ตอนที่ 352 เล่นเกมกันไหม / ตอนที่ 353 อยากจะฟื้นความทรงจำ

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 352 เล่นเกมกันไหม 

 

 

           ตอนนี้สำหรับเขาแล้ว ไม่เพียงแต่ฟู่เหยี่ยนจะพาเจียงมู่เฉินมากักตัวอยู่บนเกาะเล็กๆ เท่านั้น 

 

 

           เขาจะบุกเข้าไปตีเจียงมู่เฉินให้สลบก็ไม่ได้ 

 

 

           อีกอย่าง คิดจะแย่งชิงตัวคนจากมือของฟู่เหยี่ยน ก็ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น 

 

 

           ซือเหยี่ยนกุมขมับ เหนื่อยล้าอยู่ไม่น้อยทีเดียว 

 

 

           ไม่กี่วันมานี้เพราะเรื่องของซูเตอร์ หมดกำลังสมองความคิดไปไม่น้อย เพิ่งจะแก้ปัญหาเรื่องซูเตอร์เสร็จ คืนเดียวกันก็รีบตามมาถึงที่นี่อีก 

 

 

           ยังมาโดนบอกปัดขนาดนี้อีก 

 

 

           เขาถอนหายใจเงียบๆ คิดดูแล้วช่วงนี้จะผ่านไปไม่ได้ง่ายๆ แล้ว 

 

 

           …… 

 

 

           เจียงมู่เฉินขึ้นชั้นบนแล้วก็เดินมุ่งหน้าไปยังห้องของตัวเอง ฟู่เหยี่ยนเดินตามข้างหลังมาอย่างว่าง่าย 

 

 

           เขากำลังจะเตรียมปิดประตู เมื่อเห็นใบหน้านั้นของฟู่เหยี่ยน ก็เอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์ “นายตามหลังฉันมาทำอะไร” 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนหรี่ตาลง “เล่นเกมกันไหม” กว่าจะหาอุบายมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ 

 

 

           เจียงมู่เฉินสีหน้าดำทะมึนในทันที สะบัดประตูใส่อย่างไม่ลังเลสักนิด 

 

 

           ประตูบานหนาและหนักเกือบฟาดไปโดนใบหน้าของฟู่เหยี่ยน ยังดีที่เขาหลบหลีกได้ว่องไว 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนมองดูประตูบานนั้น แล้วลูบใบหน้าหล่อเหลาของตัวเองปอยๆ เมื่อกี้ยังไม่สบายใจอยู่ไม่ใช่เหรอ 

 

 

           ตอนนี้เขาเป็นฝ่ายเชิญชวนเอง ยังสะบัดประตูใส่เขาอีก 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนถอนหายใจเงียบๆ รู้สึกว่าตัวเองอยู่ต่อหน้าเจียงมู่เฉิน นับวันจะยิ่งไม่มีที่ยืนแล้ว 

 

 

           ยังมีอยู่เพียงนิดหรือบุคคลน่าเกรงขามผู้สืบทอดของตระกูลฟู่ 

 

 

           เจียงมู่เฉินสะบัดประตูใส่ ก็เอนตัวลงนอนบนเตียงทันที เขานอนหลับตาตัวแข็งทื่อ 

 

 

           แต่ในสมองเอาแต่ฉายสะท้อนภาพของซือเหยี่ยนเมื่อครู่นี้อยู่ตลอด 

 

 

           เจียงมู่เฉินร้อนใจไม่เป็นสุขอยู่ในที เดิมยังถือว่าหัวใจสงบนิ่งเช่นน้ำตาย แต่เพราะการปรากฏตัวของซือเหยี่ยน ทำให้น้ำไหวติงเป็นคลื่นขึ้นมา 

 

 

           เขาถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้ เก็บกดซือเหยี่ยนสู่ก้นบึ้งของหัวใจอย่างหนักหน่วง 

 

 

           ตัวเองกับซือเหยี่ยนไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันแล้ว ตอนนี้ต่อให้เขามาตายอยู่ต่อหน้าตัวเอง ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา 

 

 

           เจียงมู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาอารมณ์ลึกซึ้งของซือเหยี่ยนเมื่อครู่นี้ช่างดูน่ารังเกียจ 

 

 

           ทีตอนนั้นเลิกกันดูโล่งใจ พอมาตอนนี้ยังมาทำท่าทีเป็นห่วงเป็นใยกันหมายความว่าอะไรกันอีก 

 

 

           ยังคิดว่าเขาเป็นเจียงมู่เฉินคนนั้นคนเดิมอีกเหรอ 

 

 

           เขาพูดมาประโยคสองประโยคก็ใจอ่อน แล้วก็ให้อภัยเขาได้เลยหรือไง 

 

 

           เขาพลาดท่าเสียทีล้มลงในกำมือของซือเหยี่ยนรุนแรงเกินไป ไม่ใช่บุญคุณเล็กๆ น้อยๆ จะทำให้เขาลืมเรื่องในตอนนั้นได้  

 

 

           เจียงมู่เฉินหลับตาลง ให้ตัวเองไม่ต้องคิดมาก เรื่องของซือเหยี่ยนไม่เกี่ยวอะไรกันกับเขา 

 

 

           เขาเองก็ไม่จำเป็นต้องมาเปลืองใจให้ซือเหยี่ยนแบบนี้ด้วย 

 

 

           เขานอนอยู่บนเตียง หลับตาลง ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ถึงได้เข้าสู่นิทรา 

 

 

           ทั้งปราสาทเงียบสงบ นอกจากเสียงลมที่ดังเข้ามาในบ่งครั้ง ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีก 

 

 

           เจียงมู่เฉินนอนหลับจนถึงเที่ยงคืน จู่ๆ ก็หายใจหอบถี่ขึ้นมากะทันหัน 

 

 

           ใบหน้าเขาแดงเถือก เหมือนหายใจติดขัด เขานอนตะแคงอยู่บนเตียง นิ้วมือกำผ้าปูที่นอนแน่นโดยไม่ตั้งใจ ราวกับกำลังฝันร้ายอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

           จู่ๆ เขาก็ร้องเสียงดังลั่น นั่งตัวตรงขึ้นมาในทันใด 

 

 

           เหงื่อไหลเปียกโชกชุดนอนตัวบางของเขา ในห้องอันเงียบงันมีเพียงเสียงหายใจหอบอย่างเจ็บปวดทรมานดังสะท้อนออกมาชัดเจน 

 

 

           ไม่กี่นาทีก็กลับสู่สภาพเดิม เจียงมู่เฉินถึงได้สงบจิตใจ เขากำมืออย่างเหนื่อยล้า ลงจากเตียงไป 

 

 

           เจียงมู่เฉินเดินเท้าเปล่าเข้าไปในห้องน้ำ เขาถอดชุดนอนบนตัวออก แล้วเข้าไปเอนกายในอ่างอาบน้ำ 

 

 

           ในอ่างอาบน้ำปล่อยน้ำเย็นลงมาปะทะกับผิวกายที่อุ่นร้อน เพียงพริบตาก็อดจะสั่นเทาขึ้นมาไม่ได้ 

 

 

           เหมือนเจียงมู่เฉินไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง คนทั้งคนชะงักค้างนั่งอยู่ข้างใน 

 

 

           เขากอดเข่า งงงันอยู่ในที 

 

 

           เมื่อครู่นี้เขาฝัน เป็นฝันเรื่องเดียวกันเหมือนกับตอนที่ถูกซูเตอร์จับขังในห้องสีดำเล็กๆ  

 

 

           เพียงแต่ว่าฝันในวันนี้ยาวนานขึ้น ชัดเจนขึ้น 

 

 

           เขามองเห็นชัดเจน ว่าเป็นภาพที่โดนคนทรมานทีละนิดๆ 

 

 

           วิธีการโหดร้ายทารุณ ยากจะยอมรับได้ 

 

 

            

 

 

       ตอนที่ 353 อยากจะฟื้นความทรงจำ 

 

 

           เจียงมู่เฉินกอดเข่า หายใจเข้าลึกๆ เก็บกดความหวาดกลัวในใจลงไป ถึงแม้ว่าจะเป็นความฝัน เขาก็ยังคงมีความรู้สึกหวาดกลัวเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว 

 

 

           เขาไม่รู้ว่าภาพที่เขาเห็นเมื่อครู่นี้เป็นสิ่งที่ตัวเองเคยประสบมาใช่หรือเปล่า 

 

 

           แต่ถ้าไม่ใช่ประสบการณ์ของตัวเอง แล้วจะมีความรู้สึกเหมือนเกิดขึ้นกับตัวเองแบบนี้ได้อย่างไร 

 

 

           เขาลูบข้อมือ ในฝันมีคนถือมีดมากรีดบนผิวกายของเขาทีละนิดๆ 

 

 

           นิ้วมือของเจียงมู่เฉินสัมผัสไปบนผิวกาย คล้ายกับว่ายังรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงนั้นได้อยู่ 

 

 

           เขาฝังตัวเองลงในน้ำเย็น ตอนนี้เขาคิดฟุ้งซ่านสับสนปนเป ต้องทำให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ลงได้โดยด่วน 

 

 

           ในสมองของเขาไม่มีความทรงจำส่วนนี้ 

 

 

           ถ้ามีความทรงจำเรื่องพวกนี้เก็บไว้อยู่จริงๆ ก็มีเพียงเมื่อห้าปีก่อนเท่านั้น 

 

 

           ความฝันที่เขาฝันติดต่อกันเป็นระยะ ยังมีภาพเหล่านั้นที่วาบขึ้นมาในหัวตอนที่เกิดอุบัติเหตุอีก 

 

 

           ดูท่าว่าในความทรงจำที่เขาสูญเสียไป คงจะเก็บซ่อนความทรงจำที่เขาจินตนาการไม่ถึงได้  

 

 

           เจียงมู่เฉินกำมือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาต้องคิดทบทวนเรื่องฟื้นฟูความทรงจำเมื่อตอนนั้นดูสักหน่อยหรือเปล่า 

 

 

           ถ้าว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจริง 

 

 

           แล้วเขาไปทำอะไร ถึงไปเจอเรื่องแบบนี้ได้ 

 

 

           ถึงอย่างไร ถ้าเป็นเพียงแค่คุณชายน้อยตระกูลเจียงธรรมดาๆ ไม่มีทางที่จะเรื่องน่าเวทนาขนาดนี้ได้ 

 

 

           หลายปีมานี้ ธุรกิจของตระกูลเจียงยิ่งทำยิ่งใหญ่โต แต่คุณพ่อเจียงสุภาพไม่เคยทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับใครมาก่อน 

 

 

           ถึงแม้ว่าท่านจะหยิ่งผยองไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยไปสร้างศัตรูอะไรไว้กับใครคนไหน 

 

 

           ‘แล้วเขาล่ะ เรื่องทั้งหมดนี้ที่ประสบพบเจอในความฝันนั้นมาจากที่ไหนกัน’ 

 

 

           เจียงมู่เฉินกดที่หัวเอาไว้ ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องเมื่อห้าปีก่อน ก็ยิ่งปวดหัวขึ้นเรื่อยๆ 

 

 

           มือทั้งสองข้างกุมหัว อยากจะพยายามคิดถึงสิ่งเหล่านี้ให้ชัดเจน 

 

 

           เรื่องเมื่อห้าปีก่อน สำหรับเขามันสำคัญมากเกินไป มีหลายๆ สิ่งมากมายเกินไป มีเพียงแค่ฟื้นความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนเท่านั้น ถึงจะตอบข้อสงสัยได้ 

 

 

           เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ปวดหัวจนใกล้จะแยกออกจากกันแล้ว 

 

 

           เขายิ่งอยากคิดย้อนกลับไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งคิดอะไรไม่ออก 

 

 

           ราวกับมีคนมาจับหัวแบ่งแยกออกเป็นสองส่วน เจ็บปวดจนแม้แต่หายใจก็ยากลำบาก 

 

 

           เจียงมู่เฉินเจ็บปวดจนริมฝีปากซีดเผือด กลับยังไม่หยุดสักที 

 

 

           เขายิ่งอยากนึกย้อนถึงเรื่องในอดีตทั้งหมดจนเกินไป 

 

 

           เขาเหมือนกับคนบ้าคลั่ง ไม่หยุดคิดทบทวน นอกจากเจ็บปวดแล้ว ในสมองก็ยังคงว่างเปล่าเหมือนเดิม เขาคิดอะไรไม่ออกสักอย่าง 

 

 

           เจียงมู่เฉินเจ็บปวดจนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง กุมหัวไว้แน่น หน้ามืดหมดสติลงไป 

 

 

           …… 

 

 

           คนคนเดียวแช่น้ำเย็นอยู่หนึ่งชั่วโมง เจียงมู่เฉินถึงค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ 

 

 

           เขานอนเอนกายอยู่ในอ่างอาบน้ำ ลืมตาอยู่ตั้งนานสองนานถึงมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา 

 

 

           เจียงมู่เฉินขยับตัว ยืนขึ้นจากอ่างอาบน้ำ ทั้งตัวเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น เจียงมู่เฉินก็ไม่สนใจ 

 

 

           เช็ดน้ำบนร่างกายแบบลวกๆ แล้วกลับไปที่เตียง 

 

 

           เขานอนอยู่บนเตียงไม่ไหวติง เจียงมู่เฉินลังเลอยู่ประมาณหนึ่ง จำเป็นต้องให้คนมาฟื้นความทรงจำของเขาหรือเปล่า 

 

 

           เมื่อก่อนคิดว่าเรื่องความทรงจำไม่ฟื้นกลับคืนไม่มีผลกระทบอะไรกับเขาเลยสักนิด แต่ปัจจุบันกลับไม่ใช่แบบนี้แล้ว 

 

 

           ถ้าอยากจะคลายความสงสัยเรื่องพวกนั้นในใจของเขา ก็ทำได้เพียงแค่ฟื้นความทรงจำกลับคืนมา 

 

 

           อีกอย่าง ฟู่เหยี่ยน ซังจิ่ง… 

 

 

           แต่ละคนต่างก็เกี่ยวข้องกับเขาเมื่อห้าปีก่อน 

 

 

           เมื่อห้าปีก่อนนั้นตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ 

 

 

           เมื่อห้าปีก่อนนั้นเขากับฟู่เหยี่ยนมีอะไรเกี่ยวข้องกัน 

 

 

           แล้วตกลงตัวเองประสบอุบัติเหตุอะไร ทำไมถึงสูญเสียความทรงจำได้ 

 

 

            คำถามทั้งหมดถ่าโถมเข้ามาดังก้องอยู่ในหัวของเจียงมู่เฉินอย่างไม่ขาดสายติดต่อกันไปเรื่อยๆ ราวกับจะบุกฝ่าทะลุสมองเข้าไป 

 

 

           เจียงมู่เฉินเอามือกดที่หน้าผาก ในใจตัดสินใจแน่วแน่แล้ว 

 

 

           ไม่ว่าตอนนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ตัวเองจะต้องฟื้นฟูความทรงจำให้ได้ ดูว่าเมื่อห้าปีก่อนตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่  

 

 

           อีกอย่าง หมอท่านนั้นเพียงแค่พูดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดอาการเสียสติ แต่ก็ไม่ได้จะเป็นเช่นนั้นเสมอไป 

 

 

คนที่จิตใจเข้มแข็งอย่างเขา ไม่ใช่ว่าจะเกิดอาการเสียสติได้เสมอไป 

 

 

คิดได้เช่นนี้ ในใจเจียงมู่เฉินตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะต้องฟื้นฟูความทรงจำให้เร็วที่สุด 

 

 

บางทีพอความทรงจำฟื้นคืนกลับมาแล้ว เรื่องราวมากมายก็อาจจะพอสะสางแก้ปัญหาไปได้ 

 

 

ท้องฟ้าเริ่มจะสว่างแล้ว เจียงมู่เฉินที่มีเรื่องค้างคาในใจก็นอนหลับต่อไม่ได้แล้ว 

 

 

เขาเอนพิงอยู่บนเตียงจ้องมองไปข้างนอกหน้าต่างด้วยจิตใจที่เลื่อนลอย ผ้าม่านผืนหนาและหนักปิดบังหน้าต่างอย่างแนบสนิท 

 

 

เจียงมู่เฉินถอนหายใจ เขาลงจากเตียงไป เปิดผ้าม่านออกประมาณหนึ่ง