บทที่ 741 : ข้าจะสับเจ้าเป็นชิ้นๆ!
  เปรี้ยง!
  แสงสีเงินสว่างวาบขึ้นกลางท้องฟ้าที่มืดมิดเสียงฟ้าร้องครืนๆดังกึกก้องไปทั่วท้องนภาอยู่เหนือภูเขาหยุนเมิ่ง
  สิ้นเสียงอนุสีบาตร..สายฝนก็เทกระหน่ำตามลงมาทันที สายฝนที่รุนแรงตกลงมากระทบก้อนหิน กิ่งไม้ และใบไม้ที่อยู่ด้านล่าง ภายในพริบตาเดียวทั่วทั้งเขาหยุนเมิ่งก็เปียกชื้นไปด้วยน้ำฝนทันที
  ภายในห้องที่อยู่ภายในถ้ำ..
  “เสียงฟ้าร้องนี่..ดูท่าฝนกำลังจะตก!”
  เกาเฉินเฉินตื่นจากการสวดมนต์ภาวนาเธอค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ในดวงตาคู่สวยนั้นไม่มีแม้แต่ความหวาดกลัว มีเพียงแววตาสงบนิ่งของคนที่เพิ่งผ่านพ้นความทุกข์ใจแสนสาหัสและความตายมาแล้ว
  มาถึงตอนนี้เกาเฉินเฉินไม่ใช่ดาวโรงเรียนคนสวยไร้เดียงสาแห่งโรงเรียนมัธยมจิงฉูอีกต่อไปแล้ว เวลานี้ไม่มีแววตาที่สดใส มีเพียงแววตาที่แน่วแน่ และหนักแน่น
  ดวงตาคู่สวยของเกาเฉินเฉินนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังในตัวเฉินเจี้ยกุ่ยและรู้สึกเสียใจกับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับตระกูลเกา และความคิดถึงหลิงหยุนที่มีอยู่อย่างมากมายมหาศาล
  “เฉินเจี้ยนกุ่ย..ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะใช้เวทย์มนต์อะไรกับข้า แต่หากข้าตื่นมาแล้วพบว่าเจ้าได้ล่วงเกินข้าแล้วล่ะก็ ข้าจะฆ่าตัวตายทันที!”
  นี่เป็นคำพูดที่เกาเฉินเฉินพูดกับเฉินเจี้ยนกุ่ยหลังจากที่หมดสติไปเพราะถูกเขาใช้เนตรปีศาจสะกดจิตไว้หลังจากสำรวจตามร่างกายอย่างละเอียดลออแล้ว เกาเฉินเฉินจึงพูดประโยคนี้กับเฉินเจี้ยนกุ่ย
  ปักกิ่งเวลานี้อยู่ในช่วงฤดูร้อนแต่เกาเฉินเฉินกลับใส่เสื้อผ้าปกปิดร่างกายไว้อย่างมิดชิด และเฉินเจี้ยนกุ่ยจะได้เห็นก็เพียงใบหน้าของนางเท่านั้น
  ดวงตาของเกาเฉินเฉินจะคอยจับจ้องอยู่ที่ประตูหินก้อนใหญ่อยู่แทบจะตลอดเวลาแต่ในสมองกลับครุ่นคิดถึงโรงเรียนมัธยมจิงฉู และบ้านเลขที่-1 ของหลิงหยุนที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกับเธอ
  เกาเฉินเฉินยังจดจำช่วงเวลาดีๆที่เคยได้มีความสุขอยู่กับหลิงหยุนได้ดี และรอยยิ้มบางๆก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยงามแต่ซีดเซียวของนาง
  ผ่านมาสามเดือนแล้วเกาเฉินเฉินได้พยายามบอกกับตัวเองว่าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่เพียงแค่จะต้องอยู่เพื่อแก้แค้นให้กับตระกูลเกา แต่ยังต้องมีชีวิตอยู่เพื่อหลิงหยุนอีกด้วย
  เกาเฉินเฉินไม่เคยลืมภาพเด็กผู้ชายอ้วนที่วิ่งแบกกระสอบทรายราวกับคนบ้าไม่เคยลืมการออกเดทที่สนามโรงเรียน และการเต้นรำที่แสนโรแมนติคในไนท์คลับแห่งหนึ่ง..
  “หลิงหยุน..นายยอมบุกเข้าไปช่วยพี่เม่ยเฟิง หากนายรู้ว่าฉันกำลังตกอยู่ในอันตรายแล้วล่ะก็ ฉันเชื่อว่านายก็ต้องมาช่วยฉันเหมือนกัน..”
  “แต่ถ้านายไม่มาช่วยฉันจะดีกว่า..เพราะศัตรูของฉันแข็งแกร่งมาก หนำซ้ำยังไม่ใช่มนุษย์อีกด้วย..”
  “แค่ฉันได้เห็นนายอยู่อย่างมีความสุขฉันก็ดีใจแล้วและยินดีตกนรกเช่นนี้ แต่น่าเสียดายที่เราสองคนไม่ได้มีโอกาสแก่ไปด้วยกัน..”
  “นี่ก็สอบเอนทรานซ์เสร็จแล้วฉันเชื่อว่าผลสอบของนายต้องออกมาดีเยี่ยมอย่างแน่นอน..”
  ………
  “หลิงหยุน..ฉันคิดถึงนายเหลือเกิน! หากสามารถได้พบหน้านายอีกสักครั้ง ฉันจะยอมแลกกับทุกๆอย่าง..”
  น้ำตาของเกาเฉินเฉินไหลพร่างพรูออกมาไม่หยุดแต่ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มงดงามราวกับดอกโบตั๋นที่เบ่งบานอยู่ในความมืด
  ……..
  ด้านนอกประตูหิน..กลางถ้ำที่แสนเย็นยะเยือก..
  ปัง!
  ฝาโลงศพถูกกระแทกให้เปิดออกและร่างๆหนึ่งก็กระโจนออกมายืนอยู่ข้างโลงศพ..
  ฝาโลงที่ถูกกระแทกให้เปิดออกนั้นหล่นลงบนพื้นเสียงดังปังราวกับว่ามันไม่เคยถูกเปิดมาก่อน..
  ใบหน้าของเฉินเจี้ยนกุ่ยซีดขาวดวงตาเป็นสีแดงก่ำ และเป็นประกายวิบวับอยู่ในความมืด มันแลบลิ้นสีแดงออกมาเลียริมฝีปากพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างดีอกดีใจ
  ในฝ่ามือซ้ายที่แบอยู่นั้นมีก้อนเลือดสีแดงขนาดเท่าลูกประคำปรากฏอยู่ และกำลังเปล่งประกายแสงสีแดง
  “ไม่น่าเชื่อว่าประคำโลหิตจะมีอานุภาพถึงเพียงนี้!ข้าบาดเจ็บสาหัสถึงสองครั้ง หากไม่เพราะเจ้า ข้าก็คงไม่สามารถฟื้นคืนได้รวดเร็วเช่นนี้..”
  ฟรึบ!
  มือซ้ายของเฉินเจี้ยนกุ่ยแทงทะลุท้องของตนเองเข้าไปตรงตำแหน่งจุดตันเถียนซึ่งอยู่ต่ำจากท้องน้อยลงไปและประคำโลหิตก็ถูกเก็บเข้าไปไว้ในร่างกายของมัน
  เฉินเจี้ยนกุ่ยมองเข้าไปบริเวณใต้ท้องน้อยของตนเองผิวที่ซีดขาวของมันค่อยๆปิดเข้าหากันจนสนิท และหัวเราะออกมาเสียงดัง
  เฉินเจี้ยนกุ่ยหัวเราะอย่างมีความสุขและเหลือบมองไปทางประตูหินที่มีร่างไร้วิญญาณของเด็กสาวกองพะเนินอยู่มากมาย และริมฝีปากก็เปลี่ยนเป็นแสยะยิ้มออกมาอย่างโหดร้าย
  “ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6ประกอบกับความแข็งแกร่งในขั้นเคานต์ ข้าเชื่อว่าหากได้พบกับชายชุดดำสวมผ้าปิดบังใบหน้าอีกครั้งแล้วล่ะก็ ข้าต้องสามารถจัดการกับมันได้อย่างแน่นอน!”
  ยังไม่ทันสิ้นเสียงของเฉินเจี้ยนกุ่ยดีร่างของมันก็กระโดดออกไปยืนอยู่หน้าประตูห้องของเกาเฉินเฉิน
  เฉินเจี้ยนกุ่ยยกมือขึ้นผลักกำแพงด้านหนึ่งและประตูหินก็ค่อยๆเปิดออกช้าๆ เฉินเจี้ยนกุ่ยเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับยิ้มให้เกาเฉินเฉิน
  เกาเฉินเฉินรู้ดีว่าเป็นเฉินเจี้ยนกุ่ยเดินเข้ามานางจึงแทบไม่อยากหันหลับกลับไปมอง ดวงตาคู่งามของนางนั้นทั้งเย็นชาและเฉยเมยเมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินเจี้ยนกุ่ย
  เฉินเจี้ยนกุ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนนุ่มนวล“น้องเฉินเฉิน..”
  เกาเฉินเฉินตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาและห่างเหิน“อย่าเรียกข้าว่าน้องเฉินเฉิน.. เจ้าไม่คู่ควร!”
  “งั้นรึ!”
  เฉินเจี้ยนกุ่ยตอบกลับมาอย่างไม่ใส่ใจและยังคงพูดต่อ “เวลานี้ข้างนอกฝนตกหนัก ข้าจะพาเจ้าออกไปดูสายฝนด้านนอก..”
  เกาเฉินเฉินคิดว่าร่างกายของตนเองต้องการอากาศบริสุทธิ์จึงลุกขึ้นเดินออกจากเตียงไป..
  เฉินเจี้ยนกุ่ยจ้องมองเกาเฉินเฉินด้วยแววตาเสน่หามันกวาดสายตาไปทั่วร่างของเกาเฉินเฉินก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
  “เฉินเฉิน..เจ้าช่างงดงามนัก!”
  เกาเฉินเฉินไม่ใส่ใจคำพูดของเฉินเจี้ยนกุ่ยและไม่แม้แต่จะชายตามอง นางเดินผ่านฝ่าความมืดผ่านร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยตรงไปที่หน้าถ้ำทันที
  เฉินเจี้ยนกุ่ยเดินตามเกาเฉินเฉินไปอย่างช้าๆและจ้องมองเรือนร่างที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งงดงามของนาง แต่ในใจกลับคิดชั่วช้า..
  “เฉินเจี้ยนกุ่ย..เจ้าจงจำคำพูดของข้าไว้ให้ดี หากข้าไม่ตายไปเสียก่อน ข้าจะต้องแก้แค้นเจ้าและสับเจ้าเป็นชิ้นๆแน่!”
  เกาเฉินเฉินสัมผัสได้ถึงแววตาที่ชั่วร้ายของเฉินเจี้ยนกุ่ยนางจึงร้องบอกเฉินเจี้ยนกุ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
  “เจ้าไม่ต้องห่วง..ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตายแน่ แต่จะให้เจ้าอยู่อย่างอมตะ และติดตามเป็นบริวารที่ซื่อสัตย์ของข้า..”
  เฉินเจี้ยนกุ่ยไม่ได้นึกหวาดกลัวในคำพูดของเกาเฉินเฉินแม้แต่น้อยเพราะเชื่อมั่นว่าตนเองจะสามารถทำให้เกาเฉินเฉินกลายเป็นแวมไพร์บริวารของมันได้
  “นับว่าข้าโชคดีมาก!เลือดของเจ้าไม่เพียงเป็นเลือดที่มีพลังพิเศษ แต่ยังสามารถต้านทานแวมไพร์ได้ ร่างกายของเจ้านั้นได้ถูกยอดฝีมือขั้นสูงชำระล้างจนสะอาดแล้ว เวลานี้เจ้าไม่ต่างจากได้ร่างใหม่ เลือดของเจ้านั้นนับว่าบริสุทธิ์อย่างมาก หากข้าได้ดื่มเลือดของเจ้าเข้าไป ไม่เพียงข้าจะสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 ได้แล้ว แต่ยังจะสามารถพัฒนาร่างขึ้นเป็นแวมไพร์ขั้นแกรนด์ดยุคได้อีกด้วย และถึงเวลานั้นข้าก็ไม่ต้องหวาดกลัวต่อแสงแดดอีกต่อไป..”
  เมื่อคิดถึงชัยชนะที่คืบคลานเข้ามาใกล้เฉินเจี้ยนกุ่ยก็หัวเราะออกมาเสียงดังสนั่นไปทั้งถ้ำ
  ร่างของเกาเฉินเฉินสั่นเทิ้มไปด้วยความโกรธนางพยายามเก็บซ่อนอารมณ์โกรธ และตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นเคย
  “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็กล้าๆดูดเลือดของข้าเสียเลยสิ!”
  นับว่าเกาเฉินเฉินตอบโต้กลับไปได้อย่างชาญฉลาดแต่เฉินเจี้ยนกุ่ยก็ตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มดุร้าย
  “เจ้าไม่ต้องกังวลใจไป..ข้าย่อมมีหนทาง คืนนี้ท่านดยุคแดรกคูล่าและแวมไพร์ขั้นสูงก็จะมาถึงแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นข้าย่อมมีหนทางจัดการกับเจ้าได้อย่างแน่นอน!”
  เสียงสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างรุนแรงนั้นดังเข้ามาถึงในถ้ำและกลบเสียงฝีเท้าของเกาเฉินเฉินจนสิ้น เวลานี้นางเดินไปใกล้ถึงปากทางเข้าถ้ำมากแล้ว
  ราตรีค่อยๆคืบคลานเข้ามาแม้ภายนอกถ้ำนั้นจะมืดมิด แต่หากเปรียบเทียบกับความมืดภายในถ้ำแล้ว นอกถ้ำนั้นนับว่ายังสว่างกว่ามากนัก และเกาเฉินเฉินก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจนกว่ามาก
  “ดยุคแดรกคูล่างั้นเหรอ”
  เกาเฉินเฉินแสยะยิ้มพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เฉินเจี้ยนกุ่ย.. เจ้าไม่กลัวว่าดยุคแดรกคูล่าอะไรนั่น จะจัดการกับข้าก่อนเจ้าอย่างนั้นรึ!”
  แต่เฉินเจี้ยนกุ่ยตอบกลับมาอย่างไม่สนใจใยดี“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องห่วง ถึงอย่างไรข้าก็ต้องทำให้เจ้าเป็นบริวารที่ซื่อสัตย์ของข้าให้ได้ เจ้าจะต้องอยู่กับข้า และบินไปใหนมาใหนกับข้า..”
  เกาเฉินเฉินได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจและขยะแขยงจนแทบจะอาเจียนออกมา!
  และเวลานี้ทั้งคู่ก็เดินมาถึงปากถ้ำแล้ว..
  ระหว่างที่ยืนมองม่านน้ำฝนสีขาวอยู่นั้นเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ยกมือขึ้นชี้ไปทางภูเขาที่อยู่ไกลออกไปพร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “เฉินเฉิน..อีกไม่นาน ผืนแผ่นดินจีนก็จะต้องตกเป็นของตระกูลเฉิน!”
  “เป็นแวมไพร์ไม่ดีตรงใหนอย่างน้อยเจ้าก็มีชีวิตที่ยืนยาว อีกทั้งยังสามารถบินไปในต่อใหนได้อย่างอิสระ..”
  “เจ้าบอกว่าข้าเป็นสัตว์ประหลาด..แต่ข้าจะบอกเจ้าว่าแวมไพร์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตโบราณที่ยังคงมีชีวิตอยู่บนดาวดวงนี้มานับพันล้านปี”
  “สัตว์ประหลาดงั้นรึมนุษย์หมาป่า ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ต่างก็ถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาด และ..”
  เฉินเจี้ยนกุ่ยหยุดชะงักและเลือกที่จะไม่พูดคำคำนั้นออกมา..
  แต่เวลานี้เกาเฉินเฉินไม่ได้ฟังคำพูดเพ้อเจ้อของเฉินเจี้ยนกุ่ยเลยแม้แต่น้อยเธอกำลังกัดฟันและพยายามควบคุมร่างที่กำลังสั่นเทิ้มให้เป็นปกติ เพื่อที่จะปิดบังหัวใจที่กำลังเต้นแรงของตนเองไม่ให้เฉินเจี้ยนกุ่ยจับได้ถึงความผิดปกตินี้

บทที่ 742 : ผมมาช่วยแล้ว!
  -เฉินเฉิน..ไม่ต้องกลัว ผมมาช่วยคุณแล้ว!-
  ประโยคสั้นๆที่อบอวนไปด้วยความอ่อนโยนและอบอุ่นนี้ดังแทรกผ่านม่านน้ำฝนมาเข้าหูของเกาเฉินเฉินที่ได้ผ่านความเป็นความตายมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เลือดในกายของเกาเฉินเฉินเวลานี้จึงเดือดพล่านขึ้นมาทันที!
  เด็กหนุ่มที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจและจิตวิญญาณของเกาเฉินเฉินได้ปรากฏตัวขึ้นแล้วเวลานี้ ในที่สุดเขาก็มาช่วยเธอจริงๆ!
  เกาเฉินเฉินไม่มีเวลาแม้แต่จะคิดว่าหลิงหยุนหาที่นี่พบได้อย่างไรเธอคิดแค่เพียงว่านี่เธอกำลังฝันไปหรือไม่? และได้แต่กลัวว่าสิ่งที่เธอได้ยินนั้นมันจะเป็นเพียงแค่ความฝัน เกาเฉินเฉินไม่กล้าแม้แต่จะเชื่อว่านี่คือความจริง!
  -เฉินเฉิน..ไม่ต้องตื่นเต้นตกใจ! คุณก็ไม่ได้ฝันไป เป็นผม – หลิงหยุนจริงๆ!-
  -พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดและอดทนรออีกนิด ผมจะช่วยคุณออกมาอย่างแน่นอน!-
  ระหว่างที่เกาเฉินเฉินกำลังครุ่นคิดว่าตนเองกำลังฝันไปหรือไม่นั้น..เสียงของหลิงหยุนก็ดังขึ้นที่ข้างหูของเธออย่างต่อเนื่อง..
  และนั่นทำให้เธอมั่นใจว่า..มันไม่ใช่ความฝัน!
  เกาเฉินเฉินพยายามรวบรวมสติและพยายามปกปิดซ่อนเร้นความตื่นเต้นดีใจของตนเอง เวลานี้เธอรู้สึกเกร็งไปทั้งตัวและแทบไม่อยากเชื่อ.. เธอก้าวเดินไปตามทิศทางของเสียงที่ได้ยิน
  “เฉินเฉิน..นั่นคุณจะทำอะไร!”
  เฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นไม่เคยคิดว่าจะมีผู้ใดหาที่ซ่อนตัวแห่งนี้ของเขาพบและคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะตามไล่ล่าตนเองมาจนถึงที่นี่ ดังนั้นในคืนที่ฝนตกหนักเช่นนี้ มันจึงอยู่บนหน้าผาไป่ฉางด้วยความรู้สึกสดชื่นอย่างที่สุด
  เฉินเจี้ยนกุ่ยรู้ดีว่าท่านดยุคแดร๊กคิวล่าจะมาถึงในคืนนี้และเขาก็จะได้ดูดเลือดของเกาเฉินเฉิน และทำให้นางกลายเป็นบริวารของเขาเสียที เขาแทบจะอดทนรอต่อไปไม่ไหวแม้แต่วินาทีเดียว!
  และเมื่อใดที่เกาเฉินเฉินกลายเป็นบริวารที่จงรักภักดีของเขาแล้วล่ะก็เฉินเจี้ยนกุ่ยก็ไม่จำเป็นต้องอดทนใจเย็นกับนางเช่นนี้อีกต่อไป เพราะนางจะยินยอมรับใช้เขาด้วยความเต็มใจ!
  แต่เวลานี้เฉินเจี้ยนกุ่ยกลับสังเกตุเห็นว่าเกาเฉินเฉินนั้นมีท่าทางตื่นเต้น และรีบเดินตรงไปที่หน้าปากถ้ำทันที ฝนที่ตกลงมานั้นสาดกระเซ็นรดร่างของเธอจนเปียกปอนไปใหมด!
  เหลืออีกเพียงแค่ก้าวเดียวร่างของเกาเฉินเฉินก็จะเดินตรงไปเกือบถึงหน้าผาไป่ฉางแล้ว!
  มือเย็นเฉียบของเฉินเจี้ยนกุ่ยเอื้อมออกไปจับแขนของเกาเฉินเฉินไว้และดึงกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว!
  เฉินเจี้ยนกุ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นเคย..
  “ทำไม!อย่าบอกนะว่าเวลานี้เจ้าคิดอยากจะตายขึ้นมา!”
  ความจริงแล้ว..ลึกๆในใจของเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นก็หวาดระแวงว่าเกาเฉินเฉินจะฆ่าตัวตาย เพราะเลือดของนางนั้นเป็นเลือดที่มีทรงอานุภาพล้ำเลิศ หากปล่อยให้ตายไปก็คงจะน่าเสียดายมากเลยทีเดียว!
  เกาเฉินเฉินสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อสงบจิตสงบสติจากนั้นจึงหันไปพูดกับเฉินเจี้ยนกุ่ยซึ่งมีใบหน้าซีดขาวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเย้ยหยัน
  “ตายงั้นเหรอ!เจ้าประมาทคนตระกูลเกามากเกินไปแล้ว เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้ามีปีกและสามารถบินได้ หากข้ากระโดดลงไปจริงๆ เจ้าก็บินไปจับข้ากลับมาอยู่ดี!”
  เกาเฉินเฉินจงใจย้ำประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิม!นับว่าเกาเฉินเฉินยังคงเป็นเด็กสาวที่มีสติสัมปชัญญะและเฉลียวฉลาดเช่นเคย นางคาดว่าหลิงหยุนคงจะยังไม่รู้ว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นบินได้ จึงแสร้งพูดเสียงดังเพื่อให้หลิงหยุนได้รู้ถึงพลังความสามารถของศัตรู
  และนั่นทำให้หลิงหยุนที่ซ่อนอยู่ใต้ก้อนหินด้านล่างนั้นถึงกับเผลอยิ้มออกมา..
  ผ่านมาหลายเดือนหลิงหยุนก็แข็งแกร่งขึ้นมากเช่นกัน ผู้คนรอบข้างเขาต่างก็คิดว่าหลิงหยุนเป็นคนอารมณ์ร้อน และมีความอดทนต่ำ ไม่รู้จักดอดกลั้นรอคอยเลยก็ว่าได้
  แต่ในความจริงกลับตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง..
  หากหลิงหยุนเป็นคนที่มีอารมณ์ร้อนและไม่รู้จักอดกลั้นรอคอยอย่างที่หลายคนเข้าใจแล้วล่ะก็ หลิงหยุนก็คงจะตายไปตั้งแต่เมื่อครั้งที่ไม่สามารถผ่านบททดสอบในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ได้แล้ว.. ดวงจิตของเขาคงดับสลายไปตั้งแต่ครั้งนั้นแล้ว!
  หลิงหยุนนับว่าเป็นผู้ที่สามารถคาดคะเนสถานการณ์ต่างๆได้ค่อนข้างแม่นยำและหากถึงคราวต้องอดทนอดกลั้น เขาก็จะสามารถอดทนอดกลั้นได้สูงกว่าใครๆ และอาจดีจนถึงขั้นที่ทำให้ผู้คนลืมไปด้วยซ้ำว่าเขายังมีตัวตนอยู่ก็เป็นได้!
  ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตนเองต้องการ!
  อย่างเช่นในคืนนี้และเวลานี้..หลิงหยุนอยู่ห่างจากหน้าผาไป่ฉางเพียงแค่สองร้อยเมตรเท่านั้น แม้จิตหยั่งรู้ของเขานั้นจะครอบคลุมพื้นที่ในรัศมีหนึ่งร้อยเมตร และไม่สามารถสำรวจเห็นเหตุการณ์ภายในถ้ำได้ และแม้ว่าจะไม่เห็นแม้แต่เงาของเกาเฉินเฉินอยู่บนหน้าผาไป่ฉาง หลิงหยุนก็คาดเดาได้ว่านางต้องอยู่บนหน้าผาที่สูงขึ้นไปนี้อย่างแน่นอน
  หลิงหยุนซุ่มดูอยู่นิ่งอีกทั้งยังสวมชุดสีดำทั้งชุดและมีผ้าคลุมปิดบังใบหน้าไว้ด้วย สภาพแวดล้อมที่เป็นป่าหนาทึบเช่นนี้ ต่อให้เป็นยอดนินจาก็คงยากที่จะพบร่องรอยของหลิงหยุนอย่างแน่นอน
  ภายใต้ความมืดมิดและฝนที่กระหน่ำเทลงมาราวกับน้ำตกเช่นนี้ สายฝนที่เย็นราวน้ำแข็งราดรดบนร่างของเขาลงมาตั้งแต่ศรีษะ แต่หลิงหยุนก็ยังคงยืนนิ่งไม่มีท่าทีหนาวเหน็บเลยแม้แต่น้อย มีเพียงดวงตาสองดวงที่จับจ้องอยู่บนหน้าผาที่สูงขึ้นไป และเฝ้ารอคอยอย่างอดทน..
  และเวลานี้หลิงหยุนก็ได้เปิดประสาทสัมผัสทั้งห้าของตนเองออกสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งประสาทการได้ยิน..
  แม้ว่าเสียงฝนตกกระทบหน้าผาและพื้นดินนั้นจะดังแข่งกับเสียงท้องฟ้าคำรามแต่หากอยู่ในรัศมีห้าร้อยเมตร ก็ไม่มีเสียงใดที่จะสามารถหลุดรอดจากการได้ยินของหลิงหยุนไปได้
  ดังนั้น..ตั้งแต่วินาทีที่เฉินเจี้ยนกุ่ยใช้หมัดกระแทกฝาโลงให้เปิดออก และกระโดดออกมานอกโลงศพนั้น หลิงหยุนก็ได้ยินทั้งหมดแล้ว..
  และแน่นอนว่า..มันทำให้หลิงหยุนรู้ได้ทันทีว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยกับเกาเฉินเฉินนั้นซ่อนอยู่ในถ้ำบนหน้าผาแห่งใหนกันแน่!
  และบทสนทนาระหว่างคนทั้งคู่นั้นหลิงหยุนก็ได้ยินทุกประโยค ทำให้เขาค่อนข้างโล่งใจอย่างมาก..
  ก่อนที่หลิงหยุนจะมาช่วยเกาเฉินเฉินนั้นหลิงหยุนได้คิดถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้แล้ว เพราะเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นไม่เพียงอยู่ในด่านกลางของขั้นเซียงเทียน แต่ยังเป็นแวมไพร์และมีเนตรปีศาจที่สามารถสะกดจิตได้อีกด้วย ในขณะที่เกาเฉินเฉินนั้นเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญเท่านั้น
  เกาเฉินเฉินอยู่ในเงื้อมือของเฉินเจี้ยนกุ่ยเช่นนี้นานถึงสามเดือนในระยะเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ มีหรือที่จะรอดพ้นไม่สูญเสียความบริสุทธิ์ให้กับเฉินเจี้ยนกุ่ยได้
  แต่หลิงหยุนนนั้นยอมรับผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดได้ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับหายนะที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ การไม่ต้องเสียชีวิตจึงนับว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างมากแล้ว! เขายังจะกล้าหวังอะไรมากมายกว่านี้อีกหรือ
  แต่จากบทสนทนาระหว่างเกาเฉินเฉินกับเฉินเจี้ยนกุ่ยที่หลิงหยุนได้ยินเมื่อครู่นั้นทำให้เขารู้ว่าตลอดระยะเวลาสามเดือนมานี้ เกาเฉินเฉินเองก็ได้หาวิธีเอาตัวรอดจากเฉินเจี้ยนกุ่ยอย่างสุดความสามารถ แม้ไม่ชนะ แต่ก็ไม่พ่ายแพ้!
  หลิงหยุนถึงกับตกใจอย่างมาก!
  จิตใจของเกาเฉินเฉินนั้นหลิงหยุนคาดเดาได้ถูกต้องเขารู้ว่าที่เกาเฉินเฉินยอมทนมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ ก็เพื่อต้องการแก้แค้นให้กับคนตระกูลเกาที่ตายไปแล้วนั่นเอง
  แต่ถึงกระนั้นเกาเฉินเฉินก็ยังสามารถรักษาความบริสุทธิ์ให้กับตนเองได้ด้วยการบอกกับเฉินเจี้ยนกุ่ยว่าหากเขาแตะต้องตัวนางแม้แต่น้อย นางก็จะขอยอมตาย และนั่นทำให้หลิงหยุนซาบซึ้งใจและประทับใจในตัวนางยิ่งนัก
  เกาเฉินเฉินต้องการมีชีวิตอยู่เพื่อแก้แค้นแต่เหนือกว่านั้นคือเธอต้องมีชีวิตอยู่อย่างบริสุทธิ์และไร้ซึ่งมลทินอีกด้วย!
  และนี่คือสิ่งที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจเกาเฉินเฉินซึ่งมีเพียงหลิงหยุนเท่านั้นที่รู้!
  -เฉินเฉิน..คุณไม่ต้องกังวลใจไป เรื่องของเฉินเจี้ยนกุ่ยผมรู้ดีทุกอย่าง แล้วผมก็มีวิธีที่จะจัดการกับมันอย่างแน่นอน คุณแค่ทำตัวให้เป็นปกติเท่านั้น..-
  หลังจากส่งกระแสจิตบอกกับเกาเฉินเฉินไปแล้วหลิงหยุนก็นิ่งเงียบอีกครั้ง และรอคอยโอกาสอย่างอดทน
  เกาเฉินเฉินได้ยินคำพูดของหลิงหยุนในใจก็เริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น น้ำเสียงที่พูดกับเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ยิ่งเย็นชามากขึ้นเช่นกัน
  “หากข้ารอดไปได้..ข้าจะจัดการเฉือนเนื้อของเจ้าเป็นชิ้นๆ และที่สำคัญข้าจะยังไม่ยอมตายก่อนที่ข้าจะได้ทำสิ่งนี้!”
  เฉินเจี้ยนกุ่ยสังเกตุท่าทางและแววตาของเกาเฉินเฉินอย่างละเอียดเขารู้สึกว่าแววตาของเกาเฉินเฉินนั้นเปลี่ยนไป เขาเห็นความหยิ่งผยองในดวงตาคู่นั้น และนั่นทำให้เฉินเจี้ยนกุ่ยนึกแปลกใจไม่น้อย
  แต่หลังจากที่แน่ใจว่าเกาเฉินเฉินไม่ได้คิดฆ่าตัวตายเฉินเจี้ยนกุ่ยก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเช่นกัน ตราบใดที่เกาเฉินเฉินยังไม่ตาย และหลังจากที่เขาได้ดื่มเลือดของนางเป็นคนแรก ทุกอย่างของเกาเฉินเฉินก็จะเป็นของเขา และทุกอย่างของตระกูลเกาก็จะตกเป็นของเขาเช่นกัน!
  “ฮ่า..ฮ่า.. สับข้าเป็นชิ้นๆงั้นรึ! ข้าจะรอคอยวันนั้น!” เฉินเจี้ยนกุ่ยพูดจบก็เงยหน้าขึ้นหัวเราะออกมาเสียงดัง
  และจู่ๆเครื่องมือสื่อสารของเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ดังขึ้นเครื่องมือสื่อสารของเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นคล้ายกับโทรศัพท์มือถือ แต่มีฟังก์ชั่นการใช้งานและสัญญาณที่แรงกว่าโทรศัพท์มือถือทั่วไปตามท้องตลาด
  “ท่านดยุคแดรกคิวล่ามาถึงแล้ว..ข้าจะไปพบเขาเดี๋ยวนี้ เวลาของเจ้าหมดแล้ว หากยังคิดจะสับข้าเป็นชิ้นๆอีก ข้าว่าเจ้าควรจะเลิกคิดได้แล้ว..”
  “แต่ก่อนที่ข้าจะลงดูดเลือดของเจ้าข้าจะให้เจ้าได้พบหน้าปู่และพ่อแม่ของเจ้าเสียก่อน..”
  เฉินเจี้ยนกุ่ยเกรงว่าเกาเฉินเฉินจะฆ่าตัวตายในระหว่างที่เขาไม่อยู่มันรู้ว่านี่เป็นเพียงเรื่องเดียวที่จะจูงใจให้เกาเฉินเฉินมีชีวิตอยู่ต่อได้
  “ข้าจะรอให้เจ้าดูดเลือดของข้าในเมื่อข้าต้องการจะแก้แค้น ก็ต้องมีความสามารถในระดับเดียวกับเจ้าก่อน..”
  “ถ้าเช่นนั้นก็ดี..”
  “ข้าจะออกไปข้างนอกสักพักก่อน..เจ้ากลับเข้าไปพักผ่อนได้แล้ว!”
  เฉินเจี้ยนกุ่ยร้องบอกพร้อมดึงแขนเกาเฉินเฉินกลับเข้าไปในถ้ำทันที..
  “อย่าแตะต้องตัวข้า!”
  เกาเฉินเฉินร้องตะโกนบอกพร้อมกับดิ้นรนหลุดจากมือที่เย็นเฉียบของเฉินเจี้ยนกุ่ย
  -เฉินเฉิน..รีบกลับเข้าไป และให้มันออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!– เสียงของหลิงหยุนดังอยู่ข้างหูของเกาเฉินเฉิน
  หลังจากที่กลับเข้าไปในถ้ำแล้วเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ให้เกาเฉินเฉินเข้าไปในห้อง และมันก็ปิดประตูหินทันที จากนั้นจึงบินออกไปจากถ้ำ เฉินเจี้ยนกุ่ยมองผ่านม่านสายฝนพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ
  “ท่านดยุคแดรกคิวล่าข้ารอคอยการมาของท่านอยู่พอดี..”
  ฟรึบ!
  ระหว่างที่พูดนั้นปีกของเฉินเจี้ยนกุ่ยทั้งสองข้างก็สยายออก และเวลานี้ปีกขนาดใหญ่เกือบแปดเมตรของมันก็สะบัด และบินออกไปจากหน้าผาทันที เฉินเจี้ยนกุ่ยบินสำรวจรอบๆหน้าผาอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากที่ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ มันก็บินจากไปทันที..
  สองนาทีต่อมา..หลิงหยุนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก
  -ได้เวลาออกไปจากที่นี่กันแล้ว..-
  ร่างของหลิงหยุนกระโจนขึ้นไปสูงห้าสิบเมตรทันทีและเพียงกระโดดไม่กี่ครั้งร่างที่งามสง่าดั่งมังกรก็ไปยืนโดดเด่นอยู่ที่หน้าผาไป่ฉาง!
  สายฝนที่ตกลงมาและพื้นที่ลื่นไม่ได้มีผลใดๆต่อหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย เขากระโดดเพียงเจ็ดแปดครั้งก็ไปยืนอยู่หน้าถ้ำบนผาไป่ฉางซึ่งเป็นที่ซ่อนตัวของเฉินเจี้ยนกุ่ย
  หลิงหยุนเดินพลังลับหยิน-หยางและพลังหยางบริสุทธิ์ก็หมุนเวียนอยู่ในร่างกาย เพียงครู่เดียวหมอกสีขาวก็ปรากฏอยู่รอบๆตัวของหลิงหยุน!
  ร่างกายและเสื้อผ้าของเขาที่เปียกชื้นไปหมดนั้นก็เริ่มแห้งในทันที..
  หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจและพบว่าเกาเฉินเฉินถูกขังไว้ในถ้ำเล็กๆด้านใน จึงเรียกกระบี่โลหิตแดใต้ออกมา
  ชัวะ!
  “เฉินเฉิน..ออกมาได้แล้ว ว่าที่สามีของคุณมาช่วยแล้ว!”