ตอนที่ 411 น่าเสียดายที่ไม่อาจเป็นประโยชน์ให้เขาได้
ในวังเกิดการผันเปลี่ยน นอกวังก็ไม่สงบเช่นกัน สุยหนิงได้ประหารข้าราชการโกงกิน ถือว่าสงบลงชั่วคราวแล้ว ต่อไป พวกเขายังต้องไปทางใต้ต่อ ผ่านสุยหนิงไปเป็นฉงฮว่า สถานการณ์ของเมืองฉงฮว่าเทียบกับสุยหนิงแล้วดีกว่ามาก การจัดการประชาชนทุกข์ยากก็มีระเบียบ เพียงแต่เจ้าเมืองฉงฮว่านี้ยังไม่ได้ตัดสินจะเข้าข้างราชสำนักหรือซู่อ๋อง สถานการณ์ไม่ชัดเจน เขาจะเอียงไปข้างใดก็ยังคิดไม่ได้
ครั้งก่อนเฝิงเยี่ยไป๋ถูกซู่อ๋องเชิญไปเมืองเหมิง ไม่ได้เห็นว่าในเมืองเหมิงมีการสะสมกำลังทหาร ตามการจัดวางในเมืองแล้ว อย่างมากก็มีเพียงทหารม้าหนักห้าพัน ตอนนั้นซู่อ๋องใช้ข้ออ้างปราบกบฏเมืองเหมิงต่อต้านราชสำนักอย่างเปิดเผย ตอนที่เขาไปนั้นได้พาทหารหนักสามหมื่นนาย ศึกที่เมืองเหมิงสูญเสียไม่น้อย แต่ก็จับแม่ทัพศัตรูใช้เป็นของตัวเองได้ พอรวมกันทั้งหมดแล้ว กำลังทหารของเขาในตอนนี้ ก็ไม่น้อยกว่าห้าหมื่นแน่นอน ทหารหนักห้าหมื่นคิดจะต่อต้านทหารนับล้านของราชสำนัก แทบจะฝันกลางวันชัดๆ
อ๋องซู๋คิดจะดึงเขาเข้ามา อยากให้เขาช่วยตัวเองวางแผนบุกตี เขาไม่ตกลง แม้แต่ตื้นลึกของซู่อ๋องเขาก็ยังไม่รู้ เจ้าสุนัขจิ้งจอกเฒ่าฉลาด หากวางแผนลวงเขา ถึงยามที่อยากจะถอนตัว คงจะต้องสูญเสียเพื่อรักษาส่วนรวม ตอนนี้ในใจเขามีภาระ จะให้ไม่ยำเกรงสิ่งใดๆ ดั่งเมื่อก่อนไม่ได้ จะทำอะไรก็ต้องระวังเพิ่มขึ้น
อย่างไรเสียก็เป็นราชโองการ เจ้าเมืองฉงฮว่าชื่อนี้ก็ยังเป็นข้าราชการของราชสำนัก เมื่อปรนนิบัติขึ้นมาก็ถือว่าเต็มที่ เพียงแต่ก็เป็นการแสดงเท่านั้น เฝิงเยี่ยไป๋พูดคุยอยู่สองประโยคก็ไม่มีความสนใจแล้ว กลับเป็นเจ้าเมืองคนนั้น กลัวว่าตัวเองไม่เลือกข้างอยู่ในสายตาของเขาจะกลายเป็นความผิด จึงเล่าให้เขาฟังสุดกำลังว่าซู่อ๋องเจ้าเล่ห์เพียงใด เ**้ยมโหดเพียงใด และก็บอกอีกว่าฮ่องเต้เมตตาอย่างไร ใช้ความเมาคิดจะเป็นพี่น้องกับเขา ช่างทำเอาสะอิดสะเอียนยิ่งนัก
เฝิงเยี่ยไป๋ไม่มีใจจะคุยต่อ หลังจากดื่มไปเล็กน้อย ก็ทิ้งให้เจ้าเมืองเมาล้มอยู่ในสวนคนเดียว เขาสั่งเจี่ยชีพรุ่งนี้เช้าออกเดินทาง รีบทำงานให้เสร็จจะได้รีบกลับเมืองหลวง
ครั้งก่อนอวี่เหวินลู่พลาดท่าให้กับเฉินยาง ตั้งแต่ยังเด็กเขาเคยได้รับความอับอายเช่นนี้เสียที่ใด แค้นอยู่ในใจ กลางคืนก็นอนไม่หลับ หลับตาลงก็เป็นนางมารร้ายคนนั้น คิดแล้วก็เสียใจ จะเอาเรื่องอะไรกับนาง ผู้หญิงคนหนึ่ง แถมยังเป็นคนท้อง เอาเรื่องกับนางรังแต่จะเสียฐานะของตัวเอง ตอนแรกก็ควรจะบุกเข้าไป ดูว่าผู้หญิงคนนั้นจะพูดอะไรได้อีก
ฝั่งซู่อ๋องนี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ฟังอะไร ไม่ว่าเจ้าจะพูดอย่างไร เขาก็ไม่ยอมเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในกรงนี้ เจ้ากล่อมเขาเถิด สุดท้ายกลับถูกเขาด่าเสียรอบใหญ่ เขามีนิสัยไม่กลัวสิ่งใดๆ เช่นนี้มาตั้งแต่เกิด พูดถึงความสามารถเขาก็มี หากบีบเขาจนร้อนรนขึ้นมากลายเป็นศัตรู นั่นถึงจะเป็นปัญหาใหญ่
ช่างเป็นปีกลู่ลมที่ดีเสียกระไร น่าเสียดายนักที่ไม่อาจเป็นประโยชน์ให้กับเขาได้
จนถึงตอนนี้อวี่เหวินลู่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อของเขาไม่ให้เขาบุกศาลสุยหนิงดื้อๆ บีบเฝิงเยี่ยไป๋จนไม่มีทางถอยแล้ว เช่นนั้นเขาก็ได้แต่ก่อกบฏกับพวกเขา อย่างไรเสียกลับไปก็ต้องตาย อยู่ที่นี่อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตรอด!
ซู่อ๋องเคาะโต๊ะด่าเขาโง่ “เจ้าคิดว่าเฝิงเยี่ยไป๋เป็นใคร หากเจ้าบีบจนเขาร้อนรนขึ้นมาแล้ว เป็นศัตรูกับพวกเรา ไม่เป็นผลดีกับพวกเราเลย เขาไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างของราชสำนัก ก็ยิ่งไม่อยู่กับพวกเรา พวกเราวางแผนกบฏก็ไม่ได้ง่ายอยู่แล้ว ไยต้องสร้างปัญหาให้กับตัวเองอีก วันนี้ไว้ทางถอยวันหลังยังเจอกันดีๆ ได้อีก ฮ่องเต้มีอำนาจกลับไร้คุณธรรม ไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องเข้าร่วมกับพวกเรา”
“พระบิดา ท่านมั่นใจเช่นนี้ว่าเขาจะต้องมาหรือ”
“ฮ่องเต้กับข้าเกิดมาจากแม่คนเดียวกัน เฝิงเยี่ยไป๋ข้าไม่รู้จัก พี่ชายของข้านี้ ข้ารู้จักดีเสียยิ่งกว่าอะไร”
ตอนที่ 412 แย่งความรักกับลูกชาย
การเดินทางของพวกเฝิงเยี่ยไป๋นั้น พริบตาเดียวก็ผ่านไปเดือนกว่าแล้ว ท้องของเฉินยางก็ค่อยๆ โตขึ้นมา ได้มีรูปร่างกลมโตแล้ว เพียงแต่ตัวนางเล็ก ท้องก็เป็นเพียงแค่ก้อนกลมเล็กๆ เวลาเดินต้องประคองเอวไว้ สามเดือนแล้ว ลูกคนนี้อยู่ในท้องแม่ก็ถือว่าสงบแล้ว ไม่ได้อ่อนแอเหมือนดั่งเมื่อก่อน สามารถทนความลำบากได้แล้ว เฉินยางก็ได้กินอาหารอย่างสงบเสียที ไม่ต้องกินคำหนึ่งอาเจียนคำหนึ่งแล้ว
ช่วงนี้เฝิงเยี่ยไป๋มักจะลูบท้องของนางแล้วถอนหายใจ พอมีเวลาว่างก็เอาหูแนบกับท้องของนางฟังเสียง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาเหมือนดั่งเด็ก สะกดความดีใจไม่อยู่ “สมแล้วที่เป็นลูกชายข้า กำลังออกหมัดอยู่ในท้องของเจ้าอยู่เลย!”
เฉินยางไม่ได้รู้สึกใดๆ นางตบท้องเบาๆ สองที ส่ายหน้าพูดพึมพำว่า “แขนขางอกออกมาแล้วหรือ ออกหมัด? ไฉนข้าถึงไม่รู้สึก”
เฝิงเยี่ยไป๋ย่อตัวลงจูบนาง “พวกเราสายเลือดสื่อถึงกัน ความรู้สึกล้วนอยู่ในใจ!”
เฉินยางยื่นมือผลักเขา “ท่านอย่ากดท้องของข้า จะกดเด็กแย่เอา”
“ข้าระวังอยู่ ไม่กดจนแย่เอาได้” เขาประคองนางให้นั่งลง “แม่ของลูกแข็งแรง ลูกที่อยู่ในท้องก็ย่อมแข็งแรง ล้อเล่นเท่านี้ ไม่ทำเอาเขาตกใจหรอก”
นางรู้สึกได้ถึงจุดประสงค์ของเขา จึงบิดตัวหนีออกจากอกของเขา เปลี่ยนเรื่องถามเขาว่า “พวกเราจะกลับไปเมื่อใด”
“พรุ่งนี้เช้าก็ไป” เขาขยับเข้าไปติดๆ “ข้าสั่งให้คนถอยออกไปหมดแล้ว เจ้าวางใจได้ ครั้งนี้จะไม่มีใครเห็น”
“ข้าไม่เอา!” นางเอามือปิดหน้าหลบริมฝีปากที่ลงมาดั่งเม็ดฝนของเขา “ท่านทำเขาแย่เอาจะทำอย่างไร ช่างเสียเถิด ไม่เช่นนั้น…”
นิ้วของเฉินยางเปิดเป็นร่อง เผยดวงตาที่เปล่งประกายอยู่ “ท่านก็ใช้มือตัวเองทำเถิด”
ครั้งก่อนนางตกใจแทบแย่ เขาไม่กล้าแตะนางอีก เพียงแต่อากาศที่ร้อนก็เหมือนดั่งไฟของผู้ชายที่ปะทุขึ้นมา ดวงตาก็ร้อน ทรมานจนต้องทุบเตียง นางทำเป็นไม่ได้ยิน สนเพียงหลับของนางต่อ ผ่านไปอยู่ครู่หนึ่ง ข้างหลังไม่มีความเคลื่อนไหว นางพลิกตัวมา ลืมตาก็เห็นเขากำลังใช้มือทำของตัวเอง นางเหลือบมองแล้วก็จำไว้ในใจ ครั้งต่อไปเขาขอร่วมหออีก ก็ให้เขาลงมือเอง นางจะได้สบาย นานวันก็รู้จักขี้เกียจแล้ว
ในใจเฝิงเยี่ยไป๋ทั้งร้อนรนทั้งเสียใจ ให้เขาใช้มืออยู่ตลอดได้อย่างไร มิน่าคนถึงพูดว่าเรื่องดีเรื่องร้ายอยู่คู่กัน ลูกชายมาแล้วเป็นเรื่องดี พวกเขาสามีภรรยาไม่อาจร่วมหอได้เป็นเรื่องร้าย เจ้าเด็กนี่ ตอนนี้ก็ผูกใจกับแม่ของเขาไว้เช่นนี้แล้ว เช่นนั้นหลังจากคลอดออกมาจะเป็นมากเพียงใด ภรรยาอยู่กับเขาตลอดเวลา ตัวเองไม่เสียความรักไปเลยหรือ
นึกถึงตรงนี้ก็เกิดความรู้สึกวิกฤตขึ้นมา เขากุมมือเฉินยาง ทำหน้าน่าสงสาร “เจ้าวางใจ ข้าจะระวังมากๆ จะไม่ทำให้เขาเจ็บ อย่างไรเสียก็เป็นลูกชายของข้า ข้าจะทำเขาเจ็บได้อย่างไร อีกอย่าง เจ้าจะให้ข้าใช้มืออยู่ทุกครั้งไม่ได้นะ”
หากผู้ชายตั้งใจจะเอาแต่ใจ ก็ไม่อาจทนความดื้อดึงของเขาได้ เขาขยับติดเข้ามาเหมือนดั่งเด็ก ศีรษะขยับเข้าไป เส้นผมอ่อนนิ่ม กวาดไปที่หน้าของนางเบาๆ ทั้งคันทั้งชา และร้องเสียงออดอ้อนอีกเล็กน้อย รับรองว่านางใจอ่อนทันที
เฉินยางถูกเขาจับจุดอ่อนได้ หัวใจก็ค่อยๆ อ่อนลง พูดด้วยความรู้สึกที่เหมือนดั่งจะปฏิเสธแต่ก็ต้อนรับเช่นนั้น สองคิ้วโค้งลงมา ถามเขาเสียงต่ำว่า “ท่านทรมานหรือ”
“เจ้าว่าอย่างไรเล่า ก็เหมือนวางเนื้อก้อนหนึ่งไว้ตรงหน้าเจ้าได้แต่ดูแต่กินไม่ได้ แถมเนื้อยังบอกเจ้าอีกว่าให้ตัวเองดูดนิ้วแก้ความอยาก เจ้าว่าทรมานหรือไม่ ข้าเป็นพระมาหลายเดือนแล้ว วันนี้อย่างน้อยก็ต้องให้ข้ากินเสียบ้างเถิด!”