ตอนที่ 384 ช่วยเหลือเพื่อนบ้าน

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 384

ช่วยเหลือเพื่อนบ้าน

“ไป๋จูเหวิน”ภายในวังหลวงของอาณาจักรไป๋ อยู่ๆร่างของเพิร์ลผู้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนไป๋จูเหวินไม่มีผิดก็พุ่งตัวเข้ามาในท้องพระโรงด้วยท่าทีรีบร้อน

“เพิร์ล..มีเรื่องอะไรงั้นหรือ”ไป๋จูเหวินถามเมื่อเห็นสหายคนนี้มีท่าทางแปลกๆ หากไม่มีเรื่องอะไรผิดปกติมันคงไม่รีบร้อนมาแบบนี้แน่ๆ

“ขอโทษด้วย ข้าคงต้องกลับไปที่ไชน์ก่อน”เพิร์ลตอบพลางยื่นจดหมายที่รูบี้ฝากมาให้ไป๋จูเหวินดู

“นี่มัน…”ไป๋จูเหวินเลิกคิ้วด้วยความตกใจ อาณาจักรไชน์ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเพิร์ลกำลังจะทำสงคราม แม้อาณาจักรไชน์กับอาณาจักรข้างเคียงจะสู้รบกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ก็มีเพียงการสู้รบเล็กๆเท่านั้น ยื้อแย่งผืนดินกันทีละนิดไม่ได้คืบหน้ามาหลายสิบปีแล้ว แต่เนื้อหาจดหมายที่รูบี้ส่งมากลับบอกว่ามีอาณาจักรหนึ่งบุกยึดอาณาจักรอื่นๆตั้งแต่ตะวันออกจนถึงตะวันตก พวกมันมีกองทัพที่แข็งแกร่งและน่ากลัวมาก เกรงว่าอาณาจักรไชน์จะยื้อไว้ได้ไม่เกิน 2 เดือนเท่านั้น

“ต้องขอโทษด้วย ทั้งๆที่ยังมีงานเหลืออยู่แท้ๆ แต่ข้าต้องกลับไปปกป้องบ้านเกิด”เพิร์ลว่ากำหมัดแน่น ก่อนหน้านี้ไชน์ไม่มีข่าวเรื่องสงครามใหญ่เลย ทำให้พวกมันไปกลับระหว่างอาณาจักรไชน์และไป๋โดยไม่ต้องกังวลอะไร แต่คราวนี้บ้านเกิดมีภัยมันเองก็ต้องกลับไปช่วยเหลือเช่นกัน

“แล้ว…เจ้าอยากจะให้อาณาจักรไป๋ไปช่วยอาณาจักรไชน์หรือไม่”ไป๋จูเหวินถามพลางมองไปทางเพิร์ลด้วยท่าทีจริงจัง ความสัมพันธ์ของอาณาจักรไป๋และไชน์แม้จะอยู่คนละข้ามฝั่งทะเล แต่ก็เป็นมิตรกันเพราะมีเพิร์ลและรูบี้เป็นทูตของอาณาจักรไชน์อยู่ที่นี่ เมื่อมิตรเจอศึกไป๋จูเหวินก็ต้องไปช่วยเป็นธรรมดา

“ข้าไม่มั่นใจว่ากองทัพของอีกฝ่ายแข็งแกร่งแค่ไหน…แต่หากได้พวกเจ้าไปช่วยสงครามคราวนี้ก็มีหวังมากกว่าเดิมแน่ๆ”เพิร์ลตอบพลางยิ้มออกมาอย่างโล่งอก การที่เพิร์ลมาบอกไป๋จูเหวินด้วยตัวเองเช่นนี้ ตัวมันก็หวังว่าไป๋จูเหวินจะยื่นมือช่วยอยู่แล้ว แต่ถึงอีกฝ่ายจะไม่ช่วยมันก็ไม่คิดจะต่อว่าแต่อย่างไร

“ทุกท่าน ได้ยินแล้วใช่หรือไม่ จัดทัพให้พร้อมพวกเราจะไปช่วยอาณาจักรไชน์กัน”ได้ยินที่ไป๋จูเหวินพูด เหล่าขุนนางรวมทั้งขุนพลต่างมีท่าทีตื่นเต้นเป็นอย่างมาก นอกจากจะเป็นสงครามที่ไม่ได้ทำมานานมากแล้ว พวกมันยังได้ข้ามน้ำข้ามทะเลไปช่วยอาณาจักรไชน์ที่อยู่ไกลโพ้นอีกต่างหาก

“จื่อหนิง เตรียมอสูรบินให้พร้อม พวกเราจะต้องเดินทางไกล”ขุนนางคนหนึ่งพูดพลางเตรียมตัวออกเดินทางแทบจะทันที ทำเอาในท้องพระโรงมีท่าทีวุ่นวายกันไปหมด

“พี่ชิว พี่ไป๋ไป่ เดินทางไปอาณาจักรไชน์ล่ะ”ไม่นานข่าวก็ไปเข้าหูบุตรสาวของไป๋จูเหวินเข้า ทำให้นางรีบมาบอกชิงชิวและไป๋ไป่ทันที นางไม่ได้เดินทางไปอาณาจักรไชน์มาพักใหญ่แล้ว ทำให้ไป๋หลินมีท่าทีดีใจมากทีเดียว

“พี่หญิง อาณาจักรไชน์น่าสนใจหรือขอรับ”ชินอี้ถามพลางมองมาทางพี่หญิงของตนที่มีท่าทีดีอกดีใจมาก

“มันต่างจากเมืองในอาณาจักรรอบๆมากเลย เหมือนกับไปคนละโลกเลยล่ะ”ไป๋หลินยิ้มพลางเลือกเอาชุดที่อยู่ในตู้เก็บลงมิติของตนเองอย่างอารมณ์ดี

“ไป๋หลิน เราไม่ได้ไปเที่ยวกันนะลูก”เหม่ยหลินเตือนเมื่อเห็นไป๋หลินมีท่าทีดีอกดีใจเกินไป ตอนนี้บ้านเกิดของเพิร์ลกำลังมีภัย การทำตัวเหมือนจะไปเที่ยวแบบนี้อาจจะทำให้เพิร์ลไม่พอใจได้

“เจ้าค่ะ….”ไป๋หลินว่าพลางเก็บท่าทีกระตือรือร้นของตนเองไป แต่ถึงอย่างนั้นมือก็เลือกหยิบของที่จะเอาไปไม่หยุด

.

.

วูบ….. ใช้เวลาไม่กี่วัน กองทัพของอาณาจักรไป๋ก็บินข้ามทะเลมาถึงอาณาจักรไชน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งรูบี้ทั้งเพิร์ลเองต่างมั่นใจกับกองทัพของอาณาจักรไป๋มากว่าจะสามารถช่วยเหลืออาณาจักรไชน์ได้อย่างแน่นอน เพียงแต่…..

“เพิร์ล…”รูบี้พูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว จดหมายที่รูบี้ได้รับกว่าจะเดินทางมาถึงรูบี้ก็ใช้เวลาหลายวัน รวมกับเวลาที่กองทัพอาณาจักรไป๋เดินทางมาที่ไชน์ด้วยก็รวมเวลาแล้วเกือบๆ 20 วันได้ แต่ภาพที่เห็นตรงหน้ากลับทำให้รูบี้พูดอะไรไม่ออก

“…….”ยามนี้ไป๋หลินไม่เหลือท่าทีกระตือรือร้นตอนแรกอีกแล้ว นางมองสภาพเมืองหลวงของอาณาจักรไชน์ด้วยดวงตาตื่นตะลึง แม้จะยังไม่แตกพ่าย แต่ทัพของอีกฝ่ายก็จ่อเข้ามาที่กำแพงเมืองแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นภายในเมืองก็มีความเสียหายหนักหลายจุดจากเครื่องยิงหินและอาวุธระยะไกล

“บุก”ไป๋จูเหวินเห็นภาพตรงหน้าก็พูดออกมาพร้อมกระโดดลงจากหลังของน้าไก่ฟ้าทันที

ตูม!!! ไม่พูดพร่ำทำเพลงทั้งไป๋จูเหวินทั้งเหม่ยหลินใช้กระบวนท่าปักษาข้ามสมุทรโถมเข้าโจมตีแนวหน้าของข้าศึกทันที ไม่จำเป็นต้องเล็กเพราะกองทัพของอาณาจักรไชน์โดนตีล้อมจนถอยเข้าเมืองหมดแล้ว ที่หน้าเมืองมีแต่กองทัพของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น

“เกิดอะไรขึ้น”ทันทีที่เห็นยอดฝีมือสองคนกระโดดลงมาโจมตีจากท้องฟ้า ทัพของข้าศึกก็เกิดความแตกตื่นทันที

“น่าจะเป็นกองหนุนของอีกฝ่ายขอรับ”ชายคนหนึ่งรายงานพลางมองไปทางไป๋จูเหวินและเหม่ยหลิน แม้จะมีเพียง 2 คนแต่ก็ทำเอาทัพหน้าของมันแตกกระเจิง ทั้งๆที่ทัพหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยชนชั้นยอดฝีมือแท้ๆ

“ต้านมันเอาไว้ ยังไงมันก็มีแค่สอง….”พูดยังไม่ทันจบ ร่างของเหล่าอสูรบินก็พุ่งทะยานลงมาจากชั้นเมฆทำเอาเหล่าทหารของข้าศึกรวมทั้งคนของอาณาจักรไชน์มองกันตาค้าง

ตูม!!! เหล่าอสูรระดับสูงทิ้งตัวลงมาพร้อมโจมตีทันที โดยเฉพาะทัพของอสูรเต่าที่แทบจะกลายร่างเป็นอสูรยักษ์ตั้งแต่บนฟ้า แล้วทิ้งตัวลงมาถล่มเสียพื้นสะเทือน

“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น”ทหารที่อยู่ด้านหลังเบิกตากว้างมองเหล่าอสูรที่พากันออกมาโจมตีราวกับนรกแตกด้วยท่าทีหวาดหวั่น

“ไม่…ไม่ทราบขอรับ”ชายคนหนึ่งพูดพลางมองภาพตรงหน้า กองทัพของพวกมันบุกเมืองมานักต่อนัก ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ไม่ใช่แค่อสูร ในกองทัพของอีกฝ่ายมีมนุษย์อยู่ด้วยเช่นกัน นับเป็นเรื่องแปลกมากที่เห็นอสูรและมนุษย์สู้ร่วมกันเช่นนี้

“ไปรายงานองค์จักรพรรดิ”ชายที่เหมือนจะเป็นขุนพลพูดพลางลุกขึ้นยืน

“ไปรายงานว่าทัพของเราเสียท่า”พูดจบขุนพลก็คว้าดาบใหญ่ข้างตัวกระโจนออกไปข้างหน้า มันเองก็เป็นขุนพลมีฝีมือ มองครู่เดียวก็ทราบแล้วว่าทัพของมันกำลังจะแตก

“ท่านขุนพล..”นายทหารที่ได้รับคำสั่งเบิกตากว้างมองไปทางขุนพลที่กระโจนเข้าไปร่วมรบเสียแล้ว

“ชินอี้ เจ้าอยู่บนนี้นะ”ไป๋หลินว่าพลางกระโดดตามพวกอสูรลงไป เพราะบนหลังของน้าไก่ฟ้ายังมีชินอี้อยู่ น้าไก่ฟ้าเลยยังไม่ลงไปร่วมสู้ด้วยแต่อย่างไร

“พี่หญิง ข้าจะไปด้วย”ชินอี้ว่าพลางทำท่าจะกระโดดตามไป แต่ชิงชิวที่อยู่ด้านหลังห้ามเอาไว้ก่อน

“องค์ชาย ข้างล่างอันตรายเกินไป ท่านรออยู่ข้างบนดีกว่าขอรับ”ชิงชิวว่าพลางมองไปทางไป๋ไป่ที่เตรียมกางปีกออกบินแล้ว

“ท่านไก่ฟ้า พาองค์ชายไปที่ปลอดภัยด้วยขอรับ”ชิงชิวกระโดดตามไป๋หลินลงไปข้างล่างทันทีที่พูดจบ ก่อนที่ไป๋ไป่เองจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเช่นกัน ทำให้บนหลังของน้าไก่ฟ้าเหลือเพียงชินอี้คนเดียวเท่านั้น

ฟุบ… ร่างของไก่ฟ้าหงอนทองทะยานกลับเข้ามาในเมืองหลวงของอาณาจักรไชน์ทันที ก่อนจะคืนร่างมนุษย์พาชินอี้ลงไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรไชน์ช้าๆ

“ท่านน้า ข้าเองก็อยากจะช่วยด้วยนะขอรับ”ชินอี้ว่าพลางมองสภาพการสู้รบด้านนอก

“ไม่ต้องห่วง ศึกนี้พวกเราไม่น่าจะเสียหายมาก เจ้าเข้าไปในวังหลวงกับข้าแล้วไปบอกสถาณการณ์ให้จักรพรรดิของอาณาจักรไชน์ได้ทราบก่อน”ไก่ฟ้าหงอนทองพูดจบก็พาชินอี้ที่เหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจนักเข้าไปในวังหลวงเพื่อรายงานเรื่องทัพช่วยเหลือของอาณาจักรไป๋ให้องค์จักรพรรดิไชน์ทราบ

ตูม!!! ดาบใหญ่ในมือของขุนพลข้าศึกกวาดเอาเหล่าอสูรหลายตนถอยไปหลายก้าวทีเดียว ทำเอาเหล่าอสูรที่อยู่ระดับเทียบเท่ายอดฝีมือต่างมองมาทางมันด้วยท่าทีตื่นตกใจ

“ถอย”ขุนพลของฝั่งข้าศึกพูดพลางกำดาบแน่น ศึกครั้งนี้อีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก แม้จะสัมผัสพลังของพวกอสูรไม่ได้ แต่ลำพังผู้นำของอีกฝ่ายอย่างไป๋จูเหวิน กับหญิงสาวข้างกายอย่างเหม่ยหลินก็น่าเกรงขามไม่น้อยแล้ว

“ถอยยยย”เหล่าทหารต่างประสานเสียงกันเพื่อกระจายคำสั่งของท่านขุนพล แม้จะเสียคนฝั่งตนเองไปมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรเหล่าอสูรไม่ได้เลย ความเสียหายที่อาณาจักรไป๋ได้รับจากการปะทะกันเมื่อครู่มากกว่าตอนบุกอาณาจักรกู่เสียอีก

“อย่าให้หนีไปได้”ทู่เยว่ตะโกนพลางพุ่งตัวเข้าไปโจมตีเหล่าทหารข้าศึกอย่างรวดเร็ว

เปรี้ยง!!! ยังไม่ทันถึงตัวอีกฝ่าย ขุนพลของข้าศึกก็หวดดาบใส่ร่างของทู่เยว่อย่างแม่นทำ ทำให้ทู่เยว่ถึงกับอยุดการโจมตีลงได้

“ไอ้พวกปีศาจ”ขุนพลข้าศึกกัดฟันกรอดก่อนจะปัดดาบโจมตีใส่ทู่เยว่อย่างรุนแรง แต่เพราะนางมีความเร็วเหนือกว่ามากทำให้การโจมตีของอีกฝ่ายเข้าไม่ถึงตัว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ถ่วงเวลาทู่เยว่เอาไว้ได้

วี๊ดด….เสียงกรีดอากาศดังมาจากบนฟ้าทำให้ขุนพลข้าศึกต้องหันขึ้นไปทองทันที

“หอก?”ดวงตาของมันเบิกกว้างเมื่อเห็นหอกสีขาวพุ่งเข้ามาใส่มัน แต่หอกที่พุ่งเข้ามามีขนาดใหญ่มากจนไม่คิดว่าจะมีใครสามารถปามาได้

เปรี้ยง!!! หอกสีขาวกระแทกใส่ร่างของขุนพลข้าศึกอย่างจัง ทำเอาดาบใหญ่ในมือของมันหักไม่เหลือชินดี พร้อมร่างของมันที่โดนกระแทกลอยไปด้านหลังหลายร้อยเมตร

“เหลือเชื่อ มันรับการโจมตีของท่านไป๋ไป่ได้”เหล่าอสูรมีท่าทีแตกตื่นมากกว่าดีใจเสียอีก เพราะหอกสีขาวเมื่อครู่คือไป๋ไป่ที่พุ่งโจมตีด้วยความเร็วและใช้ปีกทั้ง 6 ข้างม้วนรวมกันเป็นหอกนั่นเอง นั่นหมายความว่าเมื่อครู่ขุนพลของฝั่งตรงข้ามรับการโจมตีของอสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 2 ได้นั่นเอง

“อัก…”ขุนพลข้าศึกกระอักเลือดออกมาพลางมองไปทางมังกรสีขาวตรงหน้า ไม่ใช่แค่ดาบ แม้แต่เกราะบนตัวมันยังแตกกระจายหลังจากรับการโจมตีของมังกรขาวไป แม้แต่ตัวมันเองยังรู้สึกเจ็บปวกไปทั้งตัว การโจมตีแบบนี้รุนแรงมากจนน่ากลัวเลยทีเดียว

“ถอยกลับให้หมด”ขุนพลที่บาดเจ็บหนักพูดพลางพุ่งตัวหนีออกไปจากสนามรบทันที ยามนี้ทหารของฝั่งตรงข้ามแตกกระจาย บ้างหนีได้ บ้างก็หนีไม่ได้

“อากกก”ร่างของทหารคนหนึ่งล้มลงนอนกับพื้นก่อนที่ร่างของชิงชิวจะปรากฏขึ้นเหนือศพของมัน แม้อีกฝ่ายจะเป็นชนชั้นยอดฝีมือ แต่หากโจมตีตอนเผลอที่จุดตาย ชิงชิวในยามนี้ก็สามารถจัดการอีกฝ่ายได้เช่นกัน แต่ชิงชิวกลับไม่ได้สนใจผลงานของตนเองเลย มันเพียงมองไปทางไป๋หลินเท่านั้น

“พี่ชิว มีอะไรเหรอ”ไป๋หลินถามเมื่อเห็นชิงชิวมองมาทางตน ยามนี้ในมือของนางมีกระบี่อยู่ 2 เล่ม หนึ่งข้างใช้วิชากระบี่ราชวงศ์ชิน อีกข้างใช้วิชากระบี่ท่องแดนอสูร ผสมกับวิชาน้ำแข็งของมารราคะ ทำให้ยามนี้รอบตัวไป๋หลินปรากฏศพทหารระดับยอดฝีมือเป็นจำนวนมากนอนเรียงรายอยู่เต็มไปหมด แม้ชิงชิวจะประหลาดใจกับตนเองที่สามารถสู้กับยอดฝีมือได้แล้ว แต่กลับประหลาดใจกับไป๋หลินมากกว่าจริงๆ

“องค์หญิง ที่แก้มขอรับ”ชิงชิวว่าพลางชี้ไปที่แก้มของไป๋หลิน การสู้รบวันนี้ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ไป๋หลินลงมากลางสนามรบทั้งๆที่ยังสวมชุดขาวอยู่เลย แต่หลังจบสงครามตัวนางกลับมีเลือดเปื้อนอยู่ที่แก้มเพียงจุดเดียวเท่านั้น

“ตรงนี้เหรอ”ไป๋หลินว่าพลางยกแขนเสื้อขึ้นมาหมายจะเช็ดเลือดที่ติดอยู่ตรงแก้ม

“อย่าใช้แขนเสื้อสิขอรับ”ชิงชิวทำหน้าเหนื่อยใจก่อนจะจับแขนของไป๋หลินเอาไว้ไม่ให้นางเอาแขนเสื้อขึ้นเช็ดเลือด เสื้อผ้านางอุตส่าห์ไม่เปื้อนเลยแท้ๆ เจ้าตัวกลับจะเอาไปเช็ดเลือดให้เปื้อนเองเสียอย่างนั้น

แปะ…ชิงชิวเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากมิติของตนเอง พลางเช็ดเลือดบนใบหน้าของไป๋หลินออกช้าๆ ทำเอาไป๋หลินหน้าแดงนิดๆอย่างเห็นได้ชัด

“ขอบคุณเจ้าค่ะพี่ชิว”ไป๋หลินว่าหลางหลบตาชิงชิวไป