ตอนที่ 413 เฝิงเยี่ยไป๋ท่านหน้าไม่อาย / ตอนที่ 414 ข้ารักเจ้าจริงๆ

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 413 เฝิงเยี่ยไป๋ท่านหน้าไม่อาย

 

 

สุดท้ายเฉินยางก็ถูกเขากวนจนอับจนปัญญา จึงได้แต่ยอมอ่อนข้อให้ “เช่นนั้น… ให้ข้าช่วยเจ้า?”

 

 

ความตั้งใจเดิมของเขาไม่ใช่สิ่งนี้ หากวิชาฝ่ามือสามารถทำให้เขาพอใจได้ ตอนนี้เขาถึงต้องมาขอนางหรือ ตรงนั้นเป็นที่แห่งสวรรค์ ใช้สองมือกำจะทำให้เกิดความรู้สึกได้หรือ นางก็ยังคงไม่เข้าใจถึงความแตกต่าง เขาพูดมาตรงๆ เช่นนี้แล้ว นางก็ยังคงไม่เข้าใจ ช่างทำเอาลำบากใจเสียจริง

 

 

“เจ้าดู มือของเจ้า ยังไม่ใหญ่เท่าครึ่งหนึ่งของข้าเลย ไม่ได้เหมือนกันเลย ฝั่งนี้อุ่นแล้ว ข้างหลังก็เจอลมเสียแล้ว ไม่อาจดูแลได้ทั่วถึง เช่นนั้นมีแต่จะลำบากกว่าเดิม” เขาลุกขึ้นวางม่านเตียงลง บังแสงกลางวันที่อยู่ข้างนอก มีเพียงแสงอ่อนๆ มองได้เพียงใบหน้าของกันและกัน

 

 

พูดไปพูดมาก็คืออยากกินเนื้อให้เต็มอิ่ม ยังไปๆ มาๆ อ้อมเช่นนี้ กลัวนางจะฟังไม่เข้าใจ และก็กลัวนางจะฟังรู้เรื่องแล้ว กลับทำเอาเขาเหมือนดั่งผีที่หิวโหยเช่นนั้น เมื่อสบตาที่ไร้เดียงสาที่เปล่งประกายของนาง จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา

 

 

เฉินยางถอยไปอยู่ข้างในสุด นั่งพิงที่กำแพง “ตกลงท่านจะให้ข้าช่วยหรือไม่ หากไม่เอาข้าจะออกไปแล้ว”

 

 

“ที่จริงแล้ว เมื่อวานข้าถามท่านหมอแล้ว ท่านหมอบอกไม่เป็นไร เด็กอยู่ในท้องของเจ้าแข็งแรงแล้ว ร่วมหอกันครั้งสองครั้งเป็นบางครั้ง ก็ไม่ได้เป็นอะไร”

 

 

เฉินยางหน้าแดงขึ้นมา เขายังไปถามท่านหมออีก ไม่รู้จักอายเลย! เรื่องเช่นนี้จะถามหมอได้อย่างไร เช่นนั้นวันหลังจะให้นางพบเจอคนได้อย่างไร ซั่งเหมยซั่งเซียงสาวใช้สองคนนี้ต้องรู้แล้วแน่ๆ วันหลังก็ต้องล้อนางอีกไม่น้อย เช่นนี้จะให้นางทำอย่างไรดี

 

 

“ท่าน… ท่านถามหมอเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร” นางหน้าแดง พิงอยู่ที่มุมกำแพง กุมท้องแล้วหอบหายใจ

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋พูดว่า “เช่นนั้นเจ้าคงไม่อยากให้ข้าไปหาผู้หญิงข้างนอกกระมัง ข้าเป็นผู้ชายของเจ้า ผู้ชายของเจ้าอดทนจนทรมานแล้ว ก็ไม่ได้เป็นผลดีกับเจ้าเลย”

 

 

นางไม่ใช่ผู้ชาย ไม่อาจเข้าใจความรู้สึกนั้นได้ด้วยตัวเอง เพียงแต่เห็นใบหน้าของเขาแดงก่ำ หน้าผากก็มีเหงื่อซึมออกมา เหมือนว่าจะอดทนจนทรมาน จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมา ยื่นมือไปลูบใบหน้าของเขา นางร้อนจนหดมือกลับ ตกใจขึ้นมา “ท่านตัวร้อนหรือ ไฉนหน้าถึงได้ร้อนเช่นนี้”

 

 

เขาพยักหน้าด้วยความกระสับกระส่าย หลบท้องของนางแล้วผลักนางล้ม “ตัวร้อนจริง เพียงแต่ครั้งนี้เจ้าถึงจะเป็นหมอ มีเพียงเจ้าที่จะช่วยข้าได้”

 

 

ปากนี้ หากยังปล่อยให้นางพูดต่อไป อีกเดี๋ยวเขาก็คงกระอักเลือดตายแล้ว เรื่องบางเรื่องนางไม่เข้าใจเขาค่อยๆ สอนได้ เพียงแต่เรื่องนี้ไม่ได้ ลงมือทำจริงได้ความรู้ที่แท้จริง ที่นางต้องเรียนยังมีอีกมาก

 

 

เฉินยางสู้ไม่ไหว สุดท้ายก็แพ้ให้กับความอ่อนโยนของเขา ม่านเตียงส่ายเบาๆ เตียงเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าด บ้างก็มีเสียงครางของนางเบาๆ ดังขึ้น ขาดห้วงบ้างร้องบ้าง ขาดแล้วก็ต่อขึ้นใหม่ แว่วเบาๆ สูงบ้างต่ำบ้าง เหมือนดั่งร้องเพลงเบาๆ

 

 

ซั่งเหมยซั่งเซียงตักน้ำเดินผ่าน สายตากวาดผ่านอย่างรวดเร็ว แล้วสบตากันยิ้มขึ้นมา ตั้งแต่ครั้งก่อนที่เฝิงเยี่ยไป๋ขอร่วมหอแล้วถูกพบเข้าพอดี เขาก็ใช้ชีวิตที่ลงมือช่วยเหลือตัวเองอยู่ตลอด เขาแค้นที่เจ้าคนใช้สองคนนี้มักจะปรากฏตัวในเวลาที่ไม่สมควร วันนี้ตั้งใจกับกินให้เต็มอิ่ม จึงเตือนพวกนางเป็นพิเศษ ยามที่ไม่ควรปรากฏตัว จะไปที่ใดก็ไป ท่านอ๋องโกรธขึ้นมาน่ากลัวยิ่งกว่ายมบาล เพียงกระทืบเท้าก็สามารถทำเอาวิญญาณพวกนางหลุดออกจากร่างได้ ครั้งนี้พวกนางรู้เรื่องแล้ว เดินผ่านก็ไม่กล้าหยุดแอบฟัง รีบๆ ออกจากที่ที่ไม่ควรอยู่เสียจะดีกว่า

 

 

“อ๊ะ… เฝิงเยี่ยไป๋ ท่าน… หน้าไม่อาย!”

 

 

เพียงชะลอเท้า เสียงนี้ก็เข้าหูมาอย่างชัดเจน ซั่งเหมยซั่งเซียงต่างสบตากันและตัดสินใจหนีไปทันที

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 414 ข้ารักเจ้าจริงๆ

 

 

ช่วงเวลาที่มาก็เรียกได้ว่าราบรื่นนัก ระหว่างทางกลับก็ไม่ได้เจอประชาชนทุกข์ยากก่อความวุ่นวายอะไร การเดินทางนี้ราบรื่น ก็ทำเอาสบายใจ

 

 

ด้วยเหตุในเมื่อคืน เขาทั้งมุทะลุและพูดจาหน้าไม่อาย แต่เพราะเป็นกังวลท้องของนาง เทียบกับครั้งแรกแล้วได้รุนแรงน้อยกว่า เพียงแต่ก็ยังไม่สามารถห้ามเขาพลิกตัวนางกลับไปหักกลับมา ทั้งตีทั้งด่าก็ไม่ได้ช่วยอะไร กลับทำเอาเขาคึกมากยิ่งขึ้น เขาเป็นคนกำยำแข็งแรง กล้ามเนื้อที่แขนเห็นได้อย่างชัดเจนนัก นางอยู่ต่อหน้าเขาก็เหมือนดั่งจั๊กจั่นขยับต้นไม้ ทำอะไรเขาไม่ได้เลย จนทำให้แม้มาถึงตอนนี้ ใบหน้าของนางก็ยังแดงก่ำไม่หาย

 

 

ซั่งเหมยซั่งเซียงรู้สาเหตุที่นางหน้าแดง เพียงแต่เพราะท่านอ๋องก็อยู่ข้างหน้าขับรถม้าอยู่ พวกนางอยู่ในรถม้าก็ไม่กล้าล่วงเกินนัก เพียงเห็นท่าทางหน้าแดงของนางช่างน่ารักเสียจริงแต่ไม่อาจล้อเล่นได้ช่างทรมานเหลือเกิน

 

 

เฉินยางกับนายหญิงที่พวกนางปรนนิบัติอยู่ในวังไม่เหมือนกัน ไม่เคยวางมาด และไม่เคยใช้อำนาจกดขี่ แทนที่จะบอกว่าพวกนางเป็นเจ้านายกับคนใช้ บอกว่าเป็นเพื่อสนิทจะเหมาะเสียยิ่งกว่า

 

 

สุดท้ายก็ทนความอยากรู้ไม่ไหว ซั่งเหมยเปิดม่านขึ้น เห็นเฝิงเยี่ยไป๋ขับรถม้าอยู่ข้างหน้าสุด จึงทำใจกล้าขึ้นมา ขยับเข้าไปถามเฉินยาง “นายหญิง ใบหน้าของท่านเป็นอะไรหรือ ไฉนถึงได้แดงเช่นนี้ คงไม่ใช่ตัวร้อนกระมัง”

 

 

เฉินยางหน้าบาง พวกนางไม่พูดยังดี พอพูดออกมาแล้ว นางก็รู้สึกอายขึ้นมา นางก้มศีรษะลงเม้มปากไม่พูดอะไร

 

 

“นายหญิง ท่านเป็นอะไรหรือ ท่านพูดเสียหน่อย พวกเราเป็นห่วงท่านมากนะ!”

 

 

ซั่งเซียงอยู่ข้างๆ ทำตัวเป็นคนดี “ซั่งเหมย นายหญิงไม่ยอมพูดก็ช่างเสียเถิด เจ้าใยต้องบีบบังคับ”

 

 

ซั่งเหมยตบปากตัวเอง พูดซ้ำๆ อยู่ว่า “ใช่ๆ ๆ นายหญิง ท่านโปรดอภัย เป็นบ่าวที่เสียมารยาทแล้ว บ่าวตบปากตัวเอง!”

 

 

เจ้าคนใช้สองคนนี้ ช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ถึงกับคิดใช้วิธีนี้หลอกให้นางพูด น่าเจ็บใจนัก หากนางเงียบเช่นนี้อยู่ตลอด กลับเหมือนดั่งปิดบังอะไรอยู่ ให้พวกนางเข้าใจผิดอยู่เช่นนี้ต่อไป ทั้งสองคนนี้เหลวไหลยิ่งกว่านางอีก บนปากไม่พูด ในใจไม่รู้คิดอย่างไรอยู่ นางจึงอธิบายด้วยความอ้ำอึ้งว่า “ข้า… ข้าอึดอัด อีกเดี๋ยวสูดอากาศข้างนอกก็ดีขึ้นแล้ว… หน้าแดงตรงที่ใด พวกเจ้าพูดจาเหลวไหล!”

 

 

พวกนางสองคนตอบ อ๋อ แล้วก็นั่งตัวตรงเหมือนเดิม รถม้าค่อยๆ หยุดลง เฝิงเยี่ยไป๋เปิดม่านขึ้นมาให้ซั่งเหมยซั่งเซียงลงไป ตัวเองขึ้นมาแล้ว เขาเคาะไปที่รถ รถม้าก็เริ่มไปช้าๆ อีกครั้ง

 

 

เฉินยางกุมท้องขยับไปอีกด้านหนึ่ง ศีรษะหันออกไปที่หน้าต่าง ไม่มองเขา

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ขยับเข้าไป ในรถท้าก็มีที่เท่านี้ นางขัยบไปสองทีก็ถูกบีบจนอยู่ที่มุมไม่มีที่ให้ถอยอีก

 

 

“ยังโกรธอยู่หรือ” เฝิงเยี่ยไป๋มือข้างหนึ่งประคองที่หลังเอวของนาง มืออีกข้างลูบผมที่ห้อยลงมาอยู่ เมื่อคืนเขาก็ยังคงควบคุมแรงได้ไม่ดีพอนัก เขาลืมตัวไป เกือบทำเอานางเจ็บ วันนี้ตอนเช้าตื่นขึ้นมาดู ทั้งเสียใจทั้งเต็มอิ่ม ช่างถูกพิษของนางเข้าให้แล้วจริงๆ สองครั้งแล้ว ทุกครั้งล้วนได้รสชาติที่ต่างกัน เจ้าเด็กนี้เก่งเสียจริงๆ ล้างใจเขาเสียสะอาดแล้ว นอกจากนาง ก็ไม่อาจให้คนอื่นได้แล้ว

 

 

เขายื่นหน้าไปด้วยความรู้สึกผิด “เมื่อคืนข้าขอโทษ ยังเจ็บอยู่หรือไม่ หากยังเจ็บอยู่เจ้าก็ตีข้าระบายอารมณ์เสีย!”

 

 

เฉินยางเห็นบหน้าของเขา แทบอยากจเหวี่ยงฝ่ามือไป เพียงแต่พอชูมือขึ้นมา ก็ทำไม่ลงอีก นางทั้งเจ็บทั้งโกรธ เพียงแต่พอนึกถึงเมื่อคืนเขากอดนางไว้แล้วพูดซ้ำๆ ว่า “ข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้าเสียจริงๆ” ก็ในอ่อนลงมือไม่ได้อีก สุดท้ายก็ได้แต่ผลักเขา บ่นด้วยความกระฟัดกระเฟียดว่า “ออกไป!”