บทที่175
ผู้แปล : N.
ลูชินมองไปทางเข้าประตูเห็นชายวัยกลางคนวัยสี่สิบปีกำลังเปลี่ยนรองเท้า ผมสั้น สวมสูทสีดำและใบหน้าของเขาเหมือนคนที่มีเรื่องคิดอยู่ตลอดเวลา – เมื่อเขาไม่พูดคุยคิ้วของเขาหย่อนลงเล็กน้อยให้ความรู้สึกที่รุนแรงและไม่สงบ
นี่น่าจะเป็นพ่อของซู่จิง
ซู่จิงมองที่พ่อของเธอและเธอเห็นว่าสายตาของพ่อได้ตกไปยังลูชิน ลูชินที่เห็นแบบนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า: “สวัสดีครับคุณลุง”
“อืม” ซู่ชิเพิ่งบ่นและสีหน้าของเขาก็ไม่ได้มีความสุขมาก ในฐานะที่เป็นพ่อมีลูกสาว เขาได้เห็นเธอมาหลายปีแล้วแต่ตอนนี้เธอกลับถูกคนอื่นพาไป มันให้อารมณ์ที่ซับซ้อนกับเขาอย่างมาก
เขาเปลี่ยนรองเท้าของเขาและถามว่า: “ลูกบอกว่ามันเป็นระบบที่ปัญญาอ่อนใช้หรือไม่?”
เมื่อพูดถึงปัญหานี้ซู่เสี่ยวรีบพูดขึ้นมา: “ไม่มีใครพูดเรื่องนี้เลย? พ่อต้องหูแว่วไปเองแน่นอน ”
ซู่จิงได้ไอสองครั้งเพื่อเป็นการแก้ไขสถานการณ์นี้แล้วลุกขึ้นพูดว่า:” พ่อ หนูจะเข้าไปเอาถ้วยชามาให้เอง “
” เฮ้ หนูไปด้วย “ซู่เสี่ยวได้พูดออกมา
ซู่ชิได้พูดขึ้นมาหลังจากที่เขาเห็นลูกสาวของเขาเดินหนีไปว่า ” เรนโบว์ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยที่สุดแล้วตอนนี้ ดังนั้นการที่มันจะมีข้อบกพร่องทางเทคนิคบ้างจะเป็นไรไป และอีกไม่นานปัญหาเหล่านี้ก็จะได้รับการแก้ไข! ”
” หนูก็คิดอย่างนั้น “ซุ่เสี่ยวได้ตะโกนออกมาจากในห้องครัว
ซู่ชิมองที่ลูชินและถามว่า: “ฉันได้ยินมาว่านายเองก็มีส่วนร่วมในเรื่องนี้เช่นกัน นายมีความคิดอย่างไรกับระบบที่บริษัทฉันออกแบบบ้าง”
ลูชินไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะถูกถามคำถามนี้เป็นครั้งแรก ไม่น่าแปลกใจที่เยรุยได้เตือนเขาก่อนหน้านี้ว่าอารมณ์ของพ่อตานั้นแปลกเกินสามัญสำนึกของเขาไปอย่างมาก
อย่างไรก็ตามเนื่องจากอีกฝ่ายคือพ่อตา ดังนั้นเขาควรจะต้องตั้งใจตอบคำถามนี้อย่างดี “ฟังก์ชั่นการโต้ตอบด้วยเสียงนั้นไม่ดีอย่างที่ควร มันจึงทำให้การจดจำด้วยเสียงไม่แม่นยำและยังเป็นการง่ายต่อการถูกรบกวนอีกด้วย”
ได้ยินคำพูดของลูชินใบหน้าของซู่ชิก็ได้ถูกทำให้มืดลงเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าลูชินจะไม่ได้สังเกตเขายังคงคิดเกี่ยวกับวิธีการตอบคำถามนี้ให้ดูเหมือนว่าเขาเป็นมืออาชีพมากที่สุด
เขาพูดต่อว่า: “คุณภาพเสียงก็ไม่ดีอย่างที่ควรเป็น และฟังก์ชั่นการเปิดเพลงผมก็คิดว่าคุณภาพเสียงของเพลงไม่ดีเท่าฟังจากลำโพงหรือโทรศัพท์เลย”
“จากนั้นฟังก์ชั่นที่สำคัญมากที่สุดคือระบบการประสานงาน”
“นอกเหนือจากการที่ตัวกล่องสามารถเปิดเพลงได้แล้ว มันควรเป็นเหมือนตัวศูนย์กลางของระบบสมาร์ทโฮมเพื่อเป็นตัวถ่ายทอดคำสั่งด้วยเสียงของเราเพื่อไปควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะตัวอื่นๆ ตัวอย่างเช่นการสลับอุปกรณ์ควบคุมระยะไกล ”
” แต่ผมพบเพียงว่าตัวกล่องนี้มีเพียงฟังก์ชั่นง่ายๆเช่นสวิตช์เปิด/ปิดเท่านั้น ผมคิดว่าฟังก์ชั่นของเครื่องใช้ในบ้านอัจฉริยะทุกชิ้นควรเป็นส่วนหนึ่งของ ‘Internet of Things’ เช่นเดียวกับแอพในโทรศัพท์ซึ่งมีบทบาทที่มากขึ้น”
” อุปกรณ์เหล่านี้ต้องการเชื่อมต่อทั้งหมด เช่นตัวเซ็นเซอร์ที่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของแสง เสียง อุณหภูมิจากนั้นจึงทำการปรับการทำงานให้เหมาะสมกับสภาพปัจจุบันที่สุด และเห็นได้ชัดเจนว่ากล่องอัจฉริยะตัวนี้ไม่สามารถตอบโจทย์นี้ได้ ”
ลูชินได้พูดมาถึงตรงนี้ เขาพบว่าซู่เสี่ยวกำลังเหล่เขาเพื่อบอกบางอย่างและเมื่อเขาได้มองไปที่ใบหน้าของพ่อตาที่แสดงสีหน้าดำไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ลูชิจึงต้องรีบพูดแก้ตัวว่า: “คือสิ่งที่ผมพูดมานั้นอาจจะเป็นความเข้าใจเพียงส่วนตัวของตัวเองและผมก็ไม่มีความรู้ด้านนี้อีกด้วย ดังนั้นคุณลุงก็ไม่ต้องนำคำพูดของผมมาใส่ใจเลยนะครับ”
ในเวลานี้เยรุยออกจากห้องครัวและพูดพร้อมยิ้มว่า “เธอพูดมาก็ไม่ผิดหรอก มันแค่เขาไม่อยากรู้ความจริงเท่านั้นเอง “
“อะไรนะ?” ซู่ชิไม่พอใจที่ได้ยินภรรยาของตัวเองพูดแบบนั้น เขาจึงพูดขึ้นว่า “นี่เป็นเพียงสถานการณ์เพียงผิวเผินเท่านั้นและมันก็ไม่ใช้เรื่องที่คุณจะทำความเข้าใจได้ด้วย!”
เขาขมวดคิ้วและพูดกับลูชินว่า: “ปัญหาบางอย่างที่นายพูดมาก็ถูกต้อง แต่ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นกับระบบเรนโบว์อย่างแน่นอน”
“และปัญหาของการรบกวนนั้นก็เกิดขึ้นกับทุกผลิตภัณฑ์มรประเทศนี้ด้วยกันทั้งนั้น “
ลูชินพูดขึ้นว่า:” ในความเป็นจริงมันก็ไม่ใช้เรื่องอยากที่เราจะทำการปรับปรุงเพียงแค่คุณลุงเพิ่มโค้ดการทำงานบางตัวลงไป มันก็เพียงพอที่จะทำให้การโต้ตอบด้วยเสียงและเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ทำงานได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ “
“ไม่ยาก? “ซู่ชิพูดต่อว่า ” นายยังไม่รู้ว่าการเพิ่มโค้ดลงไปหนึ่งตัวนั้นจะส่งผลยังไงกับระบบทั้งหมดบ้าง! “
อย่างไรก็ตามเยรุยได้พูดขึ้นมาว่า “คุณไม่ควรใช้อารมณ์จากที่ทำงานมาใช้ในบ้าน! ตอนนี้สิ่งแรกที่คุณควรทำคือคุณควรไปเปลี่ยนเสื้อผ้าของคุณ เราเห็นคุณยังใส่สูทขณะอยู่ที่บ้านมันทำให้เราทุกคนรู้สึกไม่สบายใจเลยมันเหมือนกับว่าเรากำลังจะไปเข้าประชุมยังไงยังงั้น?”
ซู่ชิได้ยินแบบนั้นก็ได้ลังเลก่อนที่เขาจะเดินขึ้นไปยังห้องเพื่อเปลี่ยนชุดตามที่สั่ง ซู่จิงที่เห็นแบบนั้นรีบเข้ามากระซิบข้างหูของลูชินอย่างรวดเร็วว่า: “คุณไม่เป็นอะไรนะ พ่อของฉันก็เป็นแบบนี้ประจำ “
ซู่เสี่ยวก็ได้ผงกหัวก่อนที่จะพูดว่า:” พี่เขย พ่อของฉันก็เป็นแบบนี้แหละ และการที่พี่เขยพูดแทงใจดำของพ่อแบบนั้น เป็นใครบ้างที่จะมีความสุขจริงไหม? “
ลูชินพึ่งรู้ตัวในว่าเขาทำอะไรลงไป เขารู้ว่าทุกคนคงจะไม่มีความสุขเมื่อได้ยินคนอื่นวิจารณ์ความพยายามของตนเองในฐานะ “นักวิจัย” เขาเองก็เคยอยู่ในสถานการณ์นี้มาก่อนจึงเข้าใจความรู้สึกนี้ได้
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้เดินไปบังโต๊ะรับประทานอาหารตามคำเรียกของเยรุย ในตอนแรกซู่ชิจะตำหนิซู่เสี่ยวโดยบอกว่าเธอทำตัวเกเรแค่ไหนในโรงเรียนและเขายังได้รับข้อความจากครูของเธออีกด้วย แต่ดูเหมือนว่าซู่เสี่ยวจะมีอ้างว่าตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กอยู่และตอนนี้เธอสัญญาว่าจะทำการปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น
จากนั้นก็ถึงคราวของซู่จิง, ซู่ชิถามว่า: “ตอนนี้ลูกเป็นอย่างไรบ้างกับการทำงานในบริษัท?”
“อ่า…ตอนนี้บริษัทที่หนูทำงานอยู่นั้นกำลังพัฒนาไปได้ดีอย่างมาก” ซู่จิงได้ตอบตามความจริง
แต่จะเหมือนว่าพ่อของเธอจะไม่พอใจเขาพูดขึ้นว่า: “ลูกควรมาทำงานที่เมืองหลวง เพราะนี้คือสถานทีที่พัฒนาที่สุดในประเทศแล้ว”
ซู่จิงได้แสดงสีหน้าเบื่อออกมาเพราะเธอรู้ว่าพ่อยังคงต้องการให้เธอกลับไปทำงานด้วยกัน
เยรุยพูดขึ้นว่า: “เด็กๆควรไปลงมือทำสิ่งใหม่ๆ คุณก็ไม่ควรไปบังคับลูกนะ”
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย? ” ซูชิได้ตอบกลับ
“ ใช่! พ่อพูดถูก อะนิพ่อ! ผักที่พ่อชอบ” ซู่เสี่ยวรีบพูดแก้ไขสถานการณ์นี้ทันที
ลูชินยังพูดอีกว่า: “บริษัทของเราเองก็กำลังพิจารณาที่จะสร้างสาขาในเมืองหลวงอยู่เช่นกัน ผมว่าอีกไม่นานซู่จิงคงมีเวลากลับมาเยี่ยมบ้านบ่อยขึ้นครับ”
“นั่นเป็นเรื่องที่ดี ” เยรุยได้หัวเราะออกมา
หลังจากนั้นพวกเขายังได้พูดคุยเกี่ยวกับสถานการณของลูชินและยังได้ถามถึงแนวทางในอนาคตของพวกเขาอีกด้วย
แต่ระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้นซู่ชิกับพูดขึ้นว่า: “เรื่องนี้ฉันเข้าใจแล้ว อีกเดี่ยวฉันจะกลับไปให้เร็วที่สุด เมื่อถึงตอนนี้เราจะมาแก้มันด้วยกัน”
เย่รุยถามออกมาว่า: “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นคะ? นี้วันปีใหม่คงไม่ใช้ว่าคุณต้องกลับไปที่บริษัทนะ”
เมื่อซู่ชิได้ยินแบบนี้ก็พูดด้วยอารมณ์ว่า “ถ้าผลิตภัณฑ์ตัวนี้ไม่สามารถทำยอดขายได้ดีในเดือนนี้ โครงการตัวนี้ต้องถูกยุบ “
” ตอนนี้ฉันไม่รู้แล้วว่าจะแก้ไขมันยังไง เพราะพวกนั้นได้ให้งบประมาณมาที่โครงการนี้ของฉันน้อยเกินไป”
“ พวกเขาไม่คิดเลยว่าอัตราการเติบโตของสมาร์ทโฮมในสหรัฐอเมริกาในปีนี้สูงถึง 5.8% และในประเทศจีนนั้นสูงเพียง 0.1% ถ้าเราสามารถครองตลาดตอนนี้ได้มันจะส่งผลยังไง!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เสียงของซู่ชิเต็มไปด้วยอาการซึมเศร้า เพราะในใจลึกๆของพวกเขาเองก็เตรียมใจที่จะเจอผลลัพธ์เช่นนี้เช่นกัน