ตอนที่ 504 นี่คือผู้หญิงของฉัน / ตอนที่ 505 ผู้หญิงของฉันบอกว่าพวกนายหนวกหูมาก

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 504 นี่คือผู้หญิงของฉัน

 

 

           “พวกนายเป็นใคร” ฉู่เจียเสวียนหรี่ตาที่หยาดเยิ้ม มองดูเขาสองคนที่ปรากฏตัวฉับพลัน ถามด้วยความงุนงง

 

 

           “มาเที่ยวกลางคืนหาความสนุกแล้วก็ได้คนผิดไป” ชายอีกคนเปิดปากแล้วยิ้มอย่างชั่วร้าย

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยมองผู้ชายสองคนอย่างเย็นชา เขาดึงเธอเข้ามากอดอย่างเผด็จการ คำพูดเยือกเย็นหลุดออกมาจากปากของเขา “วิธีจีบสาวของพวกแกไม่ห่วยไปหน่อยหรือ!”

 

 

           ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน เขาจะต้องให้บอดี้การ์ดสั่งสอนสองคนนี้อย่างดีแน่นอน แต่ว่าตอนนี้เขาอยู่ต่างถิ่น เพื่อที่จะเพลิดเพลินอยู่ในโลกส่วนตัวกับฉู่เจียเสวียนอย่างเต็มที่ เขาไม่ต้องการก่อเรื่อง และไม่ต้องการเป็นจุดสนใจมากจนเกินไป

 

 

           “นี่คือผู้หญิงของฉัน พวกแกมาทางไหนก็ไสหัวกลับไปทางนั้น” เสียงที่เย็นชาของเผยหนานเจวี๋ยดังขึ้นอีกครั้ง สีหน้าก็ยิ่งเย็นยะเยือกลงเรื่อยๆ

 

 

           เมื่อผู้ชายคนนั้นได้ยินแล้ว บนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มประสงค์ร้าย ยื่นมือตบเพื่อนที่อยู่ด้านข้างเบาๆ พูดสุดเสียง “นี่ เพื่อนรัก เขาบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นของเขา นายดูออกไหมว่าเขาเป็นคู่รักกัน?”

 

 

           “ไม่ออก สงสัยอยากอาศัยตอนที่คุณหนูคนนี้เมาแล้วฉวยโอกาส” ผู้ชายอีกคนพูดทันทีโดยไม่คิด สายตายังคงจ้องมองฉู่เจียเสวียนที่อยู่ในอ้อมแขนของเผยหนานเจวี๋ย

 

 

           พวกเขาดึงดูดสายตาของคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในบาร์ พวกเขาค่อยๆ หันมาทางนี้ บางคนก็มองดูความคึกคักพร้อมผิวปาก ราวกับว่าต้องการให้พวกเขาทะเลาะกัน

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยโอบฉู่เจียเสวียนในอ้อมแขน อันธพาลพวกนี้ไม่อยู่ในสายตาของเขาอยู่แล้ว

 

 

           “ปล่อยฉัน ฉันอยาก…” สมองของฉู่เจียเสวียนอยู่ในสภาวะสะลึมสะลือ เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น เธอรู้เพียงแค่เธอแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว

 

 

           “หุบปาก” ฉู่เจียเสวียนยังไม่ทันพูดจบก็ถูกเผยหนานเจวี๋ยตัดบท ทันใดนั้นเขารู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่พาเธอมาในสถานที่แบบนี้ ยิ่งเสียใจไปกว่านั้นก็คือปล่อยให้เธอดื่มเหล้าเยอะขนาดนั้น และยั่วยุพวกก่อกวนมากมายขนาดนี้

 

 

           พวกที่ชอบความครึกครื้นมองดูพวกเขา ในดวงตามีความรู้สึกสนใจอย่างช่วยไม่ได้ คนส่วนใหญ่เชื่อในคำพูดของผู้ชายสองคนนั้น แต่ว่ากลับไม่มีใครคิดที่จะยืนออกมาต่อสู้ ในสถานที่แบบนี้ก็เป็นสถานที่ที่ผู้ชายเกี้ยวพาราสีผู้หญิงไม่ใช่เหรอ

 

 

           “ปล่อยผู้หญิงที่แกกอดซะ” ผู้ชายหนึ่งในสองคนที่เตี้ยกว่าพูดขึ้นด้วยสีหน้าเปี่ยมคุณธรรม

 

 

           เขากับผู้ชายผมทองสังเกตพฤติกรรมของฉู่เจียเสวียนกับเผยหนานเจวี๋ยอยู่ข้างๆ นานแล้ว เพื่อที่จะรอโอกาส ตอนนี้โอกาสมาแล้ว เขาจะปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไร

 

 

           “กล้าแตะต้องผู้หญิงในอ้อมกอดฉันเหรอ”เผยหนานเจวี๋ยข่มความโมโหในใจเอาไว้ สายตาเยือกเย็น คำเตือนในแววตานั้นชัดเจน แต่ว่าผู้ชายสองคนนั้นก็ยังไม่รู้จักชั่วดี เผยหนานเจวี๋ยได้จดจำผู้ชายสองคนนี้เอาไว้แล้ว

 

 

           “ฉันจะบอกให้แกรู้จักกาละเทศะแล้วปล่อยผู้หญิงที่แกกอดไปซะ คนอย่างแกฉันเห็นมาเยอะแล้ว คิดว่าตัวเองหล่อ แล้วจะหลอกผู้หญิงคนไหนก็ได้เหรอ” ผู้ชายรูปร่างเตี้ยพูดขึ้นอย่างเป็นธรรม การแสดงออกที่จริงจังแบบนั้นทำให้คนที่มุงดูเชื่อในคำพูดของเขา

 

 

           ฉู่เจียเสวียนอยู่ในอ้อมกอดของเผยหนานเจวี๋ย ได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ยไม่ชัดเจนเพราะความสะลึมสะลือ เธอขยี้ตาแล้วเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตคู่หนึ่งมองเขาด้วยความพร่ามัว “เผยหนานเจวี๋ย คุณคุยกับใครน่ะ กับฉันเหรอ”

 

 

           “ไอ้เลวสองคนนี่” เผยหนานเจวี๋ยยิ้มเย็นชา ก้มหน้ากระซิบกับฉู่เจียเสวียนอย่างอ่อนโยน

 

 

           ผู้ชายสองคนนั้นได้ยินเขาเรียกตัวเองว่าไอ้เลว สีหน้าก็เปลี่ยนทันที ทั้งสองคนมองหน้ากัน ผู้ชายผมสีทองต้องการจะลงมือ แต่กลับถูกผู้ชายรูปร่างเตี้ยห้ามเอาไว้

 

 

 

 

       ตอนที่ 505 ผู้หญิงของฉันบอกว่าพวกนายหนวกหูมาก

 

 

           ชายรูปร่างเตี้ยกระซิบกับผู้ชายผมทองคนนั้น “นายลืมกฎของ “เม่ยเซ่อ” ไปแล้วหรือไง นายอยากตกเป็นอาหารของหมาป่าหรือไง”

 

 

           เม่ยเซ่อคือชื่อของบาร์แห่งนี้ บาร์นี้ไม่เหมือนบาร์ธรรมดาทั่วไปอย่างที่เห็นภายนอก ตกกลางคืนมักจะมีธุรกรรมที่ไม่อาจให้ใครล่วงรู้มากมายเกิดขึ้นที่บาร์แห่งนี้ ผู้มีอิทธิพลไม่น้อยที่อุปถัมภ์เม่ยเซ่อแห่งนี้ สถานที่เช่นนี้จะปล่อยให้คนก่อเรื่องได้ตามอำเภอใจได้อย่างไรกัน

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยได้ยินบทสนทนาของพวกเขา มองผู้ชายสองคนนั้นอย่างเย็นชา แสงไฟสลัวทำให้มองเห็นหน้าของเขาไม่ชัดเจน แต่มันไม่ขัดขวางเผยหนานเจวี๋ยจากการมองหาหาคนที่จะโยนพวกเขาเพื่อเป็นอาหารของหมาป่า

 

 

           ขณะที่ผู้จัดการของเว่ยเซ่อกำลังตรวจงานกลางดึก ได้รับรายงานว่ามีคนสร้างปัญหาที่บาร์ เขาก็รีบรุดมาทันทีที่ได้ยินข่าว

 

 

           เมื่อเขาเห็นเผยหนานเจวี๋ย ก็กลืนน้ำลายด้วยความตื่นตระหนก รีบเดินเข้าไปหา “ประ ประธานเผย คุณมาได้ยังไงครับเนี่ย”

 

 

           ไม่มีผู้บริหารระดับสูงคนไหนของเม่ยเซ่อที่ไม่รู้จักเผยหนานเจวี๋ย แม้ว่าเผยหนานเจวี๋ยไม่เคยมาที่นี่ แต่ว่าพวกเขาก็รู้จักเขา ปกติแล้วเวลาที่พวกเขาเชิญเขามา เขาก็ไม่มา แต่ตอนนี้มาโดยไม่บอกกล่าว แน่นอนว่าเขาต้องประหลาดใจ

 

 

           “ไม่ต้อนรับ?” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปากเย็นชา สีหน้าไร้อารมณ์ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

 

 

           ทันทีที่ผู้จัดการได้ยินก็ส่ายหน้าทันที เขาจะกล้าไม่ต้อนรับเหรอ? เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการเกื้อหนุนจากเขาสักสองสามครั้ง “เปล่าครับ ผมต้อนรับประธานเผยทุกเมื่อ เพียงแต่คุณมาโดยไม่บอกกล่าว ผมกลัวว่าจะมีคนไม่เข้าใจกฎแล้วทำให้คุณอารมณ์เสีย”

 

 

           ผู้ชายสองคนนั้นตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ พวกเขาคิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงเพราะพวกเขาก็แค่สุ่มหาเรื่องคนเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าผู้จัดการเม่ยเซ่อจะมีท่าทีประจบประแจงต่อเขาเพียงนี้ พวกเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าคนที่พวกเขาหาเรื่องมีสถานะอะไร ในสมองของพวกเขามีแค่ความคิดเดียว คือพวกเขาแย่แน่ๆ

 

 

           “เกรงว่าคนที่ไม่เข้าใจกฎของเม่ยเซ่อจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ น่ะสิ” เผยหนานเจวี๋ยพูดอย่างมีความหมายแอบแฝง สายตาที่เย็นชาจับจ้องอยู่ที่ผู้ชายสองคนนั้นที่ตกใจกลัวจนตัวแข็งทื่อไปแล้ว

 

 

           ผู้จัดการสังเกตสายตาของเผยหนานเจวี๋ยทันใด เขากวาดตามองผู้ชายสองคนนั้นด้วยความโหดร้าย ทันทีที่ชายสองคนนั้นสบตากับผู้จัดการก็ตกใจก้มหน้าลงทันที พวกเขาต้องการจะหนี แต่ว่ามีผู้คุ้มกันสองสามคนอยู่ด้านหลังพวกเขา

 

 

           “กล้าก่อกวนประธานเผย พวกเราจะลงโทษอย่างหนักแน่นอนครับ” ผู้จัดการมองเผยหนานเจวี๋ยพร้อมพูดด้วยสีหน้าเอาอกเอาใจ

 

 

           ในตอนนั้นเองฉู่เจียเสวียนไม่เข้าใจในสถานการณ์ เห็นว่าข้างกายมีสองสามคนเพิ่มขึ้นมา ได้ยินคนเหล่านั้นพูดคุยกันเสียงจ๊อกแจ๊ก หนวกหูจนเธอรู้สึกปวดหัว เธอจึงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “ทำไมคนเยอะจังเลย หนวกหูชะมัด”

 

 

           ในเวลานี้คนที่มุงดูอยู่ข้างๆ เหล่านั้นต่างอ้าปากค้างอยู่เงียบๆ เดิมทีคนเหล่านั้นรู้สึกโกรธผู้ชายที่กระทำการอุกอาจต่อเผยหนานเจวี๋ยมากเนื่องด้วยหน้าตาที่โดดเด่นของเผยหนานเจวี๋ย แต่เมื่อเห็นท่าทีของผู้จัดการแล้ว แต่ละคนก็หันหน้าหนีทันที ใครจะกล้ามีความคิดอะไรอื่นอีกล่ะ?

 

 

           “ได้ยินไหม ผู้หญิงของฉันบอกว่าพวกนายหนวกหูมาก” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา แววตายโสโอหังเป็นอย่างยิ่ง

 

 

           “ครับๆๆ ผมจะพาพวกเขาลงไปเดี๋ยวนี้ ไม่รบกวนประธานเผยกับคุณนาย” ผู้จัดการเอ่ยปากอย่างมีไหวพริบ ในเวลานี้เขาก็แทบทนไม่ไหวที่จะหายไปจากพวกเขาเช่นกัน

 

 

           ชายสองคนนั้นต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ผู้จัดการเร็วกว่าพวกเขาก้าวหนึ่ง สั่งให้พวกผู้คุ้มกันปิดปากพวกเขาแล้ว เขารู้เป็นอย่างดีว่าเผยหนานเจวี๋ยเกลียดคนอ้อนวอนและแสร้งทำตัวน่าสงสารเป็นที่สุด หากปล่อยให้สองคนนี้ขอความเมตตาล่ะก็ มีแต่จะทำให้เผยหนานเจวี๋ยยิ่งโกรธ ถึงตอนนั้นพวกเขาก็ไม่พลอยผิดไปด้วยหรือ