บทที่ 1627 - ทะลวงผ่านเส้นลมปราณสวรรค์และเส้นลมปราณโลก

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1627 – ทะลวงผ่านเส้นลมปราณสวรรค์และเส้นลมปราณโลก

 

ถานท่ายหยวนค่อยๆคล้องมือของเธอไปที่รอบคอของชิงสุ่ย ร่างกายของเธอสั่นระริกตลอดเวลา เธอกระซิบเบาๆข้างหูเขา “อย่าทําอะไรเกินเลย”

 

รอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจนบนใบหน้าของชิงสุ่ย ถานท่ายหยวนเป็นคนที่รักนวลสงวนตัว มันเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นอะไรแบบนี้จากตัวเธอ ชิงสุ่ยจับตัวเธอเอาไว้แน่น ปลายลิ้นของเขาตวัดไปที่ใบหูของเธอเพียงเสี้ยววิ

 

ร่างกายของถานท่ายหยวนเกร็งขึ้นมาในทันที มือของเธอที่อยู่รอบคอของชิงสุ่ยด้วยก็เช่นกัน จุดสําคัญอยู่ที่ชิงสุ่ยได้สัมผัสไปที่บริเวณอันอ่อนไหวของเธอ

 

ชิงสุ่ยมองดูถานท่ายหยวนที่กําลังหลับตา เขาสังเกตได้ว่าเธอประหม่า ริมฝีปากของเขากระทบลงบนหน้าผาก ดวงตา และจมูก ก่อนที่จะไปถึงปากอันเย้ายวนของเธอ

 

ขณะที่ถานท่ายหยวนปิดปากเรียบสนิท ชิงสุ่ยก็ทําการดูดมันอย่างช้าๆ มือของเขาซึ่งอยู่รอบเอวของเธอได้เลื่อนลงไปที่ก้นอันแนบแน่นและจับมันเอาไว้ มันให้สัมผัสที่ราบรื่น ละเอียดอ่อนและเต่งตึง

 

ถานท่ายหยวนเปิดปากของเธอออกด้วยสัญชาตญาณ ด้วยเหตุนั้นลิ้นของชิงสุ่ยจึงเลื่อนเข้าไปข้างในเพื่อรุกไล่เธอ

 

ร่างกายของถานท่ายหยวนค่อยๆคลายความตึงเครียดและเริ่มตอบสนองต่อชิงสุ่ย มือของชิงสุ่ยตอนนี้ขยับไปมาระหว่างเอวและสะโพกเบาๆ

 

ลมหายใจของเธอถี่ขึ้นอย่างรวดเร็วและเผยกลิ่นหอมจางๆออกมา

 

เมื่อมือของซิงสุ่ยเอื้อมไปที่เนินอกอันอวบอิ่มของเธอ เธอผลักตัวเองออกจากชิงสุ่ยอย่างทันควัน อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยยังคงกอดเธอไว้แน่นและมีเพียงริมฝีปากเท่านั้นที่แยกจากกัน

 

ชิงสุ่ยไม่คาดคิดว่าเธอจะตอบสนองดีเช่นนี้ ถานท่ายหยวนเริ่มเขินอาย เธออยากที่จะแยกตัวออกห่างชิงสุ่ย

 

“หยวนเอ๋อ เจ้าเป็นของข้า!” ชิงสุ่ยกระซิบเบาๆ ถานท่ายหยวนถึงกับตัวแข็งด้วยความตกใจ “เจ้ายังไม่สามารถโน้มน้าวใจข้าได้ ข้ายังไม่พร้อม ครั้งต่อไปอาจไม่แน่”

 

ชิงสุ่ยมีความสุขมากแล้วที่ได้ยินคําพูดนี้ของถานท่ายหยวน นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เขาหัวเราะ “เจ้าไม่ประหม่าหรือ?”

 

“เจ้าต่างหากที่เป็นคนประหม่า” ถานท่ายหยวนกล่าวด้วยความอึดอัดใจ

 

” ข้ารู้สึกลนลานมาก ดูสิ มันแสดงให้เจ้าเห็นแล้ว” ชิงสุ่ยนําตัวเข้าไปแนบชิดกับถานท่ายหยวน

 

วัตถุบางอย่างที่แข็งโผล่ออกมาสัมผัสส่วนล่างบริเวณท้องของเธอ เธอมองลงไปก่อนที่จะเงยหน้าขึ้น หลังจากนั้นเธอก็เอื้อมมือออกไปและบิดหูของซิงสุ่ย “เจ้ามันน่ารังเกียจ”

 

“นี่มันเป็นเรื่องปกติ ข้าควรจะร้องไห้หากข้าไม่มีปฏิกิริยาเช่นนี้” มือของชิงสุ่ยจับไปที่เนินอกของเธอ ผิวสัมผัสที่นุ่มนวลทําให้ชิงสุ่ยเกิดแรงกระตุ้นอย่างมาก

 

“เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ฉวยโอกาสแบบนี้” ถานท่ายหยวนกล่าว

 

ใบหน้าของพวกเขาอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่กํามือ พวกเขาสามารถดมกลิ่นลมหายใจของกันและกัน

 

“เจ้าชอบมันหรือไม่?” นิ้วของชิงสุ่ยตวัดไปที่ยอดเนินอกด้วยเคล็ดวิชาพิเศษ เมื่อรวมเข้ากับคําพูดของเขา มันทําให้ถานท่ายหยวนสั่นไหว

 

“หยวนเอ๋อ ขอข้าดูหน่อย!” ชิงสุ่ยพูดในขณะที่มีอลูบไล้ไปมา เขากระซิบข้างหูของเธอและสะบัดลิ้นเข้าใส่หู

 

หัวใจของถานท่ายหยวนเต้นอย่างรวดเร็ว มือของชิงสุ่ยทั้งทําให้เธอรู้สึกสบายและกระสับกระสาย ราวกับว่าเธอต้องการให้เขาจับด้วยทุกสิ่งที่เขามี

 

“ข้าสัญญาว่าจะไม่ทําอะไรนอกจากดูมัน ข้าแน่ใจว่ามันต้องงดงาม” ชิงสุ่ยรับประกัน

 

ถานท่ายหยวนคิดเกี่ยวกับมัน ตั้งแต่ที่พวกเขาดําเนินมาถึงขั้นนี้ มันจะไม่เกินเลยหรือหากปล่อยให้เขาดู เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่มั่นคง เธอรู้สึกปวดร้าวเมื่อนึกถึงฉากของเขากับอวี้ลู่หยานในตอนนั้น น้ำเสียง การแสดงออก และรูปลักษณ์ขบนใบหน้าของอวี้ลู่หยานผุดขึ้นมา

 

ชิงสุ่ยค่อยๆเปิดเนินอกออกอย่างช้าๆ ความสามารถในการเปลื้องผ้าของเขาก้าวหน้าขึ้นกว่าในอดีตหลายเท่า ถานท่ายหยวนหยุดเขาด้วยสัญชาตญาณเป็นครั้งที่สอง แต่เสื้อผ้าของเธอก็ถูกปลดในไม่ช้า

 

ในช่วงเวลานี้ก้อนหิมะสีขาว 2 ลูกได้โผล่ออกมาและตั้งตระหง่าน ยอดเล็กๆสีชมพูของมันนั้นงดงามจนทําให้ชิงสุ่ยพุ่งเข้าใส่

 

ครั้งนี้ชิงสุ่ยไม่ได้พูดอะไรกับเธอก่อนที่จะพุ่งไปพร้อมกับใบหน้าและริมฝีปากของเขา

 

ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ที่ชิงสุ่ยถอดเสื้อผ้าของเธอ เวลาผ่านไปแล้ว 2 ชั่วโมง ถานท่ายหยวนเข้าใจแล้วถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการแสดงออกของอวี้ลู่หยาน

 

“สงบนิ่งและหายใจเข้า ปล่อยให้ลมปราณของเจ้าไหลเวียนไป…”

 

ชิงสุ่ยบอกกับถานท่ายหยวนเกี่ยวกับเคล็ดวิชาทวิบ่มเพาะ พลังงานบริสุทธิ์ไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายเธอจากตัวเขา จากนั้นมันก็ไหลเวียนย้อนกลับผ่านเส้นลมปราณมากมาย

 

ปัง!

 

มันผ่านไปถึงเส้นลมปราณสวรรค์ สิ่งนี้ไม่ได้น่าแปลกใจสําหรับชิงสุ่ย เขาสัมผัสได้ถึงพลังงานบริสุทธิ์ที่เพิ่มขึ้น ถานท่ายหยวนรู้สึกประหลาดใจเกินกว่าที่จะเชื่อว่าพลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

ถานท่ายหยวนแทบไม่เชื่อกับพลังที่เพิ่มขึ้น เธอมีร่างกายที่พิเศษและด้วยการผสานเข้ากับศักยภาพของชิงสุ่ย ความแข็งแกร่งของถานท่ายหยวนเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย

 

ปัง!

 

เส้นลมปราณโลกถูกทะลวงผ่านและแม้แต่ชิงสุ่ยก็ต้องตกใจ ความนิ่งสงบกลับมาอีกครั้งหลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมง ณ ขณะนี้ ชิงสุ่ยเริ่มที่จะขยับไปมาและเพลิดเพลินไปกับโลกที่มีเพียงพวกเขาสองคน

 

ทุกอย่างเงียบสงัดลงเมื่อท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นมืดสนิท

 

ถานท่ายหยวนมองไปที่ชายผู้ทําให้เธอรู้สึกราวกับว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ มีความคับข้องใจเล็กน้อยผสมไปกับความรื่นรมย์ในเหตุการณ์ หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้น เธอไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนก เธอกลับรู้สึกถึงความมั่นคง

 

“เจ้าช่างน่ากลัว เจ้าบอกว่าต้องการเพียงแค่ดู…”

 

“ข้าไม่ได้ฉวยโอกาสใช่หรือไม่? เจ้าดูงดงามยิ่งกว่าก่อนหน้านี้” ชิงสุ่ยหัวเราะเบาๆและกอดเธอไว้ข้างกาย

 

“เงียบซะ เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้พูด ข้าจะไม่เชื่อเจ้าอีกแล้ว”

 

หลังจากนั้นสักครู่ ถานท่ายหยวนก็กระซิบไปที่หูของชิงสุ่ย “ชิงสุ่ย ข้าชอบเจ้า!”

 

“ข้าก็ชอบเจ้าเช่นกัน เจ้าชอบสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้หรือไม่?” ชิงสุ่ยกระซิบใส่หูของเธอ

 

“ข้าชอบ แต่ตอนนี้ข้าเหนื่อยล้ามาก” น้ำเสียงของถานท่ายหยวนแผ่วเบามาก หากไม่ใช่การได้ยินที่ดีเยี่ยมของชิงสุ่ย ไม่มีทางที่เขาจะได้ยินคําพูดของเธอ

 

ชิงสุ่ยไม่ได้ขยับใดๆ เขาก่อนเธอไว้แนบแน่น “เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”

 

“วันนี้มาเร็วกว่าที่ข้าคาดไว้ พูดตามตรง ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะไม่แต่งงานกับผู้ใดนอกจากเจ้า” เมื่อถานท่ายหยวนหลับตา เธอสารภาพบางอย่างเฉื่อยชา

 

ชิงสุ่ยบีบมือของเธอ “มีหลายครั้งที่ข้าพบว่าตัวเองโชคดีจริงๆ สวรรค์ทรงเมตตาให้ข้าได้รับความรักจากทุกคน ข้าคงไม่เชื่อหากมีคนบอกข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อหลายปีก่อน”

 

“เจ้าสัมผัสได้ถึงพลังที่เพิ่มขึ้นหรือไม่?” ชิงสุ่ยหยิกไปที่แก้มของเธอ

 

“พลังของข้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก ข้าเป็นห่วงเกี่ยวกับมัน” ถานท่ายหยวนแสดงออกถึงความรู้สึกต่อมัน

 

“นั่นเป็นเรื่องปกติมาก ระดับพลังของพวกเราแต่แรกนั้นแตกต่างกันมากอยู่แล้ว การที่พลังของเจ้าเพิ่มขึ้นอย่างมากจึงเป็นเรื่องปกติ”

 

ถานท่ายหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ตอนแรกข้านึกว่าเจ้าจะใช้กลอุบายอะไรกับข้าแต่ช่วงเวลานั้นต่อให้มันเป็นสิ่งใด ข้าก็พร้อมยอมรับมัน”

 

ชิงสุ่ยดึงแขนของเขาเข้ามาและยิ้ม “เด็กโง่ ข้าขอทําร้ายตัวเองดีกว่าที่จะไปทําร้ายเจ้า”

 

รอยยิ้มอันพึงพอใจปรากฏบนใบหน้าของถานท่ายหยวน “ท้องฟ้ามืดลงแล้ว พวกเขาลุกกันเถอะไปหาพี่สาวอวี้ลู่หยานกัน”

 

เมื่ออวี้ลู่หยานเห็นการปรากฏตัวของถานท่ายหยวน เธอก็เข้าใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทันที นอกจากนี้ห้องพักของพวกเธอยังอยู่ใกล้กัน ใบหน้าของถานท่ายหยวนแดงก่ำยิ่งขึ้นเมื่อพบอวี้ลู่หยาน

 

อวี้ลู่หยานเดินไปจับมือของถานท่ายหยวน “ ชิงสุ่ย คุณกลั่นแกล้งหยวนเอ๋องั้นหรือ?”

 

“ไม่ได้ทํา ข้าแทบจะไม่สามารถขัดขืนพวกเจ้าทั้งสอง ข้าจะกล้ากลั่นแกล้งนางได้อย่างไร?”

 

ถานท่ายหยวนเสนอให้พวกเขาไปเดินเล่นกันและชิงสุ่ยก็เห็นด้วย เขาจับมือทั้งสองเอาไว้และเคลื่อนที่ไปไกลหลายหมื่นลี้ด้วยการใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวา ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงตัวเมือง

 

“ที่นี่เป็นอย่างไร ดูจํานวนผู้คนสิ! ไปเดินเล่นแล้วหาอะไรกินกัน” ชิงสุ่ยกล่าวขณะที่เขาเฝ้าดูผู้คนกําลังเดินเตร็ดเตร่อยู่ด้านล่าง

 

หญิงทั้งสองไมออกความเห็น มันดีกับพวกเธอทุกที่ตราบใดที่เป็นคนรักพาไป แม้แต่การออกไปเดินเล่นข้างนอกเพื่อทานอาหารก็เป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่ง อาหารบางจานรสชาติค่อนข้างดีเลยทีเดียว

 

ตามท้องถนนเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิด บางอย่างเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน มันเป็นภาพที่เห็นได้ทั่วไปในโลกแห่งนี้