ตอนที่ 1053 จัดที่นั่งสิ! / ตอนที่ 1054 ใต้เท้าซ่งได้โปรดตอบด้วย

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 1053 จัดที่นั่งสิ!

 

 

กู่ซู่ได้ยินเช่นนั้นสีหน้าพลันดำทะมึน อะไรที่เรียกว่าเขามาเร็ว หากเขาไม่มาอย่างเร็วไว นางจะไม่ทุบหอติ่งไท่ของเขาหรือ!?

 

 

ซูหลีคนนี้ทำให้ผู้เกลียดจนมันเขี้ยวได้จริงๆ ทว่าเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้!

 

 

“ใต้เท้าซ่ง เป็นนางคนนี้!” หลังจากที่กู่ซู่ชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง เขาพลันยกมือชี้ไปทางซูหลี น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

 

 

คนที่ยืนอยู่ข้างเขา คือใต้เท้าซ่งผู้ว่าการซุ่นเทียน ใต้เท้าซ่งท่านนี้ก่อนหน้าเคยมีวาสนาเจอกับซูหลีมาก่อน พูดไปแล้วก็เป็นเรื่องเมื่อหนึ่งปีเศษ

 

 

ในเวลานั้นที่ซูหลีรู้จักเขาก็เพราะไหวอ๋องที่อยู่ตรงหน้าท่านนี้!

 

 

ซูหลีคิดถึงตรงนี้ จึงมองไปทางฉินม่อโจวด้วยรอยยิ้มเสมือนไม่ยิ้มปราดหนึ่ง ไม่คิดฉินม่อโจวกำลังมองนางพอดี ดวงตาทั้งสี่ประสานกัน ซูหลีเลิกคิ้วใบหน้ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่

 

 

หลังจากฉินม่อโจวมองนางสองสามปราด พลันทอดถอนสายตาออกมาอย่างลำบาก

 

 

มือทั้งสองที่วางอยู่บนตักที่อยู่ใต้โต๊ะพลันบีบแน่นครู่หนึ่ง

 

 

การเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งสองคน มิอาจรู้รอดพ้นสายตาของฉินมู่ปิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าซูหลีได้ ฉินมู่ปิงค่อยๆจิบชา ในดวงตาฉายแววความรู้สึกที่ซับซ้อน

 

 

ใต้เท้าซ่งผู้ว่าการซุ่นเทียนได้ยินจึงมองปราดหนึ่ง เขาแทบจะคุกเข่าให้กับกู่ซู่คนนี้เสียแล้ว!

 

 

กู่ซู่เสียสติไปแล้วใช่หรือไม่!?

 

 

เมื่อครู่เขาตะโกนโหวกเหวกโวยตาที่หน้าประตูจวนซุ่นเทียน พูดว่าตนนั้นได้รับความไม่เป็นธรรมครั้งใหญ่ ขอร้องให้ผู้เฒ่าแห่งความยุติธรรมช่วยตัดสินให้แก่เขาด้วย

 

 

ใต้เท้าซ่งได้ยินคำว่าได้รับความไม่เป็นธรรมครั้งใหญ่นี้แล้ว อีกทั้งด้วยฐานะของกู่ซู่ทำให้เขาไม่กล้าที่จะล่าช้ามาก ถึงได้พาคนมากับเขาถึงที่นี่

 

 

ทว่าเขาไม่คิดเลยว่าคนที่รอเขาอยู่ จะเป็นหนึ่งท่านอ๋อง หนึ่งซื่อจื่อ หนึ่งขุนนาง อีกทั้งยังมีญาติผู้น้องของฮ่องเต้

 

 

นี่…

 

 

พูดตามความจริง นี่กู่ซู่จะไร้เดียงสาไปแล้วกระมัง

 

 

นอกจากใต้เท้าซ่งผู้ว่าการซุ่นเทียนแล้ว ยังมีอีกคนที่มาด้วย

 

 

คนผู้นั้นก็คือ เซียวเสวียนผู้เฒ่ารองของสกุลเซียว ทั้งยังเป็นลุงแท้ๆ ของเซียวซูเฟย เป็นผู้กุมอำนาจสกุลเซียวคนปัจจุบัน

 

 

กู่ซู่ไม่ได้โง่เขลา ซูหลีคนนี้เป็นคนที่ไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น แม้เขาจะร้องทุกข์กับทางการแล้ว เกรงว่าจะไม่สามารถทำอะไรได้! เซียวเสวียนก็เป็นขุนนางในราชสำนักเช่นดัน แม้ตำแหน่งจะไม่สูงเท่ากับซูหลี อย่างไรก็เป็นคนของสกุลเซียว

 

 

เมื่อเขาออกมาจากหอติ่งไท่ ก็ให้เข้าส่งจดหมายไปให้เซียวเสวียน จุดประสงค์ก็คือเพื่อให้เซียวเสวียนหนุนหลังเขา

 

 

“ใต้เท้าซู นี่กำลังกระทำสิ่งใด” เดิมความสัมพันธ์ระหว่างสกุลเซียวกับซูหลีไม่ดีเท่าไรนัก กอปรกับที่ซูหลีไม่อยู่ที่นี่มาหนึ่งเดือนเศษ สกุลเซียวมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ไม่น้อย ความขัดแย้งของทั้งสองท่านแทบจะแสดงอย่างชัดเจน เซียวเสวียนก็ไม่ถ่อมตนอะไรทั้งสิ้นและพูดออกมาตรงๆ

 

 

“อุ้ย ใต้เท้าเซียวก็มาแล้วหรือ!” ซูหลีทำท่าทีเสมือนเพิ่งเห็นเขามิปาน มองอย่างด้วยความตกใจปราดหนึ่ง

 

 

“ใต้เท้าเซียวยุ่งเสียขนาดนี้ วันนี้ลมอะไรพัดให้ท่านมาที่นี่กัน ชุยตานยังไม่รีบจัดที่นั่งให้อีก!” คำพูดของซูหลีพูดเหมือนจะมีความเกรงใจมาก ทว่าร่างนางราวกับเกาะหนึบอยู่ที่เก้าอี้ตัวนั้นมิปาร

 

 

ดื่มน้ำชาไปพลาง คุยกับเซียวเสวียนไปพลาง

 

 

อากัปกิริยาไม่มีมารยาทเลยแม้แต่น้อย แต่คำพูดกลับทำให้คนจับผิดอะไรไม่ได้

 

 

“พี่เซียว สตรีคนนี้นำกลุ่มอันธพาลกลุ่มใหญ่กระโจนเข้ามาในโรงเตี๊ยมของข้า เรื่องทุบทำลายข้าวของของโรงเตี๊ยมยังไม่ต้องพูด มิหนำซ้ำยังโบยน้องชายจนกลายเป็นเช่นนี้! ในเวลานี้กู่ซู่โกรธแค้นซูหลี แค้นมากเสียจนแทบจะกระโจนเข้าไปกัดนางจนตาย หาได้สนใจคนที่อยู่โดยรอบไม่!

 

 

ขณะที่พูดเขาจึงหันหลังให้เซียวเสวียนดู

 

 

เมื่อหมุนกาย จึงได้ยินเสียงสูดหายใจเข้าอย่างตกใจของคนโดยรอบ

 

 

วันนี้กู่ซู่สวมชุดอาภรณ์สีฟ้า บัดนี้ชุดของเขาสกปรกหมดแล้ว

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1054 ใต้เท้าซ่งได้โปรดตอบด้วย

 

 

บนแผ่นหลังเป็นรอยแส้ลึกตื้นที่ขวางยาวเป็นทาง เป็นสีแดงเข้มและยังมีรอยเลือดแห้งเล็กน้อย ดูแผลเหล่านี้แล้วรู้สึกว่าร้ายแรงและน่ากลัวเป็นอย่างมาก

 

 

“พี่เซียว วันนี้หากไม่ใช่เพราะน้องชายฉลาดปราดเปรื่อง เกรงว่าคงต้องทิ้งร่างไว้ที่นี่แล้ว! ในเมืองหลวงนี้กลางวันแสกๆ กลับมีคนกล้าทำร้ายผู้อื่นกลางถนน พี่เซียวจักต้องหาความเป็นธรรมให้น้องชายด้วย!

 

 

กู่ซู่แม้จะเป็นญาติกับสกุลเซียว ทว่าที่จริงแล้วสามีของพี่สาวแท้ๆ ของเขาก็คือบิดาของเซียวซูเฟย ซึ่งจากโลกนี้ไปแล้ว พี่สาวของเขาเป็นหม้ายอยู่ในสกุลเซียว เขาจึงรับหน้าที่ดูแลกิจการของสกุลเซียว โดยปกติมักไปประจบสอพลอและยกย่องเซียวเสวียนคนนี้อยู่เสมอ

 

 

ดังนั้นจึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเซียวเสวียนจึงไม่เลวนักเป็นธรรมดา

 

 

โดยปกติมักเรียกพี่ชายน้องชาย มิเหมือนสกุลเครือญาติกันเลยสักนิด แต่กลับเหมือนพี่น้องร่วมสาบานก็มิปาน

 

 

ซูหลีไม่พูดอะไร นางฟังที่กู่ซู่คนนั้นร้องทุกข์เช่นนี้ รอจนเขาพูดจบนางจึงเลิกคิ้ว รีบเอ่ยว่า

 

 

“เฮ้อ! พ่อค้ากู่ คำพูดของเจ้าไม่ถูกต้อง ข้าจักต้องแก้ไขบางที่!”

 

 

กู่ซู่ไม่คิดว่าซูหลีจะเอ่ยปากพูดในเวลานี้ อีกทั้งยังพูดประโยคเช่นนี้ออกมา

 

 

ชั่วขณะนี้เขาตะลึงเล็กน้อย ประโยคที่ซูหลีพูดออกมานั้นมิใช่เพื่อให้เขาตอบคำถาม

 

 

เขาเห็นแค่นางยกมือเคาะบนโต๊ะครู่หนึ่ง เอ่ยว่า

 

 

“เจ้าคนนี้ไม่พูดด้วยเหตุผลเลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าข้าเป็นคนปล่อยให้เจ้าไปตามคนมา เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดว่าตนเองฉลาดปราดเปรื่อง เจ้าฉลาดหรือไม่ ในใจของเจ้าล้วนรู้ดี

 

 

ทุกคน…

 

 

กู่ซู่…

 

 

สรุปแล้วนี่คือสิ่งใดกัน!

 

 

ฟังคำพูดของนางสิ!

 

 

กู่ซู่ใบหน้าเขียวคล้ำ! แทบจะถูกนางยั่วโมโหจนหยุดหายใจไปแล้ว!

 

 

เขายังคิดว่าซูหลีจะนำเรื่องที่เขากระทำก่อนหน้านี้มาพูด ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ นางจะพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา! สตรีนางนี้ช่าง…

 

 

“ใต้เท้าซู ไม่ว่าอย่างการโบยและทุบทำลายโรงเตี๊ยมของผู้อื่น ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง!” ชั่วขณะนี้ใต้เท้าซ่งผู้ว่าการซุ่นเทียนทนฟังต่อไปไม่ไหว เขาขมวดคิ้วแล้วพูดเสริมประโยคหนึ่ง

 

 

“มีบางอย่างที่ใต้เท้าซ่งไม่ทราบ!” ซูหลีได้ยินคำพูดของเขาก็เริ่มสนุกขึ้นแล้ว นางลุกขึ้นจากที่นั่งของตนเอง เอ่ยเสียงเบาว่า

 

 

“วันนี้ ข้าไม่เพียงจะทำร้ายคน ทุบทำลายโรงเตี๊ยม ข้ายังจะแย่งชิงสมบัติทุกอย่างที่เป็นชื่อของกู่ซู่มาเป็นของตนเอง ใต้เท้าซ่ง ท่านว่าเป็นอย่างไร”

 

 

ใต้เท้าซ่ง…

 

 

เขาไม่รู้สึกอะไร! คำพูดนี้หากนางไม่ได้ยิ้มแย้มขณะที่พูด ใต้เท้าซ่งคงคิดว่านางเป็นโรคเสียสติไปแล้ว! อยู่ต่อหน้าผู้ว่าการซุ่นเทียนเช่นเขากลับพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา ไม่ถือว่าเสียสติไปแล้วหรือ

 

 

“ใต้เท้าซูยังพูดล้อเล่นอยู่อีก!” ใต้เท้าซ่งหัวเราะอยู่หลายเสียง เสียงหัวเราะนี้กลับเป็นเสียงแห้งๆ

 

 

คิดไม่ถึงว่าเมื่อซูหลีได้ยินคำพูดประโยคนี้แล้ว จะเก็บสีหน้าทั้งหมดลง และเปลี่ยนเป็นเย็นชาเพียงชั่วพริบตา นางมองใต้เท้าซ่งด้วยสีหน้าที่ไม่มีอารมณ์ใดๆ แล้วเอ่ย

 

 

“ใต้เท้าซ่ง ข้ามิได้ล้อเล่น ท่านดูท่าทางของข้าสิ ดูเหมือนกำลังล้อเล่นอยู่หรือ”

 

 

ใต้เท้าซ่งอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง เขาตะลึงงัน เมื่อรู้สึกตัวก็รู้สึกขุ่นเคืองอยู่บ้าง เขามองซูหลีแล้วเอ่ย

 

 

“ถึงอย่างไรใต้เท้าซูถือว่าเป็นขุนนางในราชสำนัก รู้หรือไม่ว่าการกระทำเช่นนี้ละเมิดกฎหมายของต้าโจว”

 

 

“งั้นหรือ” ซูหลีตอบกลับอย่างเย็นชา ดวงตาคู่นั้นของนางเย็นยะเยียบเกินจะเปรียบ มีอากัปกิริยาแตกต่างจากท่าทางไม่เอาจริงเอาจังเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง นางพลันกล่าวขึ้นว่า

 

 

“เช่นนั้นรบกวนใต้เท้าซ่งช่วยตอบข้าหน่อยเถิด ก่อนหน้านี้กู่ซู่คนนี้ใช้เรื่องที่ผู้ดูแลสกุลของข้าติดเงินเขา มาทำลายเด็กรับใช้และบิดาของข้า ซ้ำยังแย่งชิงสมบัติจำนวนมากของจวนซูของพวกเราไป! หรือนี่จะไม่ละเมิดกฎหมายของต้าโจว!?”