บทที่174
ผู้แปล : N.
สภาพครอบครัวของซู่ค่อนข้างร่ำรวยและครอบครัวอาศัยอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยระดับสูงในเขตเมืองหลวง ลูชินได้เตรียมของขวัญที่ดีและพร้อมที่จะพบพ่อตาแล้ว
เมื่อพวกเขามาถึงประตูบ้านประตูก็เปิดโดยอัตโนมัติ หลังบานปะตูนั้นมีหญิงสาวสวยวัยกลางคนกำลังยิ้มต้อนรับพวกเขาอยู่
เธอพูดว่า“ซู่จิง แม่คิดไว้แล้วว่าลูกต้องกลับมา” แม่ของซู่จิงเรียกว่าเยรุย เขาต้องยอมรับว่าแม่ของซู่จิงนั้นดูแล้วยังไม่เหมือนคนที่อายุเข้าเลขสี่เลย เพราะการที่เธอได้ดูแลผิวอย่างดีเป็นพิเศษมันจึงทำให้เธอดูเหมือนเพียงอายุเลขสามเพียงเท่านั้น และที่สำคัญที่สุดคงเป็นหน้าตาและรูปร่าง เขารู้เลยว่าพี่น้องคู่นี้ได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่ทั้งหมด
“แม่ หนูคิดถึงแม่จัง?” ซู่เสี่ยวได้พุ่งเข้าหาแขนของเยรุยทันทีที่เธอเข้าประตู
เยรุยบีบใบหน้าของลูกสาวคนเล็กและแสดงรอยยิ้มที่อบอุ่นออกมาก่อนที่จะพูดว่า: “ลูกคนนี้ไปจำคำพูดแบบนี้มาจากไหนกัน? แล้วทำไมลูกถึงไม่อยู่ที่โรงเรียน?”
“ ถ้าพ่อของลูกมาเห็นลูกตอนนี้ เขาต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน!”
“แม่ต้องช่วยหนูนะ! “ซู่เสี่ยวมองแม่ของเธอด้วยสานตาลูกแมวหิวนม
เยรุยที่เห็นสายตาแบบนั้นก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า ” ทำไมลูกถึงไม่ทำตัวเหมือนพี่สาวของลูกบ้างนะ! “
ซู่เสี่ยวพูดล้อเล่นว่า:” แม่อะ ครั้งหน้าหนูจะไม่กลับมาแล้ว ”
เยรุยที่ได้ยินแบบนั้นก็เอามือลูบหัวของซู่เสี่ยวก่อนที่จะถามว่า :”ลูกควรตั้งใจเรียนให้มากเข้าไว้ ถ้าลูกสอบเข้ามหาลัยไม่ได้พ่อต้องเอาลูกตายแน่นอน แล้วเรื่องนี้แม่คงช่วยไม่ได้”
” หนูจะเริ่มอ่านหนังสือในปีหน้า” ซู่เสี่ยวพูดจบก็ได้เปลี่ยนเรื่องทันทีว่า “แม่ กลิ่นอะไร? ทำไมหอมจัง! ฉันจะไปดูก่อน” จากนั้นเธอก็แอบเข้าไปในห้องครัว
“คุณป้า ผมชื่อลูชินครับ” ลูชินได้แนะนำตัวเอง
“ฉันรู้ว่าเธอคือใคร ฉันยินดีที่เธอมาเป็นแขกของเรา.” ทัศนคติของเยรุยยังคงเป็นมิตรเสมอ เธอเงยหน้าขึ้นและลงเพื่อทำการสำรวจลูชิน
ก่อนที่เธอจะพูดว่า :. “ตัวจริงดูดีกว่ารูปถ่ายอีกนะ เธอดูหล่อมาก ลูกสาวของฉันนี้รู้จักเลือกจริงๆ”
ซู่จิงที่ได้ยินแบบนั้นก็หน้าแดงขึ้นมาเพราะนี้เป็นครั้งแรกที่เธอพาแฟนกลับบ้าน ดังนั้นเธอยิ่งประหม่ากว่าลูชินไปไหนๆ และเธอยังกลัวว่าพ่อแม่ของเธอจะมีความคิดเห็นแปลกๆอีกด้วย
แต่ในตอนนี้พวกเขาก็ได้มีความสัมพันธ์ที่ดี เยรุนและลูชินได้คุยกันซักพักหนึ่งก่อนที่ซู่จิงจะแนะนำลูชินให้แม่ของเธอรู้จักมากขึ้น
เยรุนพูดด้วยอารมณ์ว่า: “โอ้ เธอเป็นเด็กที่มีอนาคตอีกไกล มันหายากมากกับเด็กสมัยนี้”
“ขอบคุณครับ” ลูชินพูดอย่างสุภาพ
“ ฉันต้องบอกเธอว่าพ่อของซู่จิงเป็นผู้ประกอบการธุรกิจเหมือนกัน ฉันคิดว่าเขาต้องมีความสุขอย่างแน่นอนหลังจากที่รู้ว่าลูกเขยของเขามีความสามารถหนาดไหน” เยรุนได้พูดขึ้นมาหลังจากที่เธอรู้ประวัติของลูชินโดยละเอียด
ลูชินยิ้มและกล่าวคำสรรเสริญเล็กน้อยเช่นกัน เยรุนที่เห็นแบบนั้นก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น
เธอยิ้มและพูดว่า: “โอ้ใช้ เสี่ยวลู เธอก็คิดว่าบ้านนี้เป็นของตัวเองเลยนะ”
“แต่ฉันจะต้องเตือนเธอว่า ถ้าพ่อของซู่จิงกลับมาแล้วเธอต้องระวังตัวไว้ด้วยนะ “
“ผมรู้ครับ” ลูชินพยักหน้า
“งั้นฉันจะไปทำอาหารก่อน เสี่ยวเหมิน ลูกยังกินอยู่ในครัว? ” เยรุนได้รีบไปที่ครัวทันที เธอปล่อยให้ลูชินและซู่จิงดูทีวีในห้องนั่งเล่น
“เรนโบว์เปิดทีวี!” ซู่จิงได้พูดออกมาแล้วทีวีแอลซีดีทีวีอัจฉริยะที่แขวนอยู่บนผนังในห้องนั่งเล่นก็เปิดโดยอัตโนมัติ ดวงตาของลูชินมองไปยังวัตถุสี่เหลี่ยมเล็กๆที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องนั่งเล่น เขาถามด้วยความประหลาดใจ: “อุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านของเธอดูทันสมัยจริงๆ”
“คุณลืมไปแล้วเหรอว่าพ่อของฉันทำงานเกี่ยวกับของพวกนี้ มันต้องเป็นที่แน่นอนว่าต้องมีอุปกรณ์พวกนี้อยู่ที่บ้าน “ซู่จิงได้พอบกลับมา
เธอยังพูดอีกว่าก่อนหน้านี้พ่อของเธอเคยทำธุรกิจเครื่องใช้ในบ้านในเขตเมืองระดับสองต่อมาเมื่อธุรกิจที่เขาทำได้เติบโตขึ้นเล็กน้อย เขาก็ได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองหลวงแทนและตอนนี้เขาก็ได้เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของ บริษัท ธันเดอร์สตอร์ม แอ็พไลแอ็นซ์ ซึ่งเป็นเจ้าของถึง 12.3% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัท และยังเป็นรองประธานของ ธันเดอร์สตอร์ม แอ็พไลแอ็นซ์ อีกด้วย
ลูชินได้ทำการตรวจสอบมาแล้วว่าบริษัทของพ่อตานั้นถือว่าเป็นบริษัทที่มีความสำเร็จค่อนข้างดีในด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ทีวีแอลซีดี เครื่องปรับอากาศ หม้อหุงข้าว เตาอบ ไมโครเวฟ ฯลฯ และตอนนี้ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาถือว่าเป็นที่รู้จักอย่างมากในประเทศ อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับแบรนด์ของฮิตาชิของสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆมันดูแย่กว่ามาก
ลูชินถามด้วยความอยากรู้ว่า: “ผลิตภัณฑ์ของบริษัทพ่อคุณถือว่าเป็นที่สุดในท้องตลาดตอนนี้แล้วใช้ไหม? “
“ฉันก็ไม่รู้?” ซู่จิงส่ายหัวของเธอแล้วพูดต่อว่า “เพราะตอนนี้ทุกบริษัทก็กำลังวิจัยและพัฒนาสมาร์ทโฮมขึ้นมาจำนวนมาก และเหมือนว่าบริษัทของพ่อฉันก็กำลังวิจัยเรื่องกล่องสมาร์ทโฮมขึ้นมา ซึ่งถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของพวกเขาเลยก็ว่าได้”
“ อันที่จริงแล้วมันก็พอใช้ได้เลยเมื่อเทียบกับรุ่นเดี่ยวกันในตลาดตอนนี้ แต่ฉันคิดว่ามันธรรมดาไปหรืออาจจะแย่กว่าเมื่อเทียบกับระบบเรทคลาวด์ของเรา”
“และตอนนี้พวกเขามีเพียงฟังก์ชั่นเล่นเพลง เปิดทีวี เปิดไฟ ปรับเครื่องฟอกอากาศ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะสื่อสารกับมันเหมือนระบบเรทคลาวด์ของเรา ความเสถียรก็ไม่คงถือและถ้ามีการรบกวนจากภายนอกมากเกินไปกล่องอัจฉริยะนี้ก็ไร้ประโยชน์ ”
ซู่จิงยังให้เขาดูการสาธิตด้วยตัวอย่างเช่นเธอพูดกับกล่องอัจฉริยะว่า: “เรนโบว์เปิดไฟในห้องนั่งเล่น”
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีของความล่าช้าไฟในห้องนั่งเล่นก็ถูกเปิด
“เรนโบว์เปิดเพลง” กล่องอัจฉริยะเปิดเพลงแบบสุ่มแล้วซู่จิงพูดว่า: “เรนโบว์ปิดไฟในห้องนั่งเล่น”
อย่างไรก็ตามในเวลานี้กล่องอัจฉริยะไม่มีการตอบสนอง ในเวลานี้ซู่เสี่ยวผู้ที่เพิ่งแอบออกมาจากในครัวตะโกนใส่กล่องอัจฉริยะว่า: “เรนโบว์ปิดไฟในห้องนั่งเล่น!”
กล่องอัจฉริยะยังไม่ตอบสนอง เธอจึงได้เพิ่มเดซิเบลเสียงขึ้นแล้วตะโกน “ปิดไฟในห้องนั่งเล่น!”
ในที่สุดกล่องอัจฉริยะก็ตอบสนอง แต่คราวนี้มันไม่ได้ปิดไฟในห้องนั่งเลน แต่เป็นการเพิ่มเสียงเพลงเป็นสองเท่าแทน
ในห้องครัว เยรุนถามว่า: “พวกเธอกำลังทำอะไรกันอยู่?”
“ฉันโกรธอย่างมาก นี่คือปัญญาประดิษฐ์ที่ปัญญาอ่อนที่สุด!” ซูเสี่ยวเดินไปข้างหน้าและปิดสวิตช์ของกล่องอัจฉริยะโดยตรง
“ มีเครื่องใช้ในบ้านอื่นๆ เช่นเครื่องฟอกอากาศ มันชอบปรับอุณหภูมิในห้องผิดพลาดตลอดและการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องใช้ในบ้านนั้นก็แย่มาก” ซู่จิงได้อธิบายให้ลูชินฟัง
ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็นิ่งเงียบไปซักพักก่อนที่จะพูดว่า: “มันอาจจะมีปัญหาในด้านการตั้งโปรแกรมไว้ก็ได้”
“ใช่ ดังนั้นมันจึงเป็นเพียงเอไอปัญญาอ่อนที่ไม่สามารถขายได้!” ซู่เสี่ยวพูดต่อว่า “พี่เขย ขอเพียงพี่นำระบบเรทคลาวด์มาใช้เป็นสมาร์ทโฮมได้ฉันขอรับรองว่ามันต้องขายดีกว่าบริษัท ธันเดอร์สตอร์ม แอ็พไลแอ็นซ์ อย่างแน่นอน! ”
” ใครบอกว่าระบบของฉันเป็นปัญญาอ่อน? “เสียงผู้ชายที่ลึกเข้ามาและเสียงนั้นแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน
ลูชินเห็นได้อย่างชัดเจนว่าใบหน้าของซู่เสี่ยวเปลี่ยนไปและเธอได้รีบยืนตัวตรงเธอยังได้ปั้นรอยยิ้มให้กับคนที่เพิ่งเปิดประตูว่า:“ พ่อ พ่อกลับมาแล้ว!”