บทที่173

ผู้แปล : N

ลูชินไปที่โรงงานผลิตแบตเตอรี่คุนเพ้งและพบว่าวังถังไม่ได้อยู่ในโรงงาน เขาจึงเรียกไบบอสแทนแล้วถามว่า “จางเกวียงอยู่ไหน?”

“อาจารย์จาง? เขาไปที่โรงงานอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ด้านข้างของโรงงานเราครับ” ไบบอสได้ตอบกลับมา

“อาจารย์จาง?” ลูชินมองดูเขาอย่างแปลกประหลาด เพราะอายุที่แสดงบนบัตรประชาชนของหุ่นยนต์อุตสาหกรรม RI-8901 นั้นอยู่ในวัยเพียงยี่สิบต้นๆเท่านั้น นั้นคือจางเกวียงถือว่าเป็นรุ่นน้องของไบบอส และเมื่อก่อนไบบอสยังได้ตะโกนเรียกว่า ‘เสี่ยวจาง’ แต่ดูตอนนี้สิกับกลายเป็นอาจารย์จาง! มันเกิดอะไรขึ้น?

“ใช่ครับ อาจารย์จาง!” ไบบอสพูดด้วยอารมณ์ว่า “อาจารย์จางเป็นชาวต่างชาติที่มีความรู้จากต่างประเทศมากมาย ความรู้ของอาจารย์ที่เกี่ยวกับเครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นมีความสมบูรณ์แบบ อาจารย์นั้นมีความรู้มากกว่าช่างอาวุโสเสียอีก”

“และเมื่อโรงงานมีปัญหาเกี่ยวกับอุปกรณ์ใดๆ จะต้องเรียกหาอาจารย์เท่านั้น”ไบบอสพูดต่อว่า “ไม่เพียงแต่ในโรงงานของเราเท่านั้น แต่ยังนับรวมโรงงานที่อยู่รอบๆเราอีกด้วย”

” มีเรื่องแบบนี้ด้วย! “ลูชินยังรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าหุ่นยนต์ตัวนี้จะสามารถพัฒนาตัวเองได้

เขาอยู่ในโรงงานซักพักหนึ่งและระหว่างนั้นได้ทำการตรวจสอบสถานการณ์ในโรงงาน หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเขาถึงได้เรียกให้จ่างเกวียงเข้าพบ

การมาของจางเกวียงนั้นยิ่งทำให้เขาแปลกใจ เขาไม่ได้กลับมาด้วยตัวเองแต่เป็นหัวหน้างานเวิร์คช็อปของโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ด้านข้างโรงงานของเขาขับรถมาส่งด้วยตัวเอง และก่อนกลับนั้นเขายังได้พูดกับจางเกวียงว่า: “ต้องขอขอบคุณอาจารย์จางอย่างมาก ถ้าไม่ได้อาจารย์ช่วยไว้ โรงงานของผมต้องประสบปัญหาการส่งสินค้าให้ลูกค้าไม่ทันอย่างแน่นอน ผมต้องขอบคุณอาจารย์จริงๆ”

หลังจากที่ชายคนนั้นคุยกับจางเกวียงจบแล้วก็มองมายังลูชินแล้วพูดต่อว่า “อ่า!…ถ้าผมรู้ว่าประธานลูมา ผมต้องนำของเล็กๆน้อยๆติดมือมามอบให้อย่างแน่นอน! ถ้าคุณมาครั้งหน้าอย่าได้ลืมบอกผม ผมจะทำการเตรียมร้านอาหารที่ดีที่สุดต้อนรับอย่างแน่นอน ”

” ลาวจ้าว คุณก็เกรงใจเกินไป เราก็ถือว่าเป็นเพื่อนบ้านกัน ถ้ามีเรื่องเดือดร้อนไม่ช่วยและจะมีเพื่อนไว้ทำไม!”ไบบอสได้ยิ้มหลังจากที่พูดจบ แล้วเขาหันไปพูดกับจางเกวียงว่า :“ อาจารย์จาง ประธานลูต้องการพบคุณ”

จางเกวียงพยักหน้าและไม่มีการแสดงออกเพิ่มเติมบนใบหน้าของเขา อย่างไรก็ตามทุกคนคุ้นเคยมานานแล้ว เพราะตลอดระยะเวลาครึ่งปีมานี้พวกเขาได้ชินไปกับการแสดงออกนี้แล้ว

“จางเกวียง นายมาแล้ว?” ลูชินพูดออกมาหลังจากที่เห็นจางเกวียงเข้ามาในห้อง

“ครับ”

เมื่อเข้าสู่สำนักงานลูชินได้บอกให้เขาล็อคประตูและพูดขึ้นว่า: “เร็วๆนี้มีปัญหาอะไรไหม?”

“ไม่ครับ ทุกอย่างเป็นปกติ” จางเฉวียงตอบ

“ดีมาก” ลูชินถามต่อว่า “ในฐานข้อมูลของนายควรมีข้อมูลอุตสาหกรรมมากมายใช้ไหม?”

“ใช่ครับ” จางเกวียงตอบ

“ แล้วมีข้อมูลทางด้านการทำแว่นตาอัจฉริยะไหม?”

“ ไม่มีครับ” คำตอบของจางเกวียงนั้นง่ายมากและเขายังได้อธิบายต่อว่า “ ในคลังข้อมูลของผมส่วนใหญ่เกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องจักรกลและพลังงานเคมีเท่านั้น”

ลูชินได้ยินแบบนั้นก็ต้องยอมรับว่าหุ่นยนต์อุตสาหกรรมมีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันและเนื่องจากหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่มีการทำงานในงานที่แตกต่างกันจำเป็นต้องมีฟังก์ชั่นที่แตกต่างกัน นั้นรวมถึงฐานข้อมูลและโครงสร้างภายในจึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

“มันเป็นอย่างที่ฉันคิดไว้” ลูชินคิดอยู่พักหนึ่งแล้วถามว่า: “และถ้าฉันจะเพิ่มข้อมูลนี้เข้าไปในคลังข้อมูลของนาย นายจะสามารถทำความเข้าใจมันได้ไหม”

“ได้ครับ”

“โอเค งั้นเปิดคลังข้อมูลของนายเพื่อรับข้อมูลที่ฉันจะส่งไปให้”หลังจากพูดจบลูชินได้ทำการคัดเลือกข้อมูลที่เกี่ยวกับแว่นตาอัจฉริยะให้กับจางเกวียง

หลังจากนั้นไม่กี่นาทีข้อมูลเกี่ยวข้องทั้งหมดได้ถูกจัดเก็บเข้าไปยังคลังความรู้ของจางเกวียงเรียบร้อย

ลูชินพูดว่า: “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายไม่จำเป็นที่จะอยู่ในโรงงานนี้”

จางเกวียงไม่พูดอะไรลูชินจึงพูดต่อว่า: “ฉันเกรงว่าพฤติกรรมที่ผิดปกติของนายอาจจะทำให้คนอื่นเริ่มสงสัยขึ้นมา”

“ดังนั้นฉันจะส่งนายไปยังแผนก R&D ของบริษัทใหญ่ เพื่อเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีกล้องและเทคโนโลยีแว่นตาอัจฉริยะนี้ นายเข้าใจใช้ไหม?”

“เข้าใจครับ” จางเกวียงตอบกลับมา

ลูชินรู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างมาก ด้วยการนำของหุ่นยนต์อัจฉริยะจางเกวียง เขาจึงไม่ต้องกังวลในปัญหาที่จะเกิดขึ้นนี้ และด้วยวิธีนี้จางเกวียงจึงได้ถูกนำตัวไปยังแผนก R&D และกลายเป็นหัวหน้างานอย่างเต็มตัว

เมื่อธุรกิจต่างๆของบริษัทพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และตอนนี้เวลาก็ได้ผ่านมาจะถึงสิ้นปีอีกครั้ง

บ้านของลูชินในเขตบ้านพักระดับไฮเอ็นได้เริ่มสร้างขึ้นแล้ว โดยที่พี่สาวซูยังคงมองหาเขาเป็นครั้งคราว เพื่อรายงานความคืบหน้า

ปีนี้เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะกลับบ้าน แต่เขาจะไปยังเมืองหลวงเพราะนั่นคือบ้านของซู่เสี่ยว หลังจากที่เขาได้คบหาซู่จิงอย่างเป็นทางการคงต้องถึงเวลาที่จะไปพบพ่อตาแล้ว

หนึ่งสัปดาห์ก่อนวันตรุษจีนลูชินและซู่จิงได้ขึ้นเครื่องบินไปยังเมืองหลวงและคนที่ไปพร้อมกับพวกเขาด้วยก็คือซู่เสี่ยว ซึ่งการไปครั้งนี้ได้ตรงกับวันหยุดของโรงเรียนพอดี

บนถนนซู่จิงได้บอกนิสัยและสิ่งที่พ่อของเธอชอบและไม่ชอบให้ลูชินฟังอย่างละเอียด

“แม่ของฉันเป็นคนที่อารมณ์ดี เธอจะไม่มีอคติกับพวกเรื่องของขวัญที่ฉันเลือกให้คุณอย่างแน่นอน” ซู่จิงพูดต่อว่า “แต่ทางพ่อของฉันอาจจะมีปัญหาเล็กน้อย”

“มันคืออะไร?” ลูชินรีบถามทันที “ไม่ใช้ว่าเขาจะไม่ชอบขี้หน้าฉันตั้งแต่แรกนะ?”

“พี่เขย พี่ต้องจัดเต็มเลยนะ!” ซูเสี่ยวพูดต่อว่า “หนูรู้มาว่าตอนนี้ได้มีคนรวยรุ่นที่สองจำนวนหนึ่งได้เข้ามาจีบพี่สาวของหนูอย่างมาก และเหมือนว่าพ่อจะเล็งไว้แล้วด้วย! ”

ลูชินมองที่ซู่จิงโดยตรง เขาต้องยอมรับว่าตอนนี้เธอดูสวยกว่าตอนที่เขาเจอครั้งแรกอย่างมาก เขาจึงได้พูดอย่างจริงจังว่า:”ฉันจะไม่ปล่อยให้แฟนของฉันหลุดมือไปอย่างแน่นอน”

“คุณก็อย่าไปฟังสิ่งที่น้องฉันพูดเกินไป! “ซู่จิงได้มองมาทางลูชินแล้วพูดว่า: “พ่อของฉันเป็นคนที่จริงจังมาก เขาคิดแต่เรื่องธุรกิจของเขาทุกวัน เขาไม่มีเวลามานั่งจับคู่ให้ฉันและเมื่อตอนที่ฉันกำลังเรียนหนังสืออยู่ พ่อยังให้ฉันเลือกเรียนที่ตรงกับสายงานของพ่อ เพื่อว่าจบมาฉันจะได้กลับมาช่วยได้”

“แต่ผลลัพธ์กับกลายเป็นว่าฉันมาทำงานกับคุณเสียก่อน”

“ใช่ ลูกสาวที่แต่งงานแล้วก็เหมือนกับการสาดน้ำออกไปเสมอ นี่ขนาดพี่ยังไม่ได้แต่งงานนะก็จะไปช่วยคนนอกแล้ว ช่างเสียแรงที่พ่อเลี้ยงพี่มาตลอด 20 ปีจริงๆ”ซู่เสี่ยวที่เห็นว่าบรรยากาศเริ่มแย่ลงก็ได้พูดเรื่องตลกร้ายนี้ขึ้นมาและเธอยังได้ใช้น้ำเสียงเหมือนพ่อสามีกำลังพูดกับลูกอีกด้วย

ลูชินพูดขึ้นว่า: “เธอเนี่ยนะ!”

ซู่เสี่ยวพูดขึ้นอีกว่า: “อย่ากังวลไปเลยพี่เขยอย่างมากที่สุดถ้าพ่อตาไม่ยอม พี่ก็แค่พาพี่สาวของหนูหนีตามกันไปก็พอ”

“เธอจะแก่แดดไปแล้วนะ!” ซู่จิงได้บีบใบหน้าเล็กๆของน้องสาวขณะที่เธอได้พูด

“ฉันอุสาคิดแผนเผื่อพี่เลยนะ” ซู่เสี่ยวได้คุยโตทันทีหลังจากที่เธอหลุดจากมือของพี่สาว

“ขอให้จริงเถอะ”ซู่จิงได้พูดประชดออกมา

ในไม่ช้าพวกเขาก็ได้มาถึงหน้าบ้านของตระกูลซู่