บทที่ 743 : เผาถ้ำ!
  ชัวะ..ชัวะ.. ชัวะ.. ครืน..
  ปลายกระบี่โลหิตแดนใต้สามารถตัดหินที่แข็งแกร่งอย่างหินแกรนิตได้อย่างง่ายดาย..
  เพียงแค่สะบัดปลายกระบี่ในเวลาอันรวดเร็วก็สามารถตัดประตูหินที่แข็งแรงได้ถึงหกครั้ง แนวนอนสาม และแนวตั้งอีกสาม..
  จากนั้นหลิงหยุนจึงกางมือออกเป็นกรงเล็บแล้วจิกลงไปบนก้อนหินจนนิ้วทะลุเข้าไปด้านใน จากนั้นจึงออกแรงดึงหินสองก้อนที่ฟันออกมา แล้วมองเข้าไปด้านใน
  หลิงหยุนโยนหินสองก้อนข้ามหัวตัวเองไปจากนั้นจึงใช้กระบี่โลหิตแดนใต้ฟันเข้าที่ประตูหินอีกครั้ง
  ปัง!
  เกาเฉินเฉินได้ยินเสียงประตูหินพังครืนลงมาและนางก็อยู่ในสภาพยืนมือพิงกำแพงพร้อมกับกำลังอาเจียน..
  “อย่าเพิ่งเข้ามา!”
  ทันทีที่ได้ยินว่าหลิงหยุนกำลังเข้ามาเกาเฉินเฉินก็ถึงกับอาเจียนออกมาถึงสองครั้ง และรีบร้องตะโกนห้ามไม่ให้หลิงหยุนเข้าไปใกล้ตัวนาง
  “ให้ฉันอาเจียนให้เสร็จก่อน..”
  พูดจบเกาเฉินเฉินก็ใช้นิ้วมือล้วงคอตนเองให้อาเจียนออกมาอีกครั้งภายในห้องจึงมีกลิ่นที่ไม่ที่ไม่พึงประสงค์
  หลิงหยุนยืนนิ่งอยู่ด้านหลังของเกาเฉินเฉินพร้อมกับถือขวดน้ำแร่ไว้ในมือเขาจ้องมองเกาเฉินเฉินนิ่งเงียบ และได้แต่นึกสงสารนางจับใจ
  หลิงหยุนนั้นเข้าใจเกาเฉินเฉินดีมากกว่าใครๆเกาเฉินเฉินเก็บงำความเกลียดชัง เคียดแค้น ความหวาดกลัว และความสิ้นหวังมาเป็นเวลานาน อารมณ์ต่างๆเหล่านี้อยู่ในจุดสูงสุด และเมื่อจู่ๆก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที จึงเกิดอาการอาเจียนออกมาเช่นนี้
  “เฉินเฉิน..คุณสบายใจได้! เฉินเจี้ยนกุ่ยกลับเข้าเมือง และคงอีกครู่ใหญ่กว่าจะกลับมา..”
  หลิงหยุนพูดปลอบโยนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“แต่ถึงแม้ว่ามันจะกลับมา คุณก็ไม่จำเป็นต้องกังวลใจ ตราบใดที่ผมอยู่ที่นี่ ผมจะไม่ให้ใครทำร้ายคุณได้อย่างเด็ดขาด..”
  ร่างของเกาเฉินเฉินสั่นเทิ้มแต่ยังคงอาเจียนต่อไปอีก..
  ผ่านไปครู่ใหญ่..เกาเฉินเฉินก็อาเจียนจนน้ำดีออกมา และในที่สุดก็ยืดตัวตรง เท้าทั้งสองข้างสั่นไม่หยุด
  เกาเฉินเฉินต้องรวบรวมความแข็งแกร่งทั้งหมดของตนเองที่มีหลิงหยุนค่อยๆหมุนฝาขวดน้ำแร่ออก และส่งให้เกาเฉินเฉินดื่ม
  เกาเฉินเฉินรับขวดน้ำแร่มาจากมือหลิงหยุนและจัดการล้างปากของตนเองให้สะอาด จากนั้นจึงร้องบอกตัวเองเบาๆ
  “เฉินเฉิน..หากไม่สามารถมีชีวิตอยู่เพื่อแก้แค้นให้คนที่รักได้ ก็ยอมตายซะดีกว่าที่จะยอมเป็นบริวารของเฉินเจี้ยนกุ่ย!”
  ความโกรธแค้นปะทุขึ้นในใจของหลิงหยุนแต่ก็พูดกับเกาเฉินเฉินด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เฉินเฉิน.. ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดี!”
  “ฉันไม่ต้องการให้มีอะไรจากที่นี่ติดตัวไปกับฉันด้วยแม้แต่อาหารที่อยู่ในท้องของฉันก็เหมือนกัน!”
  หลิงหยุนได้ฟังถึงกับตกใจความสงสารเห็นใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นหลายร้อยเท่า
  เขาคิดไม่ถึงว่า..เวลาผ่านไปเพียงแค่สามเดือน แต่จิตใจของเกาเฉินเฉินกลับเข้มแข็งถึงเพียงนี้ และไม่คาดคิดว่าเด็กสาวที่เคยถูกเขากลั่นแกล้งหยอกล้อในโรงเรียนจะกลายเป็นหญิงสาวที่แข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้!
  “หลิงหยุน..นายต้องรับปากว่าจะไม่แตะต้องตัวฉันก่อนที่ฉันจะได้อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย ตกลงมั๊ย”
  เกาเฉินเฉินบังคับความต้องการของตนเองที่อยากจะหันไปมองหลิงหยุนและโผเข้าสู่อ้อมกอดของเขาไว้ และได้แต่ร้องบอกหลิงหยุนไปเช่นนั้น..
  หลิงหยุนคิดผิดไปอย่างมากแต่ก็ยิ้มออกมาพร้อมกับตอบไปว่า “คุณอยากจะอาบน้ำก่อนใช่มั๊ย ถ้างั้นก็หลับตา กลั้นหายใจ และเตรียมตัวอาบน้ำให้สดชื่นได้เลย..”
  เกาเฉินเฉินนึกสงสัยแต่ก็เชื่อฟังคำสั่งของหลิงหยุนเธอหลับตาลงพร้อมกับกลั้นหายใจไว้
  หลิงหยุนจัดการเรียกยันต์ธาราออกมาทันทีและติดไว้ที่ศรีษะของเกาเฉินเฉิน หลังจากร้องสั่งยันต์ ลูกบอลน้ำขนาดใหญ่ก็ปรากฏเหนือศรีษะของเธอทันที
  ยันต์ธาราระดับห้าของหลิงหยุนนั้นไม่เพียงบรรจุน้ำไว้เท่านั้นแต่ยังมีพลังในการชำระล้างอย่างได้ผลดีเยี่ยม..
  หลังจากนั้นไม่ถึงเจ็ดวินาทีลูกบอลน้ำสีฟ้าก็แตกออก และน้ำได้ไหลลงชำระล้างร่างของเกาเฉินเฉินจนเปียกไปหมด
  “เฉินเฉิน..ยันต์ธาราของผมได้ชำระล้างร่างกายของคุณจนสะอาดสะอ้านแล้ว ไม่มีอะไรจากที่นี่ติดตัวคุณไปได้อีกแล้ว!”
  ทันทีที่หลิงหยุนพูดจบร่างของเกาเฉินเฉินก็หันกลับมาทันที และโผเข้าหาอ้อมแขนของหลิงหยุนพร้อมกับร่ำไห้ออกมา เธอสะอึกสะอื้นอยู่บนอกของหลิงหยุน และเสียงร้องของเกาเฉินเฉินก็ราวกับมีดที่กรีดลึกเข้าไปในหัวใจของหลิงหยุน
  หลิงหยุนโอบร่างบอบบางของเกาเฉินเฉินไว้ในอ้อมแขนทั้งสองข้างและลูบไล้แขนของเธออย่างอ่อนโยน และปล่อยให้เธอได้ร้องไห้ออกมา
  “ผมมาช่วยคุณแล้ว..อยากร้องก็ร้องออกมาให้พอ.. ร้องออกมาให้หมด..”
  เกาเฉินเฉินนั้นอยู่ในห้วงทุกข์และห้วงแห่งความโกรธแค้นมานานถึงสามเดือน ตลอดทั้งวันก็มีเพียงความหวาดกลัว สิ้นหวัง และยังต้องคอยระวังเฉินเจี้ยนกุ่ยอยู่ตลอดเวลา หลิงหยุนจึงเข้าใจดีว่าตลอดสามเดือนนี้จึงเปรียบเสมือนฝันร้ายและราวกับตกอยู่ในห้วงนรกของเกาเฉินเฉิน!
  แม้ว่าหลิงหยุนจะโอบกอดเกาเฉินเฉินไว้แน่นแล้วแต่เธอยังคงฝังตัวลงกับร่างของหลิงหยุนราวกับว่าโหยหาอ้อมกอดที่แข็งแกร่งและอบอุ่นนี้มานานแสนนาน เธอไม่เคยรู้สึกปลอดภัยเช่นนี้มานานแสนนาน!
  เสียงร้องห่มร้องไห้ของเกาเฉินเฉินยังคงดังอย่างต่อเนื่องเสียงสะอื้นดังขึ้นไม่หยุดหย่อน แต่สักพักก็ผละออกจากอ้อมแขนของหลิงหยุนและพูดขึ้นว่า
  “หลิงหยุน..รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ เฉินเจี้ยนกุ่ยจะกลับมาตอนใหนก็ไม่รู้!”
  หลิงหยุนไม่พูดอะไรเขาจับไหล่ของเกาเฉินเฉินไว้ด้วยสองมือ ดวงตาของเขาจ้องมองเกาเฉินเฉินด้วยความรักพร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “เฉินเฉิน..ผมขอโทษที่มาช้าเกินไป”
  เกาเฉินเฉินผ่ายผอมลงไปมากหากเทียบกับเมื่อสามเดือนก่อนเธอผอมลงไปเกือบสิบกิโลกรัมจนไหปลาร้าโผล่ออกมาให้เห็น เอวที่เคยคอดเล็กก็เล็กลงยิ่งกว่าเดิม และเป็นเพราะถูกขังไว้เป็นเวลานาน ใบหน้าของเธอจึงซูบซีดไร้สีเลือด
  หลังจากที่ได้เห็นร่างกายที่อ่อนแอลงมากของเกาเฉินเฉินหลิงหยุนก็รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก เขาถึงกับพูดไม่ออก และแทบทนรอที่จะสังหารเฉินเจี้ยนกุ่ยไมได้!
  พลังลับหยิน-หยางยังคงหมุนเวียนอยู่ในร่างกายของหลิงหยุนเสื้อผ้าของเกาเฉินเฉินที่เปียกก็ค่อยๆระเหยแห้งไป
  ดวงตาคู่งามของเกาเฉินเฉินที่ทั้งแดงและบวมนั้นจ้องมองใบหน้าของหลิงหยุนพร้อมกับตอบไปว่า
  “หลิงหยุน..แค่นายมาช่วยฉัน ฉันก็มีความสุขมากแล้ว..”
  เกาเฉินเฉินตื่นเต้นจนไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เธออยากจะจูบหลิงหยุนอย่างดูดดื่มเพื่อบอกว่าเธอคิดถึงเขามากเพียงใด แต่ก็ลังเล..
  แต่คิดไม่ถึงว่า..หลิงหยุนกลับจูบเธออย่างร้อนแรงหนักหน่วงยิ่งกว่าสายฝนที่กระหน่ำอยู่ด้านนอก
  ผ่านไปเนิ่นนาน..หลิงหยุนจึงปล่อยร่างที่อ่อนระทวยของเกาเฉินเฉิน แต่เกาเฉินเฉินกลับร้องบอกเสียงเบา
  “กอดฉันไว้อีกหน่อย..”
  มือขวาของหลิงหยุนโอบเอวเกาเฉินเฉินไว้แน่นส่วนมือซ้ายก็เรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมา หลิงหยุนใช้กระบี่โลหิตแดนใต้ฟันสิ่งของที่อยู่ในห้องจนพังไปกองรวมกัน จากนั้นจึงเรียกยันต์เตโชออกมาเผาทุกสิ่งทุกอย่างจนไหม้เป็นจุล!
  อีกไม่นานทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในถ้ำก็จะกลายเป็นเถ้าถ่านจะไม่มีอะไรเหลือแม้แต่อย่างเดียว..
  “เฉินเฉิน..เมื่อสองสามวันที่ผ่านมาพี่ชายของคุณไปหาผมที่จิงฉู”
  “เวลานี้ทั้งปู่ของคุณท่านพ่อ ท่านแม่ และคนอื่นๆในตระกูลเกา ล้วนปลอดภัยกันดีทุกคนแล้ว!”
  ท่ามกลางเปลวเพลิงที่เผาไหม้อยู่นั้นหลิงหยุนโอบร่างบอบบางของเกาเฉินเฉินไว้พร้อมกับร้องบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
  เกาเฉินเฉินซึ่งไม่พบเห็นแสงสว่างมาเป็นเวลานานจึงรีบหลับตาเพราะยังไม่สามารถปรับสภาพเข้ากับเปลวไฟที่สว่างเจิดจ้าเช่นนี้ได้
  “จริงเหรอ!”เกาเฉินเฉินร้องออกมาด้วยความดีใจและประหลาดใจไปพร้อมกัน
  หลิงหยุนโอบร่างของเกาเฉินเฉินไว้และพาร่างของเธอกระโดดออกมาจากห้องไปยืนอยู่ในโลงใหญ่ที่อยู่กลางถ้ำ
  โลงศพของเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นถูกออกแบบอย่างหรูหราใหญ่โตภายในบุด้วยผ้าไหมอย่างดี
  “ก่อนอื่นต้องจัดการเผาโลงศพของมันก่อน..”
  หลิงหยุนเรียกยันต์เตโชออกมาและจัดการเผาโลงศพของเฉินเจี้ยนกุ่ยจนไหม้เป็นเถ้าถ่าน
  “เฉินเฉิน..รอผมอยู่ที่นี่เดี๋ยวนะ แล้วผมจะรีบพาคุณออกไปจากที่นี่!”
  หลิงหยุนวางร่างของเกาเฉินเฉินลงและตรงเข้าไปที่ประตูถ้ำซึ่งอยู่ตรงข้ามห้องของเกาเฉินเฉิน หลังจากใช้กระบี่ฟันลงไปสองสามครั้ง ประตูหินก็เปิดออกเผยให้เห็นถ้ำขนาดใหญ่ด้านใน
  หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องเข้าไปสำรวจอีกเพราะเขาได้ใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูด้านในหมดแล้ว
  “ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกก็ล้วนแล้วแต่ต้องกลับคืนสู่ธรรมชาติ ข้า-หลิงหยุนขอสาบานว่าจะแก้แค้นให้พวกเจ้าทุกคน ขอให้วิญญาณของพวกเจ้าจงไปสู่สุคติเถิด!”
  หลิงหยุนจ้องมองร่างไร้วิญญาณมากมายที่กองเป็นภูเขาที่อยู่ด้านในบางร่างยังเป็นศพที่เพิ่งตายใหม่ บางร่างยังลืมตาโพลง หลิงหยุนใช้ยันต์เตโชสิบกว่าแผ่นจัดการเผาร่างไร้วิญญาณนั้นเสีย
  ยันต์เตโชเผาซากศพเหล่านั้นจนเหลือเพียงเถ้าถ่านที่กองอยู่บนพื้นและจู่ๆก็เกิดลมพัดขึ้นมาในภายในห้อง เถ้าถ่านเหล่านั้นลอยหมุนวนรอบตัวหลิงหยุนก่อนจะหายวับไป
  แม้จะดูแล้วน่าประหลาดใจแต่หลิงหยุนก็สัมผัสได้ว่านั่นคือดวงวิญญาณของเหล่าเด็กสาวที่ได้ตายไปทั้งสิ้น
  “ทำไมจู่ๆถึงได้มีลมหมุนเกิดขึ้นในถ้ำได้..”
  เกาเฉินเฉินหรี่ตาและเห็นเสื้อผ้าและเส้นผมของหลิงหยุนปลิวไสวก็ได้แต่นึกแปลกใจ
  “เฉินเฉิน..คุณไม่ต้องห่วง เฉินเจี้ยนกุ่ยทำเรื่องเลวร้ายไว้มาก ยังไงมันก็ต้องตกนรกอย่างแน่นอน!”
  “พวกเราไปกันได้แล้ว!”
  หลิงหยุนสาปแช่งเฉินเจี้ยนกุ่ยอยู่ครู่หนึ่งจึงกระโดดเข้าไปโอบร่างของเกาเฉินเฉินไว้ และพาไปที่ปากถ้ำ..
  เมื่อไปถึงปากถ้ำหลิงหยุนก็พาเกาเฉินเฉินกระโดดลงไปด้านล่างทันที ร่างทั้งสองร่างโอบกอดกัน และลอยละลิ่วลงสู่พื้นด้านล่างอย่างรวดเร็ว
  หลิงหยุนร้องถามเกาเฉินเฉิน“เฉินเฉิน.. คุณกลัวมั๊ย”
  ท่ามกลางสายฝนที่ยังคงกระหน่ำลงมาไม่หยุดนั้นหลิงหยุนใช้ฝ่ามือช่วยปิดบังสายฝนที่ซัดสาดลงมาบนศรีษะให้กับเธอ
  “มีนายอยู่ด้วยแบบนี้ฉันไม่กลัวอะไรหรอก!”เกาเฉินเฉินร้องบอกพร้อมกับส่งยิ้มงดงามให้กับหลิงหยุน

บทที่ 744 : สงครามกำลังเริ่มต้นขึ้น!
  “หลิงหยุน..”
  “หืมม..”
  “ไม่ต้องเอามือบังฝนให้ฉันหรอก!กอดฉันไว้แน่นๆทั้งสองมือนั่นล่ะ ฉันอยากจะสัมผัสสายฝนที่ชุ่มฉ่ำนี้ให้เต็มที่ มันสดชื่นมากจริงๆ!”
  ในที่สุดเกาเฉินเฉินก็มีโอกาสได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้งเธอจึงรู้สึกมีความสุขอย่างมาก แม้กระทั่งสายฝนที่หนาวเหน็บก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายเลยแม้แต่น้อย
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับดึงฝ่ามือที่กำลังบังฝนออกให้สองมือของเขาโอบกอดร่างของเกาเฉินเฉินไว้แน่นพร้อมกับแอบเดินพลังลับหยิน-หยางในร่างกาย เพื่อให้พลังหยางบริสุทธิ์ในร่างกายของเขาสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายของเกาเฉินเฉิน
  และภายใต้สายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างรุนแรงนั้นบนพื้นด้านล่างกลางป่าทึบที่เปียกปอนไปด้วยน้ำนั้น ก็มีเพียร์ซและเหล่ากุ่ยรอคอยอยู่
  แม้เพียร์ซจะไม่มีวิชาเคลื่อนไหวที่รวดเร็วแต่เพราะมันคือแวมไพร์ จึงสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์
  ร่างใหญ่พร้อมด้วยปีกกว้างแปดเมตรของเพียร์ซกระทบกับกิ่งไม้ใบไม้จนหักร่วงระเนระนาดและพุ่งเข้าไปหาร่างของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว
  ความเร็วในการบินของเพียร์ซนั้นแม้แต่เหล่ากุ่ยเองก็ยังตามไม่ทัน และในระยะห้าสิบเมตรที่หลิงหยุนจะร่วงลงสู่พื้นนั้น เพียร์ซก็บินไปรออยู่ใต้ฝ่าเท้าของหลิงหยุนแล้ว
  ร่างของหลิงหยุนยืนอยู่บนแผ่นหลังของเพียร์ซนิ่งราวกับยืนอยู่บนพื้นดิน..
  “นี่เราถึงพื้นแล้วเหรอหลิงหยุน.. ทำไมนายถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!?”
  เกาเฉินเฉินยกมือขึ้นหยิบใบไม้ที่ติดตามหน้าผากของหลิงหยุนออกจากนั้นจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมองออกไปท่ามกลางความมืดมิด แม้ว่าภายนอกจะเป็นยามค่ำคืน แต่ก็ยังไม่มืดสนิทเท่ากับในถ้ำ อีกทั้งสายตาของเกาเฉินเฉินก็เริ่มปรับสภาพได้แล้วหลังจากที่ได้สัมผัสกับแสงสว่างของเปลวไฟในถ้ำ เวลานี้เธอจึงสามารถลืมตามองสภาพแวดล้อมรอบๆตัวได้
  และความสามารถของหลิงหยุนในครั้งนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกตกอกตกใจอย่างมาก!
  หลิงหยุนทลายประตูหินที่หนากว่าครึ่งเมตรได้อย่างง่ายดายและใช้ยันต์เตโชเผาถ้ำจนมอดไหม้ อีกทั้งยังกระโดดลงมาจากความสูงกว่าสองร้อยเมตรโดยไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย!
  เพียงแค่สามเดือนเท่านั้นแต่หลิงหยุนกลับกลายเป็นคนที่เก่งกาจอย่างน่าอัศจรรย์มากเช่นนี้!
  “ห๊ะ..นี่เรายังไม่ถึงพื้นดินเลยนี่!”
  เกาเฉินเฉินเหลือบไปมองทิวทัศน์รอบๆตัวแล้วก็ถึงกับตกใจจนแทบช็อค..
  “เรากำลังบินอยู่เหนือพื้นดินราวสิบกว่าเมตรเฉินเฉิน.. คุณลองมองลงไปที่เท้าของคุณสิ!” หลิงหยุนพูดยิ้มๆ
  ทันทีที่ตั้งสติได้สิ่งแรกที่เกาเฉินเฉินมองเห็นก็คือปีกขนาดใหญ่ของเพียร์ซ..
  “ห๊ะ..”
  เกาเฉินเฉินร้องอุทานออกมาอย่างตกใจและรีบใช้สองมือคว้าคอของหลิงหยุนไว้พร้อมกับกระโดดตัวลอยเอาขาขึ้นหนีบเอวของเขาไว้ราวกับหนวดปลาหมึก
  ปีกใหญ่เช่นนี้..แทบไม่ต้องถามเกาเฉินเฉินก็รู้ได้ว่านี่คือแวมไพร์!
  “เฉินเฉิน..ไม่ต้องกลัว! เพียร์ซเป็นแวมไพร์ก็จริง แต่ก็เป็นบริวารที่จงรักภักดีของผมเอง..”
  หลิงหยุนตอบกลับไปเพียงแค่ประโยคเดียวจากนั้นจึงพูดหยอกเย้าเกาเฉินเฉินด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อีกหน่อย.. เดี๋ยวคุณก็เคยชิน!”
  เกาเฉินเฉินรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันทีแต่แล้วจู่ๆก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ “นี่อย่าบอกนะว่า.. นาย.. นายเป็น..”
  หลิงหยุนหัวเราะเสียงดังเพราะเดาความคิดของเกาเฉินเฉินเออก“ฮ่า.. ฮ่า.. คุณไม่ต้องห่วงหรอก.. สามีของคุณยังเป็นคนอยู่ไม่ใช่แวมไพร์ เรื่องนี้ค่อนข้างยาวแล้วผมจะค่อยๆเล่าให้คุณฟัง”
  สายฝนโปรยปรายใส่ร่างของเกาเฉินเฉินเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของเรือนร่างอย่างชัดเจน และเวลานี้ร่างของเธอก็แนบสนิทอยู่กับร่างของหลิงหยุน หน้าอกใหญ่โตทั้งสองข้างก็แนบอยู่กับแผ่นอกของหลิงหยุน เบียดเสียดจนเขารู้สึกสะท้านไปทั้งร่าง จึงแนบริมฝีปากไปที่ใบหูของเกาเฉินเฉินพร้อมกับกระซิบว่า
  “เฉินเฉิน..คุณซูบผอมลงไปมากก็จริง แต่หน้าอกของคุณยังใหญ่โตเหมือนเดิมเลยนะ..”
  เกาเฉินเฉินรู้สึกเขินอายจนต้องรีบปล่อยขาที่รัดร่างของหลิงหยุนออกทันทีใบหน้าซีดเซียวเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อพร้อมกับตอบไปว่า
  “เวลาแบบนี้ยังจะทะลึ่งอยู่อีก!”
  “มันเป็นสไตล์ของผมไง..เจ้าชู้ได้ทุกที่!”
  หลิงหยุนสัมผัสได้ว่าเกาเฉินเฉินเริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเขาจึงรู้สึกโล่งอกขึ้นมาเช่นกัน
  เพียร์ซบินต่ำลงเรื่อยๆและร้องทักทายเหล่ากุ่ยที่กำลังวิ่งตามมา..
  หลิงหยุนเห็นมือขวาของเหล่ากุ่ยกำกระบี่ไว้แน่นแต่มือซ้ายกลับถือร่มวิ่งตามมา และทันทีที่มาถึงก็รีบกางร่มชูไว้เหนือศรีษะของหญิงชายทั้งคู่ทันที ทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก
  “เฉินเฉิน..นี่คือเหล่ากุ่ยที่ตามผมมาช่วยเหลือคุณ”
  เกาเฉินเฉินโค้งหัวลงคำนับพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เกาเฉินเฉินแห่งตระกูลเกาขอขอบคุณเหล่ากุ่ยที่ช่วยเหลือ..”
  และแน่นอนว่าหญิงสาวผู้นี้ก็จะต้องเป็นภรรยาอีกหนึ่งคนของนายน้อยสี่ในวันข้างหน้าอย่างแน่นอนเหล่ากุ่ยจึงไม่อาจรับการคาราวะจากเกาเฉินเฉินได้ เขารีบเบี่ยงตัวหลบไปทางด้านข้างและร้องบอกเกาเฉินเฉินว่า
  “อย่าได้ทำแบบนี้แค่ปลอดภัยก็ดีแล้ว!”
  หลิงหยุนเอื้อมมือไปรับร่มจากเหล่ากุ่ยมาถือไว้เหนือศรีษะของเกาเฉินเฉินเพื่อปกป้องเธอจากสายฝนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “พวกเราไม่ควรอยู่ที่นี่นานนักรีบไปกันดีกว่าเหล่ากุ่ย!”
  เหล่ากุ่ยพยักหน้า“นายน้อยสี่.. ข้าจอดรถไว้ที่ถนนด้านล่าง”
  “เพียร์ซ..เจ้าบินนำพวกเราไป!”
  พูดจบ..หลิงหยุนก็โอบร่างของเกาเฉินเฉิน และมุ่งหน้าลงไปที่ถนนก่อนใคร ส่วนเหล่ากุ่ยก็ตามไปติดๆ
  ……..
  “แย่แล้ว..มีคนบุกเข้าไปช่วยเกาเฉินเฉินที่ถ้ำ!”
  ท่ามกลางสายฝนที่ยังคงกระหน่ำลงมากลางดึกเวลานี้เฉินเจี้ยนกุ่ยบินอยู่ในเขตไหวโย๋วเหนือถนนวงแหวนที่หก และกรีดร้องออกมาอย่างคับแค้นใจ!
  เทคโนโลยีทุกวันนี้ก้าวหน้าไปมากแม้แต่ที่จอดรถยังมีระบบเตือนภัย มีหรือที่สถานที่ซ่อนตัวของเฉินเจี้ยนกุ่ยจะไม่มี
  หลิงหยุนบุกเข้าไปในถ้ำซึ่งเป็นที่ซ่อนของเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นมีหรือที่เขาจะไม่รู้วิธีเปิดประตูหิน แต่เขาจงใจใช้กระบี่วิเศษพังประตูเพื่อให้เฉินเจี้ยนกุ่ยรู้เท่านั้นเอง!
  ตราบใดที่เกาเฉินเฉินปลอดภัยแล้วเขาก็จะสามารถต่อสู้ได้โดยไม่ต้องกลัวคนบริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บอีก!
  ห้องของเกาเฉินเฉินและโลงศพของเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นติดตั้งระบบเตือนภัยไว้และเมื่อถูกหลิงหยุนเผาทิ้ง มันจึงส่งสัญญาณไปให้เฉินเจี้ยนกุ่ยรู้ทันที
  เฉินเจี้ยนกุ่ยทั้งโกรธทั้งตกใจเขาคิดไม่ถึงว่าสถานที่ลึกลับเช่นนี้ จะมีคนค้นพบได้จึงรู้สึกแปลกประหลาดใจอย่างมาก!
  เรื่องด่วนที่สุดของเฉินเจี้ยนกุ่ยในเวลานี้ก็คือเรื่องที่เกาเฉินเฉินถูกช่วยออกไปและมันก็ทำให้เขาโกรธแค้นจนแทบกระอักเลือด
  เฉินเจี้ยนกุ่ยรีบบินกลับไปอย่างรวดเร็วเมื่อไปถึงมันก็บินวนสำรวจรอบหน้าผาบนเขาหยุนเมิ่งด้วยความโมโห ร่างที่ดำสนิทของมันเคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดสนิท!
  ในขณะเดียวกันก็รีบใช้เครื่องมือสื่อสารติดต่อกลับไปที่ตระกูลเฉินขอให้ส่งคนมาช่วย..
  “ท่านพ่อ..มีคนมาช่วยเกาเฉินเฉินออกไปแล้ว ท่านพ่อรีบส่งคนมาที่นี่โดยเร็วที่สุด ยิ่งเร็วมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!”
  “เขาหยุนเมิ่ง!”
  หลังจากที่แจ้งเรื่องให้เฉินไห่เผิงรู้แล้วเฉินเจี้ยนกุ่ยก็รีบแจ้งข่าวให้กับดยุคแดร๊กคิวล่าที่เพิ่งมาถึงตระกูลเฉินรู้ด้วยเช่นกัน และสั่งให้แวมไพร์ทั้งสิบสองตนออกจากบ้านตระกูลเฉินมาที่นี่ทันที!
  เฉินเจี้ยนกุ่ยโมโหจนแทบคลั่ง!
  เลือดของเกาเฉินเฉินเพียงคนเดียวสามารถทำให้เฉินเจี้ยนกุ่ยสามารถพัฒนาร่างเป็นถึงแกรนด์ดยุคได้และสามารถเข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นเซียงเทียน-9 ได้..
  ……..
  ที่คฤหาสน์ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของตระกูลเฉิน..
  ในยามค่ำคืนที่ฝนตกลงมาอย่างหนักสายฟ้าแลบแปลบปลาบ เหล่าฝูงค้างคาวสีดำสิบสองตัวก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงตาเล็กๆสีแดงที่อยู่กลางอากาศ และเห็นว่าพวกมันกำลังมุ่งหน้าไปทิศตะวันออกเฉียงเหนือของปักกิ่ง
  ดยุคแดร๊กคิวล่าที่เพิ่งมาถึงตระกูลเฉินกำลังนั่งอยู่กลางห้องรับแขกด้วยท่าทางยะโสโอหังและเจรจาอยู่กับเฉินไห่เผิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูล ทั้งสองคนต่างก็ได้รับข่าวคราวจากเฉินเจี้ยนกุ่ยด้วยกันทั้งคู่
  “ดูเหมือนจะไม่ใช่ข่าวดี..”
  ดยุคแดร๊กคิวล่าขมวดคิ้วเล็กน้อยเขามีชีวิตยืนยาวมานานถึงหนึ่งพันปีแล้ว ใบหน้าจึงดูแก่ชรามาก แต่ก็ยังมีร่องรอยความหล่อเหลาดังเช่นชายชาวตะวันตก ปลายจมูกโค้งงอคล้ายตะขอ ดวงตาสีฟ้าเข้มแต่ใบหน้าขาวซีดอยู่ในชุดทักซีโด้อย่างสง่างามในแบบของสุภาพบุรุษ
  เฉินไห่เผิงรีบลุกขึ้นและเอ่ยขอโทษทันทีจากนั้นจึงลุกเดินออกไปจากห้องรับแขก และกลับเข้าไปยังห้องประชุมลับตระกูลเผิง
  “เฉินเจี้ยนห่าว..เฉินเจี้ยนจื่อ.. ตอนนี้มีคนมาช่วยเกาเฉินเฉินไปแล้ว คนที่หาสถานที่เช่นนั้นพบได้คงจะต้องเป็นสุดยอดผู้เยี่ยมยุทธอย่างแน่นอน พวกเจ้าสองคนพอจะรู้หรือไม่ว่ามันเป็นใครกัน”
  เฉินเจี้ยนห่าวและเฉินเจี้ยนจื่อนั้นอายุสามสิบกว่าทั้งคู่ อีกทั้งยังเป็นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-8 อีกด้วย
  “ดูเหมือนว่าจะเป็นชายชุดดำสวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้าที่เคยไปถล่มคฤหาสน์ชานเมืองด้านใต้ของตระกูลเฉินข้าว่าพวกเรารีบไปดูกันดีกว่า..”
  เฉินเจี้ยนห่าวและเฉินเจี้ยนจื่อมองหน้ากันและเฉินเจี้ยนจื่อก็เป็นฝ่ายลุกขึ้นยืนก่อน..
  “ก็ดี..ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้านำยอดฝีมือไปกับเจ้าด้วย ยิ่งฝนตกกระหน่ำเช่นนี้ ก็ยิ่งหาทางเข้าภูขาหยุนเมิ่งยากมากขึ้น..”
  เฉินเจี้ยนจื่อยิ้มเย็นชาพร้อมกับทวนชื่อเขาหยุนเมิ่งออกมาแล้วจึงรีบกระโจนออกจากห้องประชุมลับไป
  เฉินไห่เผิงขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับร้องเตือนว่า“เจี้ยนจื่อ.. เจ้าอย่าได้ประมาทและประเมินมันต่ำนัก..”
  เฉินเจี้ยนห่าวยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ท่านพ่อ.. พวกเราจะระมัดระวังตัวให้มาก ท่านอย่าได้กังวลใจไป!”
  ภายในห้องรับแขกตระกูลเฉินนั้นดยุคแดร๊กคิวล่าลุกขึ้นยืน และร่างสูงใหญ่ก็เดินออกไปนอกประตู เขาโบกมือและร่างของค้างคาวห้าหกตัวก็ปรากฏขึ้นบินหมุนวนล้อมร่างของท่านดยุคแดร๊กคิวล่า
  ท่านดยุคแดร๊กคิวล่ายกมือซีดขาวขึ้นคว้าค้างคาวมาหนึ่งตัวจากนั้นก็กระซิบด้วยภาษาประหลาดก่อนจะปล่อยตัวไป
  ค้างคาวตัวนั้นบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและส่งเสียงร้องแหลม จากนั้นก็มีค้างคาวจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนปรากกฎขึ้นบินตามไปเป็นฝูง
  และแน่นอนว่าฝูงดำมืดของเหล่าค้างคาวนั้นก็บินมุ่งหน้าไปยังภูเขาหยุนเมิ่งนั่นเอง..