ตอนที่ 383 ปัญหาเดียวกัน

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 383

ปัญหาเดียวกัน

“องค์จักรพรพดิไป๋ ไม่ได้พบกันเสียนานนะขอรับ”ชายคนหนึ่งในชุดหรูหราฟุ่มเฟือยพูดพลางเดินเข้ามาหาไป๋จูเหวินที่กำลังลงจากหลังของหลินหลิน

“ไม่ได้พบกันนานเลยจริงๆองค์จักรพรรดิอิน”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มบางๆ คราวนี้มันมางานฉลองของอาณาจักรอิน ทำให้ไป๋หลินและชินอี้ไม่ค่อยชอบใจเสียเท่าไหร่ แต่เพราะเป็นอาณาจักรข้างเคียงรัชทายาทของอาณาจักรไป๋ก็ต้องมาอยู่ดีไม่อย่างนั้นจะเสียมารยาทเกินไป

“เรื่องที่ข้าเสนอไปคราวก่อนองค์จักรพรรดิคิดว่าอย่างไรหรือขอรับ อินซินเองก็อายุ 5 ปีแล้ว ข้าอมรมนางมาอย่างดี รับรองว่าเมื่อเติบโตจะเป็นสตรีที่เก่งกาจและงดงามเปี่ยมไปด้วยมารยาทอย่างแน่นอนขอรับ”องค์จักรพรรดิอินว่าพลางยิ้มกว้าง เมื่อกองทัพอาณาจักรไป๋กลายเป็นทัพโด่งดังที่ว่ากันว่าไม่มีทางตีแตก อาณาจักรข้างเคียงจึงเลิกคิดจะทำสงครามหันมาผูกมิตรอย่างที่เห็น ทำให้เรื่องเสนอการหมั้นหมายหรือแม้แต่เสนอองค์หญิงให้มาเป็นสนมของตัวไป๋จูเหวินเองก็มีมาตลอด ครั้งนี้เองก็เช่นกัน องค์จักรพรรดิอาณาจักรอินเสนอบุตรสาวคนเล็กให้หมั้นหมายกับชินอี้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว จนตอนนี้ก็ยังไม่ล้มเลิกความพยายาม

“ข้าบอกท่านแล้ว เรื่องความรักข้าจะให้บุตรสาวบุตรชายข้าตัดสินใจเอง”ไป๋จูเหวินตอบด้วยคำตอบเดิม มันไม่คิดจะจับให้ลูกๆของตนเองไปแต่งงานกับคนที่มันเลือกแต่อย่างไร เพียงแต่คนที่ลูกของมันเลือกก็ต้องผ่านความพึงพอใจของมันอยู่บ้างเท่านั้น

“เช่นนั้นข้าเลยมาขอร้ององค์จักรพรรดิขอรับ วันนี้ให้องค์ชายไป๋ชินอี้ได้นั่งร่วมโต๊ะกับอินซินเสียหน่อยนะขอรับ”องค์จักรพรรดิอินว่าพลางยิ้มกว้าง มันขอหมั้นหมายไม่ได้ก็ต้องให้ทั้งสองได้มีโอกาสสนิทชิดเชื่อกันเท่านั้น มันกำชับบุตรสาวตนเองไว้แล้วว่าต้องพยายามเอาอกเอาใจชินอี้ให้มากที่สุด แม้จะเป็นเรื่องยากสำหรับเด็ก 5 ขวบที่จะทำตามคำสั่งนี้ก็ตาม แต่เพราะชินอี้เองก็เป็นเด็กหนุ่มรูปงามที่มีเสน่ห์ดึงดูดตั้งแต่เด็ก บุตรสาวเลยให้ความร่วมมือง่ายกว่าที่คิด

“ถ้าแค่นั้นก็ไม่มีปัญหา”ไป๋จูเหวินถอนหายใจ เพราะถึงตอบปฏิเสธไปจักรพรรดิอาณาจักรอินก็หาทางเอาที่นั่งของชินอี้ไปใกล้บุตรสาวของมันอยู่ดี

“ไป๋หลิน ยิ้มหน่อยสิลูก”เหม่ยหลินพูดพลางกุมมือของบุตรสาวที่พึ่งลงมาจากหลังของหลินหลินเช่นกัน แม้ก่อนหน้านี้ไป๋หลินจะพนันกับองค์ชายอินสิงไปแล้ว และได้รางวัลมาเป็นการไม่พบหน้ากันอีก แต่ดูเหมือนองค์ชายอินสิงจะหน้าด้านกว่าที่คิด แค่ปีเดียวก็หาข้ออ้างมาขอพบไป๋หลินอีก สุดท้ายการพนันนั้นก็ไร้ความหมายไปในช่วงหลายปีมานี้ แถมชินอี้เองยังเริ่มเจอปัญหาแบบเดียวกับไป๋หลินแล้วอีกต่างหาก เลยยิมตัวชินอี้มากันท่าพวกผู้ชายไม่ค่อยได้แล้ว

“เจ้าค่ะ”ไป๋หลินตอบพลางถอนหายใจออกมา ยามนี้ไป๋หลินอายุครบ 20 ปีแล้ว โตเป็นสาวเต็มตัว ยิ่งนางเดินคู่มากับมารดาของนางยิ่งสร้างความตื่นตาให้กับแขกผู้มาเยือน ไม่ว่าจะไปงานไหน ได้พบผู้คนบ่อยเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนผู้คนจะยังไม่เคยชินกับความงามของสองแม่ลูกคู่นี้เสียที

“องค์หญิง อย่าลืมยิ้มสิขอรับ”ชิงชิวว่าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ พอได้ทราบข่าวว่าต้องไปที่อาณาจักรอินไป๋หลินก็หน้างอมาตลอดทาง แม้จะอายุ 20 แล้วแต่นางก็ยังมีนิสัยเหมือนเดิมไม่มีผิด

“อย่าให้มีคนมารุมขอพี่ชิวบ้างแล้วกัน”ไป๋หลินว่าพลางยิ้มออกมาตามหน้าที่ เพียงเท่านั้นรอบข้างก็เหมือนจะยิ่งตื่นเต้นเมื่อองค์ชายชินอี้ในวัย 8 ปีกระโดดลงมาจากหลังของหลินหลินเช่นกัน ยามนี้ตัวชินอี้ฝึกพลังวิญญาณได้ในระดับหนึ่งแล้ว แต่ไม่ทราบทำไมตัวชินอี้ไม่สามารถฝึกวิชาได้ราบรื่นนัก ทำให้พลังวิญญาณยามนี้สู้ไป๋หลินที่เริ่มฝึกวิชาเทพประสานมา 5 ปีแล้วไม่ติด

“องค์ชายไป๋ชินอี้ ยินดีที่ได้พบเจ้าค่ะ”เดินเข้าไปในวังได้ไม่นาน เด็กหญิงคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาชินอี้ พลางประสานมือคารวะด้วยท่าทีนอบน้อม ตัวนางนั้นแม้จะพึ่งอายุ 5 ปี แต่นางก็มีความน่ารักของเด็กผู้หญิงอย่างเต็มเปี่ยม ชนิดที่ว่าหากยิ้มออกมาก็เหมือนกับได้เห็นทุ่งดอกไม้ที่บานสะพรั่งไม่มีผิด อินซินนั้นนับได้ว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักน่าชัง และคาดหวังความงามในภายภาคหน้าได้อย่างเหลือเฟือ

“…..”ชินอี้ไม่ตอบ ตัวมันเพียงเดินอยู่ข้างๆพี่สาวเท่านั้นไม่ได้หันไปสนใจอินซินเลยแม้แต่น้อย

“องค์หญิงไป๋หลิน ยินดีต้อนรับ”น้องสาวยังไม่ทันได้คุยกับชินอี้ พี่ชายของนางก็เดินเข้ามาหาไป๋หลินเสียแล้ว ทำเอาไป๋หลินแทบจะหุบยิ้ม

“…..”ทั้งไป๋หลินทั้งชินอี้เมินสองพี่น้องราชวงศ์อินกันอย่างพร้อมเพียง ทำเอาทั้งอินซินและอินสิงหน้าเสียไปนิดหน่อย

“ไป๋หลิน ชินอี้…”เหม่ยหลินพูดเบาๆพลางมองบุตรชายและบุตรสาวของตน ทำเอาทั้งสองสะดุ้งโหยง

“ไม่ได้พบกันนานเลยนะเจ้าคะ องค์ชายอินสิง”ไป๋หลินฝืนยิ้มพลางประสานมือทักทายอินสิงอย่างช่วยไม่ได้

“ข้าเองก็ยินดีที่ได้พบเช่นกัน”ชินอี้ว่าพลางหันไปยิ้มบางๆให้อินซิน ก่อนจะหันไปมองเหม่ยหลินผู้เป็นมารดาครู่หนึ่ง

“ลำบากจริงๆเลยนะขอรับ”ชิงชิวหัวเราะพลางเดินตามไป๋หลินไปในลานพิธี

“เจ้าเองก็ระวังตัวไว้เถอะ สาวๆในงานก็จ้องเจ้าอยู่เหมือนกันนะ”ไป๋ไป่ว่าพลางตบบ่าชิงชิวเบาๆ

“อะไรนะขอรับ”ชิงชิวกระพริบตาปริบๆพลางมองไปรอบๆ แม้สายตาของหญิงสาวในห้องส่วนใหญ่จะมองไปทางไป๋ชินอี้ แบไป๋จูเหวิน แต่ก็มีบางส่วนมองมาทางชิงชิวเช่นกัน แม้สองพ่อลูกราชวงศ์ไป๋จะเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม แต่คู่แข่งก็สูงและอัตราความสำเร็จก็ต่ำเสียเหลือเกิน ทำให้บางคนก็เพ่งเล็งมาที่องครักษ์หนุ่มขององค์หญิงเสียตาเป็นมัน พวกนางไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์กันเสียทั้งหมด เพราะในงานเองบุตรสาวของขุนนางก็ต้องมาเข้าร่วม การเล็งองค์ชายชินอี้ที่อายุน้อยกว่าก็ไม่เหมาะ จะเล็งไป๋จูเหวินก็เกินเอื้อม แม้จะไม่ใช่เชื้อพระวงศ์แต่ชิงชิวที่เป็นถึงองครักษ์ประจำกายองค์หญิงก็เป็นตำแหน่งที่สูงพอสมควร หากได้แต่งงานด้วยชีวิตคงสบายกว่าเป็นลูกสาวขุนนางในอาณาจักรเล็กๆเสียอีก

“ก็ ตามนั้นล่ะ”ไป๋ไป่หัวเราะพลางเดินตามไป๋หลินไปคนเดียว ท่าทางปัญหาเรื่องคู่หมั้นหมายจะลามมาถึงผู้ติดตามของราชวงศ์ไป๋เสียแล้ว

“เจ้าเองก็น่าจะหาคู่ครองบ้างได้แล้วนะ ตอนนี้เจ้าอายุ 23 แล้วไม่ใช่หรือ”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองมาทางชิงชิว

“เอ่อ…ข้ายังไม่ได้คิดเอาไว้เลยขอรับ”ชิงชิวตอบพลางหลบสายตาไป๋จูเหวิน วันๆมันอยู่แต่ในวังกับเดินทางตามไป๋หลินไปไหนต่อไหน มันไม่มีเวลาไปอยู่กับหญิงสาวคนไหนหรอก

“สักวันมันก็จะมาเองนั่นล่ะ”ไป๋จูเหวินตอบพลางหัวเราะเบาๆ

“ขะ ขอรับ”ชิงชิวยิ้มเจื่อนๆพลางมองไปทางไป๋หลินอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่พอสบตากันไป๋หลินกลับทำสีหน้าไม่พอใจก่อนจะหันไปมองทางอื่นเสียอย่างนั้น

.

.

“องค์ชาย การแสดงของเราเป็นอย่างไรเจ้าคะ”อินซินถามพลางมองไปทางไป๋ชินอี้ แม้จะยังเด็กแต่ชินอี้ก็หล่อเหลาไม่น้อย ทำให้อินซินยินดีอย่างมากที่จะทำตัวสนิทสนมกับองค์ชาย

“ธรรมดา…”ชินอี้ตอบเสียงเรียบเหมือนไม่ค่อยพอใจ ก็ช่วยไม่ได้หรอกเพราะอินซินซักไซ้ถามชินอี้ตลอดเวลาจนมันเริ่มรำคาญเสียแล้ว

“แล้วอาหารล่ะเจ้าคะ”อินซินเหมือนไม่สนใจน้ำเสียงห้วนๆของชินอี้ นางถามพลางยิ้มหวานอีกรอบ

“ธรรมดา…”ชินอี้ตอบคำเดิมน้ำเสียงเดิมเป๊ะเหมือนเสียงที่บันทึกเอาไว้ ท่าทางมันจำเริ่มรำคาญมากเสียแล้ว

“ชินอี้ ไปเดินเล่นข้างนอกกับพี่ไหม”ไป๋หลินที่โดนอินสิงพยายามขอคุยด้วยเช่นกันถามพลางมองมาทางน้องชายเหมือนจะขอความช่วยเหลือ

“ขอรับ”ชินอี้ว่าพลางลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะอย่างกับรีบร้อนจะไปเดินเล่นเสียให้ได้ เพียงแต่

“ข้าไปด้วยเจ้าค่ะ”อินซินพูดพลางลุกตามชินอี้มา ทำเอาชินอี้หน้าเบ้ทันที

“องค์หญิงอินซิน”ชินอี้พูดน้ำเสียงจริงจังพลางมองมาทางอินซิน

“เจ้าคะ”อินซินยิ้มหวานก่อนจะเดินเข้ามาหาชินอี้เหมือนไม่เห็นท่าทีไม่อยากคุยของชินอี้

“ข้าทราบอยู่แล้วว่าเจ้าอยากจะเป็นคู่หมั้นของข้า”ชินอี้ว่าพลางเดินเข้าไปหาอินซินด้วยตนเอง แม้จะยังเด็กแต่ชินอี้ก็อยู่ในราชวงศ์มาตั้งแต่เด็ก อินซินไม่ใช่คนแรกและคนเดียวที่พยายามจะขอหมั้นหมายกับชินอี้

“เจ้าค่ะ ข้า…”อินซินหน้าแดงพลางหลบสายตาชินอี้ไป ไม่นึกว่าชินอี้จะพูดออกมาตรงๆแบบนี้

“แต่ข้าคงต้องขอปฏิเสธเจ้า”ได้ยินชินอี้พูดออกมาแบบนั้น อินซินก็เหมือนจะร้องไห้ออกมาทันที

“ทำไมล่ะเจ้าคะ ข้าไม่ดีตรงไหน”ได้ยินอินซินถามชินอี้ก็ถอนหายใจออกมา

“เจ้าไม่สวย”คำพูดดของชินอี้ทำเอาอินซินงงทันที ตลอดมาไม่ว่าใครก็ว่านางเป็นเด็กหญิงที่น่ารักน่าเอ็นดู ไม่เคยมีใครว่านางไม่สวยเลยแม้แต่คนเดียว

“อย่างน้อยคู่หมั้นของข้าก็ต้องสวยเหมือนพี่หญิงเสียก่อน”ชินอี้ว่าพลางมองไปทางไป๋หลิน แม้อินซินจะน่ารัก แต่เมื่อเทียบกับไป๋หลิน หรือแม้แต่ไป๋หลินในสมัยที่อายุเท่าอินซิน ไป๋หลินก็ย่อมน่ารักกว่าเป็นไหนๆ เอานางไปเทียบกับไป๋หลินแบบนี้ออกจะน่าสงสารอินซินไปเสียหน่อย มันเหมือนกับเอาทองเหลืองชิ้นงามมาเทียบกับทองคำไม่มีผิด

“แต่นางเป็นพี่สาวท่านนะเจ้าคะ”อินซินว่าพลางยิ้มเจื่อนๆ

“ข้าไม่ได้บอกว่าต้องเป็นพี่สาวข้าเสียหน่อย ข้าแค่บอกว่าต้องงามให้เท่านาง นิสัยดีเหมือนนาง แล้วก็ใจดีกับข้าเหมือนนาง”ชินอี้ว่าพลางเดินเข้ามากอดไป๋หลินเสียอย่างนั้น ทำเอาอินซินแทบจะร้องไห้ออกมา

“หากยังดีไม่เท่าพี่หญิงของข้า ข้าก็ไม่คิดจะรับใครมาเป็นคู่หมั้นหรอกนะ”พูดจบชินอี้ก็ดันตัวไป๋หลินที่ยังอึ้งอยู่เมื่อเห็นน้องชายตอบปัดองค์หญิงอินซินไปตรงๆแบบนั้น หรือนางเองก็ควรบอกปัดองค์ชายอินสิงไปแบบนั้นบ้าง แต่ท่าทางจะไม่ค่อยได้ผล เพราะถึงขนาดพนันกันว่าจะไม่ให้มาพบหน้าอีก มันยังหน้าด้านมาพบอีกจนได้