ตอนที่ 427 ขยะแขยงเทียบอะไรไม่ได้
เย่จิงหงสีหน้าเปลี่ยนไปจนดูไม่ได้
ต่อหน้าต่อตาผู้คนมากมาย เขายอมรับเย่เซิ่งเทียนกลับเข้ามาเป็นทายาทแห่งตระกูลเย่ ทั้งยังตอบรับสองพ่อลูกกลับมา เขาไม่คิดเลยว่าเย่เซิ่งเทียนจะไม่ไยดีแม้แต่น้อย !
แถมยังด่าลดคุณค่าของตระกูลเย่ลองอีก !
หากได้พบกันเป็นการส่วนตัว คำพูดของเย่เซิ่งเทียนจะไม่มีอะไรเลย
แต่นี่มันไม่ใช่ !
วันนี้คืองานฉลองวันเกิดของเขา
คนที่นี่ต่างก็จับจ้องมาที่ตระกูลเย่ !
เพียงแค่เขายอมก้มหัวให้กับเย่เซิ่งเทียน หน้าของตระกูลเย่ก็ไม่เหลือแล้ว !
พวกเขามาเพิ่มดูหน้าดูตาตระกูลเย่ หากตระกูลเย่ต้องขายขี้หน้าขนาดนี้ จะยังเหลือกี่คนที่เคารพตระกูลเย่อีก ?
ไม่ใช่ว่าเย่จิงหงจะพูดขอโทษเย่เซิ่งเทียนไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเขาจะให้อภัยให้เย่เซิ่งเทียนไม่ได้ แต่เพราะวันนี้ทำไม่ได้ !
การยอมรับเขาเป็นทายาท การอนุญาตให้สองพ่อลูกกลับมายังตระกูลเย่ต่อที่สาธารณะนี่เป็นสิ่งที่มากที่สุดที่เขาจะทำให้ได้แล้ว
เย่จิงหงยังอยู่ที่นี่ ส่วนเย่ห้าวก็ไม่มีสิทธิพูดอะไร ทุกคนจึงต่างก็จับจ้องไปยังคุณท่านเย่แทน อยากจะรู้ว่าเขาจะแก้ปัญหาอย่างไร
เย่เซิ่งเทียนเป็นสายเลือดประหลาดของตระกูลเย่ รวมถึงลูกสาวของเขาเองก็เป็นสายเลือดประหลาดด้วย
อีกทั้งเย่เซิ่งเทียนก็ยังมีพลังระดับเทพสงคราม หากสามารถนำเขากลับมาได้ ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์แก่ตระกูลเย่ขึ้นอีก
แต่ใครจะรู้ว่าเย่เซิ่งเทียนนั้นไม่ได้ให้เกียรติตระกูลเย่เลยแม้แต่น้อย พร้อมที่จะเลือกปะทะอย่างเดียว
หยวนเวินจินและคนอื่น ๆ ยังคงไม่พูดอะไร
กำลังรอผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น
จากเสียงส่วนหนึ่ง การแก้ปัญหาของตระกูลเย่ในวันนี้ ยังเป็นการเลือกสานสัมพันธ์กับตระกูลเย่ในอนาคตด้วย
และการตัดสินใจในวันนี้ จะเกี่ยวพันกับอนาคตของตระกูลเย่โดยตรงอีกด้วย
ผู้คนในที่นี้ ไผู้มีปัญญามีไม่น้อย บางคนยังรู้ทันคนด้วย
“ตอนนี้ก็เหลือแค่ว่าตระกูลเย่จะจัดการยังไง หากคุณท่านเย่กล้าสังหารเย่เซิ่งเทียนทิ้งซะ ชื่อเสียงที่มีก็จะไม่หายไปไหน นี่คือวิธีที่ดีที่สุด”
“หรือไม่ก็ปล่อยให้เย่เซิ่งเทียนจากไป เป็นการแสดงถึงความเมตตาและความอดทนของตระกูลเย่”
บางคนเริ่มวิเคราะห์
“หรืออีกอย่างล่ะ ?”
อีกคนพูดด้วยเสียงอันเบา
คำพูดของพวกเขาดึงดูดความสนใจของคนบางกลุ่ม ซึ่งกำลังเอียงหูรอฟังสิ่งที่เขาพูด
“อีกทางก็คือการเข้ายุ่งกับเย่เซิ่งเทียน ตอนนี้เพียงแค่ให้เย่เซิ่งเทียนและลูกสาวเขาอยู่ที่นี่อีกสักพัก ก็นับว่าไม่ดีต่อตระกูลเย่ โดยเฉพาะการที่เขาไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเย่เซิ่งเทียน ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ตระกูลเย่กลายไปเป็นตระกูลที่แข็งนอก ด้านในกลับกลวงโบ๋”
“ถ้าอย่างนั้นก็เลือกวิธีแรกสิ พลังของตระกูลเย่ หากมีเทพสงครามเข้ามาร่วมด้วยอีกคนย่อมมีแต่ผลดี”
บางคนหัวเราะเฮฮา พวกเขาคิดว่า ยังไงคุณท่านเย่ก็ไม่มีทางปล่อยเย่เซิ่งเทียนไปแน่
แต่คนนั้นกลับส่ายหน้าและพูดว่า “คุณท่านเย่ต้องเลือกหนทางที่สาม เพราะทางเลือกแรกเขามีพลังไม่มากพอ แถมยังมีเทพสงครามเสาหลักอยู่ที่นี่ด้วย ทำอะไรก็ต้องพะว้าพะวง ทางเลือกที่สอง แม้คุณท่านเย่จะมีความเมตตา แต่คงไม่ได้มีมากขนาดนั้น ถ้าหากว่าอดีตเทพสงครามยังอยู่ล่ะก็ วิธีที่หนึ่งหรือวิธีที่สองก็คงไม่ใช่ปัญหา ฉะนั้นจึงเหลือแค่วิธีที่สาม”
บางคนไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด แม้แต่หยวนเวินจินเองก็ยังไม่เชื่อ
ในขณะเดียวกันนั้น เย่จิงหงก็ได้เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เย่เซิ่งเทียน ฉันให้แกกลับมายังตระกูลเย่ได้ นี่ถือเป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดแล้ว ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ ปู่อุตส่าห์ลดตัวลงมาให้ แกอย่าปฏิเสธความหวังดีของปู่คนนี้อย่างนี้เลย”
“ตระกูลเย่ยอมรับในตัวแก หากแกไม่ยอมรับความหวังดีนี้ก็จบกัน แม้แกจะกล้าพูดจาหยาบคายใส่ แถมยังทำตัวไร้ความเคารพ ฉันก็จะให้โอกาสกับแกได้คุกเข่าขอโทษอีกสักครั้ง หากพลาดโอกาสนี้ไป ชีวิตของแกและลูกสาวแกต่อจากนี้ ก็คงเหลือเพียงความเป็นลูกผสมแล้ว”
“ผู้อาวุโส ? คุณปู่ ?”
เย่เซิ่งเทียนหัวเราะเสียงดังลั่นฟ้า น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ้างว้าง เย้ยหยัน และรังเกียจ จากนั้นก็พูดออกไปว่า “เย่จิงหง วันนี้ฉันจะทำลายตระกูลเย่ตระกูลสูงส่องอันขยะนี้ !! ให้พวกนายเหล่าคนชนชั้นสูงจอมอวดดีได้เห็น ว่าในสายตาฉัน พวกนายมันช่างขยะแขยง !!”
พูดจบ เย่เซิ่งเทียนก็ลุกขึ้นมา คว้าแผ่นป้ายที่ผู้ก่อตั้งต้าเซี่ยเขียนให้แก่อดีตเทพสงครามว่า”เสาหลักของประเทศ”บนผนังออกมาหักทิ้ง ทำลายทิ้งลงต่อหน้าต่อตาเย่จิงหง แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน !