บทที่ 1628 - เมืองซานหรู จิวหยุนหลง

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1628 – เมืองซานหรู จิวหยุนหลง

 

ผู้หญิงในช่วงชีวิตก่อนหน้าของเขาชอบเลือกซื้อสินค้า ผู้ชายมักจะเต็มใจไปซื้อของกับผู้หญิงที่ตนรักถ้าต้องไปซื้อของด้วยตัวเองพวกเธอจะรู้สึกไม่ค่อยเต็มใจ

 

ผู้หญิงมีความกระตือรือร้นมากกว่าผู้ชาย แต่ผู้ชายก็ชอบซื้อของกับคนที่รัก พวกเขาจะมีความสุขร่วมกัน

 

ที่นี่อยู่ใกล้กับมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรําและทะเลสาบเชิงเหยียนมากที่สุด แม้ว่ามันจะไม่ได้ตั้งอยู่ภายในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรํา แต่มันก็นับว่าอยู่รอบๆอาณาเขตของทวีป

 

เมืองซานหรู

 

เมืองที่โดดเดี่ยวแห่งนี้มีชื่อว่าเมืองชานหรู มันใหญ่โตและมักเป็นที่หลบซ่อนตัวของผู้คนชาวบ้านธรรมดามีอยู่เป็นส่วนน้อยภายในตัวเมืองซานหรู่เป็นที่อยู่ของเหล่าราชวงศ์และนิกายแต่มันก็ไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างที่เห็น

 

พวกเขาสามคนเดินไปตามท้องถนนและซื้อขนมขบเคี้ยว ของส่วนใหญ่ล้วนรสชาติดี ที่นี่มีสิ่งของมากมายให้เลือกชม พวกเขาเดินไปตามถนนที่ทอดยาวพร้อมเสียงหัวเราะขณะที่พูดคุยและเดินสํารวจ

 

ผู้คนที่ผ่านไปมารอบข้างต่างมองมาที่พวกเขาทั้งสาม นั่นเป็นเพราะหญิงที่งดงามเช่นอวสู่หยานและถานท่ายหยวนไม่สามารถพบเห็นได้บ่อยนัก ความงามและอํานาจเป็นสิ่งที่ผู้คนหลงใหลในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเขา ในโลกนี้ มันเกี่ยวกับความมั่งคั่ง ความงามและพลัง

 

ด้วยอํานาจ ทุกสิ่งย่อมตกอยู่ในความครอบครอง ในทางกลับกัน ความมั่งคั่งอาจจะไร้ประโยชน์ ในอดีตมีคํากล่าวที่ว่าเงินเป็นตัวตัดสินทุกอย่าง การมีฐานะร่ํารวยเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงอํานาจอย่างหนึ่ง

 

“นายน้อย ดูสิว่าแม่นางสองคนนั้นงดงามแค่ไหน” เสียงหนึ่งดังมาจากระยะไกล

 

หูของชิงสุ่ยนั้นมีสัมผัสที่ยอดเยี่ยม เขาคาดเดาสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้นได้เมื่อนําหญิงทั้งสองออกมามีหลายคนที่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่ง พวกเขามักต้องการเอาชนะใจหญิงทั้งสอง

 

นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่กับหญิงงามหากไร้ซึ่งกําลัง แม้ว่าพวกเธอจะไม่ต้องการ แต่หมาปามากมายก็พร้อมที่จะฉกตัวพวกเธอไปทุกเมื่อ

 

ชิงสุ่ยจ้องมองไปที่คนอวดดีที่กล้าคิดจะแย่งผู้หญิงของเขา มีเพียงชาย 3 คนอยู่ที่นั่น ในหมู่พวกเขามีชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง กลิ่นอายของชายผู้นี้ดูสง่างามและเปล่งประกายรอยยิ้มอันมั่นใจปรากฏอยู่ที่มุมริมฝีปากของเขา แม้แต่ชิงสุ่ยก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าชายผู้นี้มีเสน่ห์

 

“ยินดีที่ได้รู้จัก ข้า จิว หยุนหลง” เขาเดินเข้าไปและทักทายพวกเขา

 

ชิงสุ่ยตัวแข็งที่อไปครู่หนึ่ง มีคนไม่มากนักที่ใช้แซ่จิว ด้วยมรดกแห่งเทพสงคราม เขาพบว่าจิวเป็นแซ่ที่เก่าแก่ เขาไม่คิดว่าจะได้พบคนแซนี้ที่นี่

 

“ข้าเคยรู้จักเจ้างั้นหรือ?” ชิงสุ่ยไม่มีความจําเป็นต้องทําตัวสุภาพ แต่เขายังคงยิ้มเมื่อถามออกไป

 

ชิงสุ่ยพลังเพิ่มขึ้นมากจากก่อนหน้านี้ด้วยการทะลวงผ่านเส้นลมปราณสวรรค์และโลก ตราบเท่าที่อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ชิงสุ่ยมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้

 

จิวหยุนหลงไม่ได้โกรธต่อคําพูดของชิงสุย “พวกเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ความสัมพันธ์ทุกอย่างย่อมเริ่มต้นจากคนแปลกหน้า ตอนแรกเจ้าไม่ใช่คนแปลกหน้าสําหรับหญิงสาวทั้งสองฝั่งงดงามงั้นหรือ?”

 

ชิงสุ่ยรู้สึกถึงพลังแปลกๆจากชายหนุ่ม มันถูกซ่อนเร้นเอาไว้และแผ่วเบา ชายผู้นี้แข็งแกร่งเขาอยู่ไม่ไกลจากระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจ

 

ชิงสุ่ยตอนนี้อยู่ในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจขั้นสูงสุดแล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะเที่ยวอาละวาดไปทั่วได้ เขาอาจไปเจอเข้ากับผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันได้ง่ายๆเวลานี้มีผู้ฝึกตนในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจมากมาย

 

ชิงสุ่ยยังไม่สามารถรับมือกับผู้ฝึกตนระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้ในตอนนี้ เพราะเขายังไปไม่ถึงระดับนั้น อย่างไรก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งที่มี เขายังสามารถต่อกรกับผู้ที่อยู่ในระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้นได้ แต่เขาก็ไม่เคยพบพวกเขาเลย

 

ชายผู้นี้น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับซิงสุ่ย ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเป็นคนหนึ่งที่ทรงพลังตั้งแต่อายุยังน้อยเขาต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์มาก นอกจากนี้ สิ่งที่แปลกคือพลังอันซ่อนเร้นซึ่งอยู่ในตัวเขาชิงสุ่ยคิดว่าเขาอาจอยู่ใกล้เคียงกับระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจขั้นต้น

 

“ข้าไม่ชอบทําความรู้จักโดยบังเอิญเช่นนี้ ทําไมเจ้าไม่บอกพวกเรามาว่าต้องการอะไร?” ชิงสุ่ยยิ้ม

 

ชายผู้นี้ไม่โกรธ เขากลับมองตรงมาที่ชิงสุ่ย “ข้าชอบผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเจ้า แต่ข้าก็ชอบต่อสู้อย่างยุติธรรม เจ้าไม่จําเป็นต้องระแวงข้าเช่นนี้!”

 

“พวกนางเป็นผู้หญิงของข้า ทําไมข้าต้องต่อสู้กับเจ้าเพื่อแย่งพวกนาง?” ชิงสุ่ยไม่ได้ปิดบังความเหยียดหยามและดูถูกของเขา สุภาพบุรุษตรงหน้าพวกเขาแท้จริงแล้วก็แค่คนเจ้าชู้

 

จิวหยุนหลงเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองซานหรู ตระกูลจิวเป็นหนึ่งในสามกองกําลังที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองซานหรู ในความเป็นจริง อีกสองกองกําลังคงจะต้องจับมือเป็นพันธมิตรกัน หากอยากมีโอกาสต่อกรกับตระกูลจิว จิวหยุนหลงอาวุโสที่สุดในคนรุ่นเขา แม้ว่ารุ่นของเขาจะเยาว์วัยที่สุดในตระกูลแต่ผู้นําตระกูลก็คือปูทวดของเขา

 

ผู้นําตระกูลมีหน้าที่ต้องแบกรับความอยู่รอดของตระกูล ผู้นําตระกูลต้องต่อสู้กับตระ กูลอื่นๆเป็นเวลานับหลายร้อยปีหรืออาจนานกว่านั้น ดังนั้นตระกูลที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะคงอยู่ได้นับร้อยนับพันปีมันไม่มีที่ว่างสําหรับความผิดพลาดในการเลือกผู้นําตระกูล

 

จิวหยุนหลงมีแนวโน้มว่าจะได้เป็นผู้นําตระกูลคนต่อไป ผู้นําตระกูลคนปัจจุบันยังมีอยู่ได้อีก200 ปี และนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะฝึกฝนจิวหยุนหลงให้แข็งแกร่งขึ้น นี่คือสาเหตุที่เขามีตําแหน่งสูงในตระกูล

 

“เจ้าผิดแล้ว ไม่มีใครเป็นเจ้าของผู้ใดหรืออะไรในโลก แม้แต่สติก็อาจไม่อยู่กับตัวเจ้าในบางครั้ง” จิวหยุนหลงสายหัวและตอบโต้

 

ผู้คนโดยรอบเริ่มหันมาสนใจพวกเขามากขึ้น ณ ขณะนี้ ชายหนุ่มข้างจิวหยุนหลงก็พูดขึ้น “ที่นี่เมืองซานหรู่ การที่นายน้อยของพวกเราพึงพอใจในผู้หญิงของเจ้า นั่นก็นับว่าเป็นโชคดีของนางแล้วนายน้อยของพวกเราไม่ต้องการสร้างความบาดหมาง เอาแบบนี้เป็นไง? ปล่อยให้พวกนางอยู่ต่อกับนายน้อยของพวกเรา แล้วพวกเราจะมอบทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ”

 

ใบหน้าของชิงสุยไม่ได้แสดงออกถึงอารมณ์ใดๆ อย่างไรก็ตาม ขณะที่ชายผู้นั้นกล่าวจบ ชิงสุยก็ตะบบมือของเขาใส่ทันที

 

การเคลื่อนไหวของชิงสุ่ยไม่เร็วนัก จิวหยุนหลิงต้องการป้องกันมัน แต่ท้ายที่สุดเขาก็เลือกที่จะไม่ทํารอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นตรงมุมปากของเขา มันเป็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ราวกับว่าเขาได้รับสิ่งที่ต้องการ

 

ตับ

 

ชายหนุ่มที่พูดก่อนหน้านี้ถูกเหวี่ยงไปด้านข้างจากแรงปะทะ เขาล่องลอยไปราวกับอากาศ

 

“น่ารังเกียจ” ชิงสุ่ยหัวเราะขณะที่เขาพูด แต่คําพูดเหล่านั้นไม่ได้หมายถึงชายที่ลอยไป

 

“เจ้าช่างกล้านัก เจ้ากล้าทําร้ายคนของขา” รอยยิ้มของจิวหยุนหลงหายไปเมื่อเขามองชิงสุ่ย

 

ผัวะ!

 

ชิงสุยตบไปที่ใบหน้าของจิวหยุนหลง เขาไม่ขยับเขยื่อนในครั้งนี้ ใบหน้าของเขาบวม ชิงสุรู้สึกพึงพอใจกับการตบ

 

จิวหยุนหลงถึงกับตกตะลึง เพราะเขาไม่เชื่อว่าจะมีใครกล้าตบเขา เขาไม่ได้คิดว่าทําไมไม่หลบเขากลับจดจ่ออยู่กับความคิดที่ว่ามีคนกล้าทําเขาได้อย่างไร

 

“เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถทําอะไรตามใจก็ได้งั้นหรือ? โง่เง่า หากเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก ข้าจะสังหารเจ้าในทันที” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างเย็นชา

 

เขารู้ว่าชิงสุ่ยไม่ได้พูดเพียงเพื่อทําให้เขาตกใจ กลิ่นอายของเขาแผ่ซ่านออกมาในทันทีจิวหยุนหลงเงยหน้าขึ้น เขายังไม่ยินยอมที่จะรับความพ่ายแพ้ มีผู้ชมจํานวนมากที่ได้เห็นการตบนายน้อยจิวหยุนหลงแห่งเมืองซานหรู

 

“นี่คือเมืองซานหรู เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะมาอาละวาดที่นี่” จิวหยุนหลงมองไปที่ชิงสุ่ย ทันใดนั้นแสงสีแดงจางๆจากดวงตาของเขาก็พุ่งไปทางชิงสุ่ย

 

ภาพหยินหยางหมุนวนอยู่ในจิตใต้สํานึกของชิงสุ่ย ชิงสุยรู้สึกถึงความเลือนรางในสมอง มันราวกับว่าเขาเมาค้าง เขามีลูกประคําอธิษฐานศักดิ์สิทธิ์และสิ่งของอื่นๆที่สามารถช่วยระงับการโจมตีทางจิตสํานึกได้

 

หลังจากนั้นเสี้ยววินาที แสงไฟอันเจิดจ้าจากมือของจิวหยุนหลงก็พุ่งไปที่ลําคอของชิงสุ่ย

 

ดวงตาของชิงสุ่ยเปล่งประกายอย่างฉับพลัน เขาจ้องมองไปทางจิวหยุนหลง เขากระโจนเข้าใส่ด้วยจิตใจที่ตั้งมั่น

– – –

ขณะที่ชิงสุ่ยกําลังจะเดินหน้าต่อ เงาของคนจํานวนมากก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว มีชายชราสองคนและชายหนุ่มสามคนโผล่ออกมา “หยุด”

 

ชิงสุ่ยไม่ได้โจมตีต่อ เพียงแค่ตบก่อนหน้านี้ก็ทําให้จิวหยุนหลงเสียหน้าและสาหัสมากพอแล้ว

 

ชายชราคนหนึ่งเดินไปหาจิ๋วหยุนหลงและสกัดจุดก่อนที่จะป้อนยาเม็ดสีแดงเข้าไปในปากของเขาชายชรากล่าวกับชายที่อยู่ข้างหลัง “รู่หลิว นําเขากลับไปก่อน”

 

ชิงสุ่ยใช้เวลานี้ประเมินพลังของชายชราทั้งสอง ส่วยชายอีก 3 คน ชิงสุ่ยไม่ได้ให้ความสนใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย

 

ชายชราทั้งสองอายุมากแล้ว แต่หน้าตาของพวกเขายังคงเดิมมานานนับหลายปี นอกจากผมสีเทาของพวกเขาแล้ว พวกเขาไม่ได้ดูชราตามอายุที่เพิ่มขึ้นเลย

 

ชายชราทั้งสองอยู่ในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจ ชิงสุ่ยไม่มีทางเลือกอื่น เขาลองประเมินพลังของจิวหยุนหลงอีกครั้ง หนึ่งในพวกเขาต้องรู้จักมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรํา ผู้ฝึกตนระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจย่อมต้องท่องเที่ยวไปทั่ว

 

ชายชราทั้งสองน่าจะอยู่ระหว่างขั้นที่ 3 หรือ 4 ของระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจ พวกเขาทั้งคู่กําลังจ้องมองมาที่ชิงสุ่ยในตอนนี้