ตอนที่ 415 ตระกูลเขาล้วนมีนิสัยเดียวกัน
ข่าวงานอภิเษกท่านหญิงได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้ว ประกาศก็ลงไปถึงเมืองต่างๆ ตอนที่เฝิงเยี่ยไป๋พวกเขาเดินทางมาถึงเมืองไหวอยู่นั้น ข่าวลือก็เปลี่ยนเนื้อความไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องงานอภิเษกท่านหญิงแล้ว มีบ้างที่บอกว่าท่านหญิงตั้งครรภ์แล้ว และก็มีบ้างที่เล่าว่าท่านหญิงแท้งลูก ยังมีข่าวบอกว่าฮ่องเต้เอาท่านหญิงไปเป็นนางสนม พันคนพันปาก สามารถพูดเปลี่ยนเรื่องได้ต่างๆ นานา เรื่องใดจริงหรือเท็จ ก็ไม่มีใครแยกออก
เฉินยางนั่งอยู่ในโรงเตี๊ยม ทั้งโกรธทั้งร้อนรน แค้นขึ้นมาจนไม่เลือกคำพูด “ฮ่องเต้นี้ช่างเก่งเสียเหลือเกิน เว่ยหมิ่นก็แต่งงานกับเหลียงอู๋เย่ว์แล้ว ยังเป็นพระองค์ที่ออกราชโองการ เป็นถึงฮ่องเต้กลับไม่รักษาวาจาทำเอาคนอื่นหัวเราะ เรื่องเช่นนี้พระองค์ยังทำได้ หน้าไม่อายจริงๆ”
ซั่งเหมยอยู่ข้างๆ กล่อมนาง “ท่านอย่าเพิ่งร้อนรน นี่ล้วนเป็นข่าวลือ ความจริงอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น คนเหล่านี้พูดต่อๆ กันไปมักจุดที่ผิด เพื่อให้คนอื่นฟังตัวเองพูด ที่พูดเกินเลยก็มี อีกไม่กี่วันพวกเราก็กลับไปแล้ว ถึงยามนั้นค่อยให้ท่านอ๋องเข้าไปดูในวัง ก็รู้เรื่องแล้วไม่ใช่หรือ ตอนนี้ท่านร้อนรนไปก็ไม่ช่วยอะไรเลย”
ช่วงเวลาเดือนสิบ ทางเหนือก็หนาวขึ้นมาแล้ว วันนี้มีลมพัด ตีหน้าต่างจนเกิดเสียง ทำเอารู้สึกเหมือนจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เฉินยางกอดเตาอุ่นมือนั่งอยู่บนเตียง ตัวเองหายใจให้คล่องเล็กน้อยแล้วบ่นอีกว่า “ไม่มีลมย่อมไร้คลื่น ข่าวลือคงไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ก็เกิดขึ้นมาเอง ฮ่องเต้ต้องทำอะไรบางอย่าง ตระกูลพระองค์ไฉนถึงมีนิสัยเดียวกันหมด พ่อแย่งภรรยาคนอื่น ลูกก็แย่งภรรยาคนอื่น นี่มันอะไรกัน”
ตัวนางเองจมอยู่ในวงประหลาดนี้เข้าแล้ว ใครกล่อมก็ไม่มีประโยชน์ เฝิงเยี่ยไป๋มีสายข่าวอยู่ในเมืองหลวง พอกลับมาก็มีสีหน้าเคร่งเครียด เฉินยางเห็นสีหน้าของเขาก็พอเดาออกแล้ว ก็ยิ่งไม่ชอบฮ่องเต้คนนี้เข้าไปอีก “ฮ่องเต้นี้ไฉนถึงทำเช่นนี้ได้ ช่างเลวถึงที่สุดเสียจริง!” นางกระตุกแขนเสื้อเฝิงเยี่ยไป๋ถามอีกว่า “เช่นนั้นเรื่องที่เว่ยหมิ่นตั้งครรภ์เป็นเรื่องจริงหรือ”
เขาพยักหน้า ใบหน้าบูดบึ้งยิ่งนัก “ตอนนี้นางถูกฮ่องเต้กักบริเวณอยู่ในวัง พักอยู่ที่ตำหนักอวี้ชิ่ง ได้ยินว่าสองวันก่อนเกือบแท้งลูก”
ฮ่องเตเป็นคนใจแคบ ย่อมจะหาทุกวิถีทางฆ่าลูกของเว่ยหมิ่น ในวังเป็นถิ่นของพระองค์ ให้คนวางยาลงในอาหารของเว่ยหมิ่น ลูกไม่มีแล้ว ความเกี่ยวพันระหว่างนางกับเหลียงอู๋เย่ว์นั้นก็ไม่มีแล้ว ถึงยามนั้นค่อยหาข้ออ้างอะไรฆ่าเหลียงอู๋เย่ว์ทิ้ง แล้วแอบยึดนางไว้ ข่าวลือจะแพร่อย่างไรก็ไม่อาจแพร่ได้ทั้งชาติ รอให้ข่าวลือผ่านไปคนก็ลืมแล้ว อย่างอื่นพระองค์ไม่ได้เรียนมาดีนัก ก็มีเพียงวิชาแย่งผู้หญิงนั้นที่ได้เรียนถึงแก่นแท้กับพระบิดาของพระองค์ เป็นฮ่องเต้หน้าไม่อายก็ได้ ใครกล้านินทาฮ่องเต้ ลากออกไปประหารก็สิ้นเรื่อง
เฉินยางลูบท้องตัวเอง ความรู้สึกเศร้าหมองนั้นนางรู้สึกได้ ลูกของตัวเอง ก้อนเนื้อที่อยู่ในตัวเอง วันๆ ถูกคนจ้องหาวิธีจะกำจัดทิ้ง กังวลยิ่งนัก ต้องกินไม่อิ่มนอนไม่หลับอย่างแน่นอน จะทำอย่างไรดี นางเป็นถึงท่านหญิง โตมาในสภาพกินดีอยู่ดี เป็นเช่นนี้ต่อไปจะทนไหวได้อย่างไร!
“เช่นนั้นแล้วตอนนี้ควรทำอย่างไรดี นางกับเหลียงอู๋เย่ว์มาถึงตอนนี้อย่างยากลำบากนัก จะให้ฮ่องเต้พังง่ายๆ เช่นนี้ไม่ได้กระมัง!”
“เหลียงอู๋เย่ว์ก็ถูกกักบริเวณแล้ว ออกจากจวนท่านหญิงไม่ได้ ไทเฮาก็มีเพียงเปลือก ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย”
คนหนึ่งเป็นน้องสาวของเขา อีกคนหนึ่งก็เป็นพี่น้องของเขา ทั้งสองคนนี้อยู่ด้วยกัน แม้ว่าปากเขาจะไม่พูด เพียงแต่เฉินยางดูออก เขาดีใจยิ่งกว่าใครๆ ตอนนี้เจอภัยเข้าให้ ในใจเขาต้องทรมานยิ่งกว่าถูกไฟเผาอย่างแน่นอน
ตอนที่ 416 แผ่นดินก็ควรเปลี่ยนผู้ครองแล้ว
เมืองไหวห่างจากเมืองหลวงยังมีระยะทางสองวัน สองวันนี้ เฉินยางและเฝิงเยี่ยไป๋ต่างนั่งไม่ติดเหมือนถูกไฟเผา เฉินยางยังออกความคิดเห็นให้เขา บอกว่าจะช่วยเว่ยหมิ่นออกมาอย่างไร แล้วจะช่วยเหลียงอู๋เย่ว์ออกมาอย่างไร สุดท้ายก็ให้พวกเขาหนีไปแล้วกัน ข้างนอกกว้างใหญ่ไพศาล ต่อให้ฮ่องเต้มีแผ่นดินมากมาย พวกเขาก็เหมือนดั่งเม็ดฝนที่ตกลงสู่ทะเล จะหาก็ไม่รู้จะไปหาที่ใด
เฝิงเยี่ยไป๋ลูบผมของนาง เผยรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมานาน “เจ้าคิดว่ากององครักษ์ในวังไร้ฝีมือหรือ นั่นเป็นคนตัวเป็นๆ บอกจะพาออกมาก็พาออกมาได้หรือ”
นางบิดผ้าก้มศีรษะบ่นว่า “ก็ข้าโง่ไม่ใช่หรือ ข้าไม่ได้ฉลาดเช่นท่าน ข้าเพียงออกความคิดเห็นให้ท่าน จะได้หรือไม่นั้นก็ต้องอยู่ที่ท่าน ท่านว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ พวกเราหาวิธีอื่นก็พอแล้วไม่ใช่หรือ”
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าไม่ได้โทษเจ้า เพียงแต่เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายดั่งที่พวกเราคิดนัก” นางมีใจเช่นนี้ เขาก็พอใจแล้ว เมื่อได้เห็นการจากกันของเว่ยหมิ่นและเหลียงอู๋เย่ว์ ในใจเขาก็ยิ่งไม่สงบขึ้นมา เขากอดนางไว้ ความรู้สึกที่จะสูญเสียนางแทบจะกลืนกินเขา “พวกเราต้องอยู่อย่างปลอดภัย จะให้ฮ่องเต้หาข้ออ้างแยกพวกเราออกจากกันไม่ได้ ช่วงนี้ข้ามักรู้สึกไม่ปลอดภัยนัก รู้สึกว่าเจ้าจะจากข้าไปได้ตลอดเวลาเช่นนั้น”
เฉินยางพิงที่อกของเขาแล้วปลอบว่า “ขอเพียงท่านยังต้องการข้า ข้าก็จะไม่จากท่านไป อีกอย่าง ก็ยังดีๆ กันอยู่ ไฉนข้าถึงจะจากท่านไป ลูกจะไม่มีพ่อไม่ได้”
เฝิงเยี่ยไป๋ถอนหายใจเบาๆ เมื่อวานสายข่าวที่เมืองเหมิงมาแจ้ง อ๋องนอกด่านที่อันผิงและอันชิ่งสองเมืองได้แอบติดต่อกับซู่อ๋อง เขาเพิ่งออกจากเมืองเหมิงไม่กี่วัน ก็ต่างไปเยี่ยมอ๋องซู๋ ในมืออ๋องนอกด่านไม่อาจมีกำลังทหาร เพียงแต่ความเป็นจริงแล้วมีอ๋องนอกด่านคนใดในมือไม่มีทหารบ้าง อาศัยเพียงทหารที่อยู่ในมือซู่อ๋องนั้น คิดจะต่อต้านราชสำนักเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่หากนับรวมทหารที่อยู่ในมืออ๋องนอกด่านสองคนนั้น รวมๆ กันแล้ว ก็มีทหารอยู่แสนสองแสนไม่มีปัญหา ทหารนับล้านของราชสำนักจะใช้ปราบกบฏก็เป็นไปไม่ได้ ภายในน่ากังวลภายนอกก็คุกคาม ชนเผ่าหมานอี๋ทางตะวันตกเฉียงเหนือก็จ้องมองเมืองฉวย รอเพียงกบฏภายในเกิดขึ้นก็ได้บุกตีต้าเยี่ยพร้อมกัน ดังนั้นแล้ว ทหารที่ใช้ได้จริงๆ ก็มีเพียงแสนนาย
ในมือเขาไม่มีอำนาจไม่มีทหาร คิดจะไม่ใช่ทหารอะไรเลยช่วยเหลียงอู๋เย่ว์และเว่ยหมิ่นออกมาแทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่หากใช้มือซู่อ๋อง ร่วมมือกับอ๋องซู๋ละก็ โอกาสแม้ว่าจะไม่เต็มร้อย เพียงแต่อย่างน้อยก็ไม่ถึงกับไม่มีโอกาสเลย
ตอนแรกเขาไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหลวไหลของตระกูลอวี่เหวิน เพียงแต่อวี่เหวินชังที่ไร้สมองนี้ เรื่องมาถึงตอนนี้แล้วก็ไม่รู้จักหยุดมือ ได้เดินมาอยู่ริมหน้าผาแล้ว ไม่คิดจะหาทางถอยอย่างไรแถมยังพุ่งออกไปอีก วันเวลาของเขาสิ้นสุดแล้ว แผ่นดินต้าเยี่ยก็ควรจะเปลี่ยนผู้ครองแล้ว
เขาอุ้มเฉินยางขึ้นมาวางอยู่บนตัก เหมือนดั่งอย่างไรก็ไม่พอเช่นนั้น ต้องจูบให้ได้เสียยกใหญ่ถึงยอมปล่อยนาง จากนั้นก็แอบตัดสินอยู่ในใจ
คิดดูดีๆ แล้วที่ซู่อ๋องพูดก็ไม่ผิด เรื่องเหลวไหลที่เขาไม่อยากยุ่งก็ได้ยุ่งเกี่ยวแล้ว ในเมื่อยุ่งเกี่ยวเข้ามาแล้ว ใครจะชนะใครจะแพ้ก็ต้องรู้ผล
เจี่ยชีติดตามเฝิงเยี่ยไป๋ออกมาก็เดือนเศษ คิดถึงบ้านมากมาย ตอนแรกวางแผนว่าวันมะรืนจะถึงบ้าน ยังสามารถซื้อของเล่นเล็กน้อยกลับไปให้ลูกสาวของเขาได้ เพียงแต่เฝิงเยี่ยไป๋จู่ๆ ก็ให้เขาไปส่งจดหมายที่เมืองหลวง กำชับเขาว่าจะต้องส่งถึงมือซู่อ๋องด้วยตัวเอง และให้หลบสายตาเด็ดขาด เรื่องนี้นอกจากเขาแล้วจะให้คนที่สองรู้ไม่ได้เด็ดขาด
เรื่องที่คิดไว้ตอนแรกก็ต้องวางไว้ก่อนเสียแล้ว เขาขานรับ ไม่กล้ารอช้า รีบขี่ม้าออกไปเลย