บทที่ 459 จุดเริ่มต้นของความโกลาหล

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 459 จุดเริ่มต้นของความโกลาหล
ภายในหอประชุมแสงพิสุทธิ์ นครศักดิ์สิทธิ์แลนซ์

โลกทั้งใบสั่นสะเทือนเล็กน้อย พระคาร์ดิดัลในที่นั้นต่างรู้สึกได้ บนท้องฟ้าอันสดใส ปรากฏภาพอันพร่าเลือนของโลกใหม่ที่ดูแปลกตาแต่ก็คุ้นเคยในเวลาเดียวกัน

มันคือมิติที่พวกเขาตามหามาตลอดสามปี มิติที่อัลเทอร์นาและสิ่งมีชีวิตลึกลับร่วงลงไป

“ใครบางคนพบมันแล้ว” อนาสตา นักบุญอีกท่าน หรี่ตาลงพลางเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบภายในหอประชุมแสงพิสุทธิ์ “โลกใบนี้ดูจะพิเศษไม่น้อย การปรากฏตัวของมันสร้างความปั่นป่วนมากเกินไป ตอนนี้เราจึงระบุตำแหน่งได้ชัดเจน… มันคืออีกหนึ่งการแข่งขันที่ยุติธรรม”

ทุกคนในที่นั้นหันกลับไปมองพระสันตะปาปา รอคอยคำสั่งต่อไปของท่าน พวกเขาควรจะยึดตามแผนเดิม หรือควรเปลี่ยนเป้าหมายเป็นมิติที่เพิ่งค้นพบใหม่ เพื่อค้นหาอัลเทอร์นาที่กำลังบาดเจ็บและสิ่งมีชีวิตลึกลับดีเล่า

นอกเหนือจากพระคาร์ดินัลหลวงสองคนที่ดูท่าทางสงบนิ่งและไม่แย่แส คนที่เหลือต่างมีท่าท่างตื่นเต้น สำหรับพวกเขาแล้ว ย่อมเลือกอย่างหลังแน่นอน!

ลูเซียน อีวานส์ สำคัญหรือไม่นั้น แน่นอน นี่หาใช่ครั้งแรกที่ลูเซียน อีวานส์ นำความเสียหายมาสู่ศาสนจักร และพวกเขาต่างรู้ดีว่ามีความเป็นไปได้มากที่ลูเซียน อีวานส์ จะได้เป็นมหาจอมเวทและนักเวทระดับตำนานคนต่อไปในช่วงวัยสามสิบหรือสี่สิบปี หากว่าพวกเขาไม่ยุ่งกับลูเซียน อีวานส์ เขาก็จะเติบโตและกลายเป็นภัยร้ายต่อศาสนจักร

ทว่า เมื่อเทียบกับความลับที่ซ่อนอยู่ของอัลเทอร์นาและสิ่งมีชีวิตลึกลับ ความสำคัญของลูเซียน อีวานส์ จึงลดน้อยลง หากว่าพวกเขาจับอัลเทอร์นาและสิ่งมีชีวิตลึกลับมาและได้ค้นพบความลับของพวกนั้น สิ่งที่จะได้รับย่อมประเมินค่ามิได้สำหรับศาสนจักร พระสันตะปาปา และทุกๆ คน!

พระสันตะปาปาทุกคนก่อนหน้าต่างนึกหวังอยากเป็นอมตะอย่างอัลเทอร์นา อย่างที่ว่ากันไว้ว่า ‘อมตะนิรันดร์คือจันทราสีเงิน อมตะนิรันดร์คือพระเจ้าแห่งจันทรา’ ทว่า เพราะพลังของพวกเขามาจากพระเจ้าแห่งสัจธรรม พวกเขาจึงไม่อาจยืดเวลาชีวิตด้วยเวทมนตร์และน้ำยาวิเศษ ดังนั้น ห้าร้อยปีจึงถือเป็นขีดจำกัดของพวกเขาแล้ว นอกจากนี้ หลังจากกลายเป็นพระสันตะปาปา ร่างกายของพวกเขาก็จะแก่ชราลงอย่างรวดเร็วจากการแบกรับพลังแห่งพระเจ้า แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังระดับนักบุญก่อนที่จะขึ้นครองบัลลังก์ก็ตาม

สมาชิกจากกลุ่มพระคาร์ดินัลหลวงต่างสังเกตเห็นว่าพระสันตะปาปาไม่เคยมีชีวิตยืนยาวเลย แต่พวกเขามิอาจล่วงรู้ถึงเหตุผลเบื้องหลัง การคาดเดาที่สมเหตุสมผลที่สุดก็คือร่างกายและดวงวิญญาณของมนุษย์ที่เลื่อนระดับขึ้นเป็นครึ่งเทพจะต้องแบกรับความเสียหายที่ไม่อาจซ่อมแซมรักษาได้

ดังนั้น การได้รู้ความลับของเหล่ามนุษย์ครึ่งเทพคงจะต้องยืดเวลาชีวิตให้กับพระสันตะปาปาได้อย่างแน่นอน

สำหรับบรรดาพระคาร์ดินัลหลวง การได้รู้แม้แต่เศษเสี้ยวความลับก็คงมีประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างใหญ่หลวง พวกเขามองเห็นความหวังที่มากขึ้นในการเลื่อนระดับหรืออาจได้เป็นมนุษย์ครึ่งเทพ นักบุญ หรือเทวทูตบนผืนดินเพื่อเสพสุขจากความเป็นอมตะนิรันดร์

ด้วยพลังเช่นนั้น ทั้งศาสนจักรย่อมไร้เทียมทาน!

ภายใต้สายตาลุกโชนร้อนแรงมากมาย พระสันตะปาปาถอนหายใจแล้วเอ่ยด้วยท่าทีสงบนิ่ง “การกำจัดลูเซียน อีวานส์ เทวดาตกสวรรค์ คือเรื่องที่เราวางแผนเอาไว้ ทว่า ในเมื่อตอนนี้พระเจ้าได้ตัดสินใจส่งเราไปทำหน้าที่ที่เสี่ยงอันตรายและท้าทายยิ่งกว่า ก็ถือเป็นเกียรติอันสูงสุดของเรา ซาร์ด เจ้าจะยังเป็นผู้นำสังฆมณฑลโฮล์ม และทั้งห้ามณฑลเพื่อยันกำลังกับสภาเวทมนตร์ ก่อนที่เรื่องนี้จะจบลง จะไม่มีกองหนุนส่งไปให้เจ้าได้ นี่นับเป็นสถานการณ์ยากลำบากไม่น้อย”

“คำสั่งของท่านคือเจตจำนงแห่งพระเจ้า สัจจะคงอยู่นิรันดร์” ซาร์ดตอบโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

ทว่า ในสายตาพระคาร์ดินัลหลวงคนอื่นๆ ซาร์ดนับว่าโชคร้ายอย่างยิ่งยวด

ครั้งหนึ่ง การเป็นผู้นำสังฆณฑลหลักทั้งห้าและมีอำนาจต่ำกว่าพระสันตะปาปาเพียงผู้เดียวที่เคยเป็นความหวังสูงสุดของเหล่าผู้มีอำนาจในศาสนจักร แต่ว่า ตอนนี้สภาเวทมนตร์แข็งแกร่งยิ่งกว่าครั้งไหนๆ หน้าที่นี้จึงกลายเป็นหน้าที่ที่เสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ซาร์ดจะต้องพลาดโอกาสในการเข้าไปยังมิติใหม่เพื่อตามหาอัลเทอร์นาและสิ่งมีชีวิตลึกลับ แต่ในเมื่อซาร์ดไม่พูดอะไร พวกเขาเองก็ดีใจที่มีคู่แข่งน้อยลง

“อนาสตาและมาเรีย เจ้าสองคนไปกับข้า” เบเนดิกต์ที่สองสั่งการอย่างใจเย็น

มาเรียคือนักบุญอีกท่าน เหมือนกับอนาสตา เบเนดิกต์ที่สองเชื่อใจเขาอย่างมาก

พระสันตะปาปาแห่งศาสนจักรใต้มีพลังและอำนาจเหนือผู้ใด แตกต่างจากการวางตำแหน่งของศาสนจักรเหนือ มิมีผู้ใดกล้าออกมาคัดค้านพระสันตะปาปา แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือการที่พระสันตะปาปาจะเข้าร่วมการสำรวจมิติใหม่ด้วยตนเอง! นับแต่ที่เกิดการแบ่งแยกศาสนจักรเหนือใต้ พระผู้ทรงศีลสูงสุดก็ไม่เคยย่างกลายออกจากนครศักดิ์สิทธิ์เลย

พระสันตะปาปาเน้นย้ำความสำคัญในเรื่องนี้ยิ่งกว่าที่พวกเขาคาดคิด

“อาร์ซาโร วารันไทน์ เบลเลีย…” พระสันตะปาปาเลือกสมาชิกห้าคนจากกลุ่มพระคาร์ดินัลหลวง ซึ่งหากไม่ใช่พระคาร์ดินัลชั้นนักบุญก็เป็นอัศวินระดับตำนาน “…ควรไปกับข้า”

การจัดการคัดเลือกเช่นนี้นับว่าดีที่สุดสำหรับศาสนจักรแล้วในตอนนี้ ศาสนจักรใต้มีศัตรูมากมาย พระสันตะปาปาจึงต้องรอบคอบให้มาก เผื่อว่าศัตรูจะลอบโจมตีในตอนที่ศาสนจักรใต้ไม่พร้อม แม้ว่าพระสันตะปาปาจะเชื่อมั่นว่าศัตรูของพวกเขาก็คงสนใจแต่การสำรวจมิติใหม่นี้ก็ตาม

อีกอย่าง พระสันตะปาปาจะเข้าร่วมการสำรวจด้วยตนเอง และเขาก็มั่นใจในตัวเอง

หลังจากตกลงกันเรียบร้อย พระสันตะปาปาก็บอกกับทุกคนว่า “สั่งการลงไปว่าให้ผู้พิทักษ์ราตรีระดับสูงสองร้อยคนแรก อัศวินอาภาและสูงกว่านั้นให้เตรียมตัวให้พร้อม เรายังไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับมิตินี้ บางทีมันอาจกว้างขวางพอๆ กับ ‘มิติสุสานดวงดาว’ หากเป็นเช่นนั้น พวกเราก็จำต้องมีกองหนุนที่แข็งแกร่งกว่า

“สำหรับบทลงโทษที่ลูเซียน อีวานส์ สมควรได้รับ ผู้พิทักษ์ราตรีระดับสูงสักสองสามคนควรจะระลึกถึงภารกิจนี้อยู่เสมอ”

พระสันตะปาปายังยืนกรานที่จะสังหารลูเซียนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แม้แต่ในขณะนี้

“ตามคำบัญชา ท่านผู้ทรงศีลสูงสุด” ทุกคนตอบรับกันเป็นเสียงเดียว พร้อมกับทำสัญลักษณ์ไม้กางเขนบนอก

“สัจจะคงอยู่นิรันดร์!”

ภายในท้องนภาไร้ขอบเขต โอลิเวอร์ยักไหล่ด้วยท่าทางสบายๆ พลางกล่าวว่า “มิตินี้ต้องมีบางอย่างผิดปกติเป็นแน่ ความปั่นป่วนที่มันสร้างส่งเสียงดังเสียจนไม่อาจหลีกเลี่ยงความสนใจ ศาสนจักรเหนือและใต้คงกำลังมุ่งหน้ามาแล้วเป็นแน่ ข้าจะเข้าไปก่อนแล้วกัน เจ้ากลับไปบอกท่านประธานถึงข้อมูลทั้งหมดที่เราได้มา ให้ท่านตัดสินแผนการและรวมพลทุกคน”

“เข้าใจแล้ว” แฮททาเวย์ไม่พูดจาให้มากความ นางหมุนกายแล้วใช้ ‘เวทกระโดดข้ามอวกาศ’ อย่างสง่างามเพื่อข้ามผ่านไปยังมิติพิเศษ ‘สวรรค์ธาตุ’ ของนาง ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า นางได้รับข้อความลับจากเฟอร์นันโดและได้รู้เกี่ยวกับ ‘การเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย’ ของลูเซียนแล้ว ดังนั้นนางจึงต้านทานสิ่งล่อใจอย่างการเข้าไปสำรวจมิติให้ลึกขึ้น แต่กลับลงชื่อเป็นผู้คุ้มกันอัลลินในอีกห้าปีต่อไป เพื่อซึมซับและพัฒนาระบบทางทฤษฎีใหม่นี้

หลังจากที่แฮททาเวย์จากไป โอลิเวอร์ก็ถอนหายใจออกมา

“ความโกลาหลได้เริ่มขึ้นแล้ว”

มิติภูเขารัตติกาล ในเมืองอันพลุกพล่าน

ตึกอาคารในเมืองนี้สร้างขึ้นตามแบบสมัยโบราณ บ้างก็สร้างขึ้นจากหินล้วนตามยุคหิน ในขณะที่บางแห่งเป็นบ้านต้นไม้สีเขียวจากยุคสมัยที่เอลฟ์ยังปกครองอาณาเขตนี้ ทว่า บ้านและอาคารส่วนใหญ่ในเมืองจะมียอดหลังคาแหลมสูงและออกเป็นสีเทา ซึ่งเป็นตามแบบฉบับจักรวรรดิเวทมนตร์โบราณ เมืองแห่งนี้เป็นสถานที่ที่หลายชาติพันธุ์ในโลกมารวมตัวกัน รวมถึงมนุษย์จากชนเผ่าต่างๆ มนุษย์หมาป่า เอลฟ์ผู้งามงด แวมไพร์ตัวซีดเซียว คัวโทนที่มีเกล็ดบนตัว และอื่นๆ อีกมากมาย

แต่ทันใดนั้น พื้นที่และสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นก็แตกร้าวราวกับกระจก ภาพของมนุษย์สองคนที่กำลังสนทนากันอย่างดุเดือดพลันแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย รวมถึงอาคารและเมืองทั้งเมือง

บนดินแดนรกร้าง ปรากฏปราสาทสีดำขึ้น ภายในปราสาทนั้น ฝาโลงขนาดใหญ่ถูกกระแทกเปิดออก และชายในวัยสามสิบกว่า ผู้สวมชุดสูทราตรีสีดำและเสื้อคลุมยาวที่เป็นสีดำด้านนอกและมีสีแดงด้านในก็บินออกมา ดวงตาของเขาเป็นสีแดงเลือด ดูน่าขนลุกและทรงเสน่ห์ในขณะเดียวกัน

“ในที่สุด…”

ภายในวินาทีถัดมา แดรกคูลาก็หายตัวไป

ในมิติภูเขารัตติกาล เจ้าชายแวมไพร์หลายคนต่างมีปฏิกิริยาเหมือนกัน พวกเขาต่างออกเดินทาง ทิ้งอาณาเขตไว้เบื้องหลังโดยไร้การป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น เพราะมิมีอะไรจะสำคัญไปกว่าบรรพบุรุษต้นกำเนิด

ภายในเมืองซานอีวานส์เบิร์ก เมืองแอนทิฟเฟอร์ เทือกเขาแห่งความมืด… บุคคลระดับตำนานจำนวนนับไม่ถ้วนต่างเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างพร้อมเพรียง และออกเดินทางเพื่อไปยังมิตินั้นในทันที โดยที่มีและไม่มีผู้ติดตาม ผู้ใดก็มิอาจต้านทานสิ่งล่อลวงใจ ไม่เว้นแม้แต่รูดอล์ฟที่สองผู้หยิ่งยโสหรือพระสังฆราชผู้ลึกลับแห่งศาสนจักรเหนือ

“เราจะไปที่มิติใหม่กัน ดักลาส ข้า วีเซนเต เฮลเลน แอตแลนต์ ฮัล-ชูเลีย เชลซี เดวี่… ระดับตำนานทั้งสิบเอ็ดคนจะเข้าไปสนับสนุนโอลิเวอร์” เฟอร์นันโดกล่าว หลังจากโผล่เข้ามาในสถาบันอะตอม “เจ้าอยู่ในอัลลิน ห้ามเถลไถลไปไหน แต่หากจำเป็น จงใช้ ‘หน้ากากแปลงกาย’ ของเจ้า”

หากว่าลูเซียนไม่ได้สร้างเรื่องยุ่งครั้งใหญ่และกลายเป็นเป้าความเกลียดชังในสายตาของศาสนจักร เฟอร์นันโดคงจะพาเขากับลูกศิษย์คนอื่นๆ ไปด้วยแล้ว เพื่อที่พวกเขาจะได้รับประสบการณ์จากการสำรวจมิติภายใต้การคุ้มครองของเขา ทว่า ตอนนี้ในมิติใหม่กำลังจะกลายเป็นสมรภูมิรบระหว่างบุคคลในระดับตำนาน ลูเซียนจึงไม่ควรเข้าไปเสี่ยง

และเผื่อว่าทางศาสนจักรจะลอบโจมตี สภาเวทมนตร์จึงได้ให้นักเวทระดับตำนานอีกหกคนอยู่ช่วยแฮททาเวย์ป้องกันอัลลิน ซึ่งรวมถึงบรูคที่ยังไม่หายดีจากการที่โลกแห่งปัญญาเกิดความเสียหาย

แน่นอนว่า แม้ลูเซียนจะสงสัยใคร่รู้อย่างยิ่งและเขาก็โหยหาพลังที่ซ่อนอยู่ในมิตินั้น แต่เขาจะไม่ยอมละทิ้งเหตุผลให้แก่ความโลภ การเข้าร่วมสมรภูมิรบของเหล่าบุคคลในระดับตำนานในฐานะนักเวทระดับหกนั้นย่อมเท่ากับการหาเรื่องไปตาย เขาควรจะอยู่ที่นี่และหวังว่าทางสภาจะนำบางอย่างออกมาได้ เพื่อที่เขาจะได้สมัครเข้าร่วมการวิจัยในอนาคตในฐานะของมหาจอมเวท ด้วยค่าชื่อเสียงที่เขาเพิ่งได้จากข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับควอนตัมของแสงและการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัยนั้น ทำให้ตอนนี้ลูเซียนกลายเป็นจอมเวทระดับเจ็ดแล้ว หากเขาได้รับค่าชื่อเสียงจากการอ้างอิงที่จะเกิดขึ้นมากมาย บวกกับคะแนนอ้างอิงของวารสาร ลูเซียนก็เชื่อว่าเขาจะเลื่อนขึ้นเป็นระดับแปดได้ในอีกไม่กี่ปีนี้

“ขอรับ อาจารย์ ข้าจะระวังตัว” ลูเซียนตอบด้วยท่าทางของศิษย์ที่ดีและเชื่อฟัง

ในขณะเดียวกันนั้น สมองเขาก็ทำงานเร็วรี่ ‘ถ้าฉวยโอกาสนี้ ข้าก็น่าจะพาพวกคนแคระออกมาจากมิติภูเขารัตติกาลได้ในทันทีที่หอคอยเวทมนตร์สร้างเสร็จ’

นี่คือโอกาสที่ดีที่สุด!