ตอนที่ 1051 พูดคุยกันที่ประตูใหญ่
นี่เป็นช่วงเวลาที่ดี ทางด้านหอติ่งไท่มีคนกลุ่มใหญ่ล้อมรอบเพราะเรื่องที่ซูหลีกระทำ
บัดนี้เพราะการเคลื่อนไหวของซูหลี หนึ่งท่านอ๋อง หนึ่งซื่อจื่อ อีกหนึ่งคุณชาย รวมทั้งนางก็พอจะถือเป็นขุนนางของราชสำนักได้ กำลังนั่งเรื่อยเฉื่อยกันอยู่บนโต๊ะที่ประตูใหญ่ของหอติ่งไท่
ทั้งสี่คนนั่งเผชิญหน้ากันอยู่ด้วยบรรยากาศแปลกๆ
คนที่รับชมอยู่ด้านข้างต่างมองหน้ากัน นี่พวกเขาเตรียมจะทำสิ่งใด ปีใหม่ก็ยังไม่ถึง จะเล่นไพ่นกกระจอกกันก่อนหรือ
“คุณหนู ชามาแล้ว” ในบรรยากาศที่กระอักกระอ่วนชุยตานนั้นไปที่โรงครัวด้านหลังของหอติ่งไท่จริงๆ เขาให้คนชงชาคุณภาพดีมากาหนึ่ง ซ้ำยังมีของว่างที่งดงามประณีตอยู่ด้วย เขานำขึ้นมาวางบนโต๊ะ
“ไม่ได้เจอกันนาน พวกท่านยังสบายดีใช่หรือไม่” ซูหลีรับกาน้ำชาอย่างยิ้มแย้ม จากนั้นวางจอกชาที่ประณีตไว้ตรงหน้าตนเองสี่จอก จากนั้นจึงยกกาน้ำชารินให้พวกเขาด้วยตนเอง
ฉินม่อโจว…
คำพูดมิใช่พวกเขาควรจะถามนางหรือ นางหายตัวไปตั้งหนึ่งเดือนเศษ ซ้ำยังไปอยู่ภายในเรือนจำ ไม่รู้ว่าถูกคนอื่นกลั่นแกล้งหรือไม่
ทว่าครั้นเห็นท่าทางที่นางที่ปฏิบัติต่อกู่ซู่เมื่อครู่เช่นนั้น ฉินม่อโจวกลับรู้สึกว่าตนคิดมากเกินไปแล้ว นี่คือการลงโทษ และเป็นซูหลีที่ลงโทษผู้อื่น ชำเลืองเห็นท่าทางของนางเช่นนี้ หาได้เหมือนคนที่กลัวว่าจะเกิดเรื่องเสียที่ไหน!
“ทำให้ใต้เท้าซูคะนึงหาแล้ว พวกเรายังสบายดี เพียงแต่ไม่รู้ว่าช่วงนี้ใต้เท้าซูสบายดีหรือไม่” เมื่อเห็นซูหลีมีอากัปกิริยาแปลกๆ ถามคำถามแปลกประหลาดออกมาก็ช่างเถอะ
รอบข้างยังมีคนอยู่ เขาจึงตอบคำถามนางอย่างเป็นทางการ ถามสารทุกข์สุกดิบตอบโต้กันประโยคหนึ่ง
ฉินม่อโจวดึงสติกลับมา ตวัดสายตามองที่ฉินมู่ปิงอย่างขุ่นเคืองปราดหนึ่ง เขาอยากจะควบคุมมุมปากที่กำลังกระตุกของตน
“หึ! คำพูดของซื่อจื่อนี้ ท่านก็รู้ไม่ใช่หรือ ข้านั้นมีโทษสถานหนักถึงได้ถูกฝ่าบาทลงโทษให้ไปอยู่ในเรือนจำ เรือนจำแห่งนั้นเป็นสถานที่อย่างไร หากสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายก็แปลกแล้ว! ท่านมิเห็นหรือ ข้าผอมลงไปทั้งเยอะ”
“ดูแล้วทั้งซูบเซียว ทั้งน่าสงสาร ข้านั้นทนมองใบหน้าของข้าเองไม่ได้แล้ว!” ขณะที่ซูหลีพูด นางยังทอดถอนหายใจลูบใบหน้าตนเอง
ทุกคน…
นางนี่ต้องการศักดิ์ศรีแล้วหรือ
เห็นได้ชัดว่าใบหน้าแดงระเรื่อ สีหน้ายังดีกว่าบุรุษทั้งสามคนอีก!
ทั้งร่างสวมชุดอาภรณ์สีแดงสด ท่าทางที่มีชีวิตชีวาเช่นนั้น ไม่เหมือนคนที่ต้องโทษเลยแม้แต่น้อย เมื่อเอ่ยปากพูดออกมาล้วนไม่มีคำพูดที่ดีอะไรนัก นางซูบเซียวไปมากงั้นหรือ
ถุย!
ในเวลานี้แม้แต่ฉินมู่ปิงยังอดกลั้นต่อไปไม่ไหว เขานั้นเป็นคนที่ถือหางตนเองมิผิด ใช้ชีวิตอยู่ในแวดวงชนชั้นสูงมากหลายปี อะไรตนคิดว่าแปลกก็เจอมาหมดแล้ว คาดไม่ถึงว่า เขายังไม่เจอใครที่หน้าไม่อายอย่างซูหลีเช่นนี้โดยแท้!
นางไม่รู้สึกละอายใจเลยหรือ
เรื่องนี้เป็นสิ่งยืนยันว่า ซูหลีมิรู้สึกว่าตนทำอะไรผิดไปจริงๆ นางยังทอดถอนหายใจติดต่อกัน ท่าทางคล้ายกับได้รับความไม่เป็นธรรมครั้งยิ่งใหญ่
ทำให้คนโดยรอบที่เห็นนางทำลายร้านค้า โบยคนเมื่อครู่ถึงกับตะลึงงัน
“ไม่พูดเรื่องแย่ๆ แล้ว พวกท่านออกมาวันนี้เตรียมจะทำสิ่งใดกัน เฮ้อ อย่าให้เรื่องของข้ารบกวนเรื่องของพวกท่านเลย โดยเฉพาะท่านอ๋องกับซื่อจื่อ! ข้านี้แบกรับภาระนี้ไม่ไหว!
ซูหลีดึงสติกลับมา แล้วพูดเสริมประโยคนี้
คำพูดนี้เมื่อออกมาแล้ว สีหน้าของบุรุษสามคนที่อยู่บนโต๊ะนี้พลันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จี้ฉินมองนาง ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือจะร้องไห้ดี
เมื่อครู่คนที่เรียกให้พวกเขานั่งลงมาตลอดคือนาง บัดนี้นางกลับถามว่าพวกเขามีธุระหรือไม่ คำพูดล้วนเป็นนางพูดออกมาคนเดียว พวกเขาจะพูดอะไรได้กัน
“ข้า ไม่ มี ธุระ!”
ตอนที่ 1052 พ่อค้ากู่มาเร็วนี่!
ฉินม่อโจวกัดฟันพูดประโยคเช่นนี้ออกมา
ซูหลีได้ยินเช่นนั้นจึงเลิกคิ้วปรายตามองเขาครู่หนึ่ง พยักหน้าแล้วเอ่ย “นั่นข้ารู้แล้ว ท่านอ๋องต้องกลัวว่าข้าสตรีผู้อ่อนแอจะถูกคนรังแก เวลานี้ถึงได้มาช่วยเป็นหน้าเป็นตาให้ข้าโดยเฉพาะกระมัง”
“ท่านอ๋อง! ท่านช่างเป็นคนดีเสียเหลือเกิน! โปรดรับการคารวะจากข้าน้อยด้วยเถิด!” พูดจบพลันลุกพรวดพราดขึ้นจากเก้าอี้ และโค้งคำนับให้ฉินม่อโจวแบบลึกๆ หนึ่งครา
ฉินม่อโจว…
จะทำอย่างไรดี เขาอยากจะตีนางให้ตาย!
ช่วยเป็นหน้าเป็นตาให้นางหรือ
สตรีผู้อ่อนแอ?
สมองนางคงไม่ดีไปแล้วหรือ!?
“เจ้านี่นะ!” ในที่สุดคนที่อยู่ด้านข้างของจี้ฉินก็อดทนต่อไปไม่ได้ พลันหัวเราะขึ้น เขาส่ายหัวไปมาอย่างหน่ายใจ จากนั้นดันจานของว่างที่อยู่ตรงหน้าไปทางซูหลี แล้วเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา
“จะพูดอย่างไร เจ้าล้วนมีเหตุผล!”
คำพูดนี้เหมือนว่าจะตำหนิซูหลี ทว่าน้ำเสียงนั้นกลับเต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู
รอยยิ้มที่ไม่จริงใจบนใบหน้าของซูหลีพลันหุบลงทันควัน นางหยุดชะงักไปครู่หนึ่งก้มหน้าเห็นจานที่จี้ฉินดันมาให้ เป็นขนมถั่วเหลืองจานหนึ่ง นี่เป็นของว่างที่นางชื่นชอบที่สุด ในใจพลันรู้สึกอบอุ่น
เพียงแต่น้ำใจของจี้ฉิน นางตัดสินใจแล้วไม่อาจรับไว้ได้ หลังจากที่ซูหลีมองจานขนมถั่วเหลืองปราดหนึ่ง พลันเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“อย่างไรมีท่านที่ดีที่สุด ที่รู้ว่าข้าได้รับความลำบากในเรือนจำ ถึงยื่นของอร่อยให้กับข้า!”
จี้ฉินรู้ว่านางเฉลียวฉลาดมาก ต้องเข้าใจความนัยที่เต็มไปด้วยความห่วงใยที่แฝงอยู่ภายในคำพูดของเขาอย่างแน่นอน ทว่ากลับใช้วิธีสอดแทรกมุกตลกให้ผ่านไป ในดวงตาของเขาฉายแววเศร้าสลด
ในช่วงเวลานี้ ที่จริงแล้วเขาคิดอะไรมากมาย รวมถึงเรื่องที่เขามีใจให้ซูหลี ยังมีความสัมพันธ์ระหว่างซูหลีกับฉินเย่หาน ซึ่งจี้เหิงหรานเจตนาพูดเปิดเผยต่อหน้าเขา
พูดตามความจริง ในใจเขานั้นรู้สึกย่ำแย่มาก ทว่าแม้จะต้องเผชิญหน้ากับเสียใจเสมือนจมน้ำตายก็มิปาน เขาก็ยังคะนึงหา อยากที่จะเจอนาง เห็นรอยยิ้มของนาง
ที่จริงที่นางพูดว่ามีชีวิตที่ไม่ดีในเรือนจำ แม้เขาจะเป็นคนที่อยู่ภายนอกก็ไม่ได้ใช้ชีวิตที่ดีมากนัก ในสมองและจิตใจล้วนมีแต่นาง ทว่านางกับมิใช่คนของเขา
ความคิดของเขา เพียงแต่จะทำให้ตัวเขารู้สึกทรมานเท่านั้น
อีกทั้งหลังจากที่ได้เจอนางในวันนี้ ในใจของเขาพลันปลอดโปร่งขึ้นทันตา
ไม่ว่านางจะเป็นอย่างไร อนาคตจะแต่งงานกับใคร เขากำลังคิดว่า เพียงแค่เขาสามารถเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ หัวใจของเขาก็คงจะเพียงพอแล้วกระมัง
นี่ถือว่าผู้พ่ายแพ้กำลังปลอบใจตัวเองหรือไม่
เขาหัวเราะเย้ยหยันครู่หนึ่ง แล้วจะทำอย่างไรได้ สู้เพื่อแย่งชิงนางอย่างสุดความสามารถหรือ สุดท้ายก็ทำร้ายทั้งตัวนางและตัวเขาเอง แม้กระทั่งอาจจะไม่เห็นนางอีกตลอดไป
เรื่องเหล่านี้ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีค่าพอจะเอ่ยถึง
ขอเพียงเขาสามารถเห็นนาง ก็เพียงพอแล้วกระมัง!
“เฮ้ยๆๆ! มาแล้วๆ!” บรรยากาศที่แปลกประหลาดนี้ ทำให้ซูหลีที่กำลังกินขนมถั่วเหลืองอยู่เงียบๆ ไม่มีใจที่จะพูดเฮฮาต่อเมื่อครู่ หลุบตาต่ำไม่กล้าเงยหน้าขึ้น
เกรงว่าครั้นเงยหน้าขึ้น จะต้องปะทะกับสายตาที่ลุ่มลึกและมุ่งมั่นคู่นั้นของจี้ฉิน
และในขณะนี้เองนางถึงได้ยินเสียงร้องตกอกตกใจจากทางด้านหลัง
ซูหลีหรี่ตาลงและถือโอกาสหันหน้าไป เมื่อแหงนหน้าขึ้นก็เห็นกู่ซู่ที่ออกไปอย่างรีบร้อนเมื่อครู่นี้ ในเวลานี้เขายังนำคนกลุ่มใหญ่มาด้วยกลุ่มหนึ่ง เดินมาทางนี้อย่างองอาจ
ในกลุ่มคนที่เขาพามานั้น กลับมีใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่หลายคน
ซูหลีปรับสีหน้า ในเวลานี้ไม่มีความอ่อนช้อยเหล่านั้นหลงเหลืออยู่ เมื่อเงยหน้ามองไปทางนั้น นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยมีความสนุกสนาน
“พ่อค้ากู่ เจ้ามาเร็วดีนี่!”