวิชาบู๊ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา!”

คนพวกนี้ ถ้าหากในตอนนี้พวกเขากล้าที่จะลั่นไกปืนใส่ศิษย์พี่ใหญ่ของราชาวัว นั่นก็เท่ากับว่าเทพลักซ่อนได้ประกาศตัวเป็นศัตรูกับวิหารเทพ

จะต้องเผชิญกับการแก้แค้นเช่นไร เหตุการณ์คงเลวร้ายจนยากจะคาดเดาได้

ฟุ่บ

ฟุ่บฟับ!

หมัดเหล็กของเฮยเจี่ยทะลุผ่านอากาศจนเกิดเสียงลมอย่างรุนแรง

ผัวะ!

ผัวะ ผัวะ!

หมัดที่อยู่ท่ามกลางอากาศ กระทบกับหินแกรนิตของประตูลานกว้าง กระแทกจนหินแตกและเศษดินเศษหินปลิวว่อนไปทั่ว

เหลิ่งหยุนซึ่งกำลังดูการต่อสู้จากหน้าต่างชั้นบน ภายในหัวใจรู้สึกเป็นทุกข์ชั่วขณะ อดไม่ได้ที่จะกล่าว “ราชาวัวรับเด็กป่าเถื่อนเช่นนี้ได้อย่างไร”

“หินของฉันต่างก็ได้ทำการเลือกสรรมาอย่างดี”

เฉินเอ้อร์กั่วเฝ้ามองด้วยท่าทีหัวเราะชอบใจ

“ศิษย์น้อง อย่าได้ทุกข์ใจ เมื่อกลับไปแล้วพี่กั่วจะชดเชยให้แกเป็นสองเท่า”

“เฮยเจี่ย ชกได้ดี!”

“ออกแรงหน่อย!”

ความบ้าคลั่งของเฮยเจี่ยถูกกระตุ้น เปรียบเสมือนกับสัตว์ร้ายที่ถูกกระตุ้นให้ฮึกเหิม เดิมทีก็ไม่ได้ใช้กลอุบายใด เพียงแค่พุ่งเข้าไปอย่างดุเดือด

เสียงผัวะดังขึ้น คาวาบาตะ จิโร่ไม่ทันระวัง ดาบซามูไรถูกกระแทกและลอยขึ้นไปในอากาศ เขาร้องด้วยความตกใจและร่นถอยหลัง

เฮยเจี่ยเพิกเฉยต่อคาวาบาตะ จิโร่ จากนั้นเขาเพ่งเล็งคาวาบาตะ อิจิโร่อีกครั้ง เขาพุ่งเข้าไปหา หวังจะปล่อยหมัดใส่คาวาบาตะ อิจิโร่และทำให้พวกเขาพ่ายแพ้อย่างราบคาบ

“พอได้แล้ว!”

“หยุดลงมือ!”

“พวกเราพ่ายแพ้แล้ว!”

เมื่อเห็นเช่นนี้ ซาโต้ตื่นตกใจและรีบเอ่ยปากให้พวกเขาหยุดการต่อสู้

แต่ทว่า เฮยเจี่ยนั้นไม่สามารถหยุดได้ ดวงตาของเขาแดงก่ำมากยิ่งขึ้น ร่างกายของเขาราวกับว่ากำลังคลุ้มคลั่ง

ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ซาโต้ตะโกน จากนั้นเขาพาคาวาบาตะ อิจิโร่และคาวาบาตะ จิโร่หนีไปภายใต้สถานการณ์จนตรอก

เฮยเจี่ยสูญเสียเป้าหมาย เขาโน้มตัวลงและหอบหายใจอย่างรุนแรง ไม่เพียงแต่ดวงตาของเขาจะแดงก่ำ แต่ทว่าภายในปากของเขาก็เริ่มมีฟองสีขาวปรากฏออกมา

เหลิ่งหยุนผงะด้วยความตกใจและเอ่ยถามอย่างหวาดกลัว “เอ้อร์กั่ว เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

เฉินเอ้อร์กั่วจ้องมองเฮยเจี่ยที่อยู่ด้านนอกด้วยความเงียบ ทอดถอนหายใจและเอ่ยเสียงเบา “อาการเดียวกับราชาวัวในตอนนั้น”

“เมื่อได้โจมตีก็ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ถ้าหากศัตรูไม่หนีไปก็จะตายด้วยความเหนื่อยล้า”

“ฉันคิดว่าเหตุผลที่ราชาวัวให้เฮยเจี่ยมากับฉัน น่าจะเป็นเพราะว่าอยากจะให้พี่ใหญ่ได้เห็นเขา”

“ด้วยวิธีการของพี่ใหญ่ ถ้าหากว่าได้รับการปรับสภาพและรักษาให้ดีสักหน่อยก็จะกลายเป็นราชาวัวอีกคนหนึ่ง”