ตอนที่ 354 จัดการยากสักหน่อย / ตอนที่ 355 เจียงมู่เฉินเป็นไข้

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 354 จัดการยากสักหน่อย 

 

 

           นอกหน้าต่างสว่างขึ้นมานิดหน่อยแล้ว เจียงมู่เฉินมองดูท้องฟ้ายามสว่างไสว จู่ๆ เขาก็นั่งลงอยู่กับพื้น มองออกไปยังนอกหน้าต่างด้วยจิตใจที่เลื่อนลอย 

 

 

           ข้างนอกสงบเงียบมาก ข้างในระบบกันเสียงก็ดี เจียงมู่เฉินไม่ได้ยินเสียงจากข้างนอกเลย 

 

 

           และก็เช่นกันเขาไม่รู้ว่าซือเหยี่ยนยังอยู่ที่เกาะเล็กๆ เกาะนี้ต่อหรือเปล่าไปโดยปริยาย 

 

 

           เจียงมู่เฉินถอนหายใจเงียบๆ ถ้าซือเหยี่ยนปรากฏตัวช้าอีกสักนิด เขาก็คงจะปล่อยวางเรื่องซือเหยี่ยนลงได้สักทีใช่ไหม 

 

 

           …… 

 

 

           ตอนเช้าเวลาสิบโมงกว่าๆ ฟู่เหยี่ยนเห็นเจียงมู่เฉินยังไม่ลงมา ก็อดจะขึ้นไปเรียกปลุกเจียงมู่เฉินไม่ได้ 

 

 

           หลายวันมานี้ เจียงมู่เฉินนอนนานขนาดนี้น้อยมาก 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนขึ้นไปชั้นบนยืนอยู่หน้าประตูห้องของเจียงมู่เฉิน เขาเคาะประตูแล้ว รออยู่ตั้งนานข้างในก็ไม่มีเสียงตอบรับ 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย ยังหลับอยู่เหรอ 

 

 

           เขาครุ่นคิดแล้วเดินลงไป ในเมื่อยังไม่ตื่น ก็ให้เขานอนต่ออีกสักพักแล้วกัน 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนลงไปชั้นล่างซ้ำอีกรอบ 

 

 

           นอกประตู ซือเหยี่ยนและซังจิ่งยังคงรออยู่ตรงนั้น ฟู่เหยี่ยนออกมาข้างนอกก็เห็นเทพอารักษ์ประตูสององค์ ชักจะรู้สึกปวดหัวหน่อยๆ แล้ว 

 

 

           เขามองพวกเขาทั้งสองคนอย่างไม่สบอารมณ์ “พวกคุณคิดจะรออยู่ที่นี่อีกนานเท่าไหร่กัน” 

 

 

           ซือเหยี่ยนเอ่ยอย่างไม่ลังเล “รอจนกว่าเจียงมู่เฉินจะออกจากที่นี่” 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ “ผมแนะนำว่าคุณตัดใจซะยังจะดีกว่า คุณคิดว่าตอนนี้คุณยังอยู่ตำแหน่งเดิมในใจของเจียงมู่เฉินเหมือนเมื่อก่อนอยู่เหรอ… 

 

 

           …ตอนนี้เขาก็ไม่ได้อยากเจอหน้าคุณด้วย” 

 

 

           ซือเหยี่ยนหัวใจบีบคั้น แต่กลับไม่ยอมจะแสดงความอ่อนแอต่อหน้าฟู่เหยี่ยน 

 

 

           เขากำมือระงับอารมณ์ “นั่นเป็นเรื่องของผม คุณฟู่ยุ่งไม่ได้หรอก” 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนเลิกคิ้ว ซือเหยี่ยนคนนี้จัดการยากเสียจริง 

 

 

           ‘ยากกว่าจัดการซังจิ่งมากทีเดียว… 

 

 

           …แต่ว่าแบบนี้ก็ดี ไม่อย่างนั้นไร้ประโยชน์เหมือนซังจิ่งเกินไป เขาเล่นด้วยน่าเบื่อตายเลย’ 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็ยักไหล่อย่างจนใจ “ในเมื่อประธานซืออยากอยู่ขายหน้าเองที่นี่ ผมจะห้ามปรามก็คงไม่ดี… 

 

 

           …ดีที่เกาะเล็กๆ เกาะนี้ของผมพื้นที่ใหญ่ ทิวทัศน์สวย ผมก็ใจกว้างพอ ถ้าเบื่อก็ไปแก้เซ็งได้” 

 

 

           เขาพูดจบด้วยท่าทางหน้าใหญ่ใจโต เดินจากไปอย่างสบายใจเฉิบ 

 

 

           ซังจิ่งเห็นท่าทางอวดดีอย่างนั้นของเขา ก็ขบกรามอย่างเสียไม่ได้ เขาขัดหูขัดตากับท่าทางอวดดีของฟู่เหยี่ยน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ 

 

 

           ถึงอย่างไร ตอนนี้ตัวคนก็อยู่ในมือเขา 

 

 

           พวกเขาเองก็อยู่ในอาณาเขตของฟู่เหยี่ยน 

 

 

           ซือเหยี่ยนที่อยู่ด้านข้าง ก็เอาแต่เงียบไม่พูดจา ซังจิ่งเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เขาอดทนได้ไม่นานก็ทนไม่ไหวจนได้ 

 

 

           เขามองซือเหยี่ยน พลางเอ่ยถาม “คุณไม่คิดหาหนทางอะไรเลยเหรอ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “คิดหาหนทางอะไร” 

 

 

           ซังจิ่งเห็นเขาอยู่นิ่งเฉยก็รู้สึกไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ ตามหลักการแล้วซือเหยี่ยนไม่ควรจะนิ่งเฉยขนาดนี้เลย 

 

 

           แต่ตั้งแต่ออกมาเมื่อคืน ซือเหยี่ยนก็เอาแต่ทำสีหน้าแบบนี้อยู่ตลอด ราวกับวางแผนอะไรอยู่อย่างไรอย่างนั้น 

 

 

           ซังจิ่งมองเขาไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ 

 

 

           ซือเหยี่ยนยังคงรอที่หน้าประตูเหมือนเดิม ไม่พูดสักประโยค 

 

 

           ถึงเวลากินอาหารเที่ยงแล้ว เจียงมู่เฉินก็ยังไม่ลงมา ครั้งนี้ฟู่เหยี่ยนนั่งไม่ค่อยจะติดแล้ว 

 

 

           เขาไปยังหน้าประตูห้องของเจียงมู่เฉินอีกครั้ง ยื่นมือไปเคาะประตู 

 

 

           ข้างในยังคงเหมือนกับเมื่อตอนเช้า ไม่มีคนมาเปิดประตู 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนเงียบลงสักพัก สุดท้ายตัดสินใจดึงประตูเปิดออก ไปเรียกปลุกเจียงมู่เฉิน   

 

 

           ทันทีที่ฟู่เหยี่ยนเปิดประตู ก็ไม่พบเจียงมู่เฉินอยู่บนเตียง เขาตะลึงงัน หรือว่าเจียงมู่เฉินจะออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว 

 

 

           แต่ว่าถ้าเจียงมู่เฉินออกไป ซือเหยี่ยนกับซังจิ่งก็ไม่ควรจะเป็นแบบนั้น 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนนึกสงสัยในใจ ค่อยๆ เดินเข้าไปข้างในทีละนิดๆ 

 

 

           เขาเดินถึงข้างเตียง มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นเงาของเจียงมู่เฉิน ฟู่เหยี่ยนชะงักฝีเท้าเล็กน้อย เตรียมจะเดินเข้าไปดูในห้องน้ำ 

 

 

           แต่เมื่อเผลอก้มหัวลง ก็เห็นปลายเตียงเหมือนจะมีคนอยู่ 

 

 

           เขารีบเดินเข้าไป ก็เห็นเพียงเจียงมู่เฉินนั่งพิงอยู่หน้าต่าง นอนสลบไสลไม่ได้สติ 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนหัวใจบีบรัดตัวแน่น รีบพุ่งตัวเข้าไป “เจียงมู่เฉิน…” 

 

 

            

 

 

ตอนที่ 355 เจียงมู่เฉินเป็นไข้ 

 

 

           เขาเรียกเจียงมู่เฉินหลายครั้งหลายคราอย่างตื่นตระหนก เขายังคงไม่ตื่นเหมือนเดิม 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนรีบร้อนเตรียมจะอุ้มเจียงมู่เฉินขึ้นมา เมื่อมือสัมผัสโดนผิวกายที่ร้อนลวก ก็ชะงักงันไปครู่หนึ่ง 

 

 

           เขาส่งมือไปแตะหน้าผากของเจียงมู่เฉิน ในฝ่ามือสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร้อนลวก 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนรีบอุ้มเขาขึ้นมา แล้วโทรหาพ่อบ้านหลิน “รีบตามหมอประจำตระกูลมาที่ห้องคุณชายเจียงด่วนเดี๋ยวนี้เลย” 

 

 

           พ่อบ้านหลินทราบเรื่อง ก็รีบไปตามหมอทันที 

 

 

           ผ่านไปไม่กี่นาที หมอก็รีบร้อนเข้ามา 

 

 

           ซังจิ่งกับซือเหยี่ยนเห็นหมอพุ่งตัวเข้ามา หัวใจบีบคั้น ก็รีบตามเข้าไป 

 

 

           พ่อบ้านหลินสนใจแค่เร่งรีบพาหมอขึ้นไป ไม่ได้สังเกตซือเหยี่ยนและซังจิ่งที่ตามมาข้างหลัง 

 

 

           มีคนตามกันมาเป็นพรวนขึ้นชั้นบนไป 

 

 

           เจียงมู่เฉินตัวร้อนจี๋ แก้มแดงเถือก ไข้ขึ้นจนสติเลอะเลือน 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนร้อนใจจนไม่ไหว เดินไปรอบๆ อยู่ข้างๆ กว่าหมอจะตามเข้ามาได้สักทีไม่ใช่ง่ายๆ  

 

 

           “เร็วสิ มาดูเขา” 

 

 

           หมอพยักหน้ารับ รีบวิ่งเข้าไปตรวจอาการของเจียงมู่เฉิน 

 

 

           ซือเหยี่ยนและซังจิ่งเองก็ตามขึ้นมาด้วย เห็นเพียงแค่คนกลุ่มหนึ่งอยู่ล้อมรอบเจียงมู่เฉิน เหมือนกำลังตรวจดูอาการอยู่ 

 

 

           ซือเหยี่ยนหัวใจบีบคั้น เจ็บกระตุกโดยไม่ตั้งใจ 

 

 

           เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลย ทำไมจู่ๆ ถึงไม่สบายขึ้นมาได้ 

 

 

           ซือเหยี่ยนกระวนวายใจ เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปข้างใน 

 

 

           เวลานี้เองพ่อบ้านหลินถึงได้รับรู้ถึงเสียงของซือเหยี่ยน เขารีบเข้าไปขวาง “พวกคุณเข้ามาได้ยังไงครับ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนไม่มองเขาเลยสักนิด เอามือผลักเขาออก มุ่งหน้าเดินไป 

 

 

           พ่อบ้านหลินที่ไม่ทันได้ตั้งตัว โดนเขาผลักไปจนเซ จึงพ้นทางไปในทันที 

 

 

           ซือเหยี่ยนก้าวยาวๆ เดินเข้าไปข้างใน 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนรู้สึกได้ถึงเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง ทั้งยังได้ยินคำพูดของพ่อบ้านหลิน 

 

 

           เขากำลังหงุดหงิดอยู่พอดี ซือเหยี่ยนเข้ามากะทันหันแบบนี้ จะได้หาที่ลงระบายอารมณ์พอดี 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนลงไม้ลงมือกับซือเหยี่ยนอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ซือเหยี่ยนหลบหลีกด้วยความมีไหวพริบ ทั้งยังไม่ได้ลงมืออะไร 

 

 

           แต่ฟู่เหยี่ยนไม่ได้คิดแบบนี้ เมื่อเขาหาทางออกระบายความโมโหความอัดอั้นตันใจเจอแล้ว ทุกการออกท่าทางรุนแรงไม่ปราณี 

 

 

           ซือเหยี่ยนเดิมที่ไม่คิดจะลงไม้ลงมือ แต่ท่าทางแบบนั้นของฟู่เหยี่ยนกลับจงใจบีบบังคับให้เขาลงไม้ลงมือจนได้ 

 

 

           ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่มีอะไรต้องถอยต่อไปอีกแล้ว 

 

 

           ซือเหยี่ยนออกท่าทางวาดลวดลายอย่างรวดเร็วและดุดันโดยไม่เกรงใจ เพียงครู่เดียวก็พอฟัดพอเหวี่ยงกับฟู่เหยี่ยนได้ 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนน้อยนักที่จะได้เจอคู่ต่อสู้แบบนี้ เพียงครู่เดียวดวงตาก็แดงก่ำ 

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเขาไม่จบไม่สิ้นกันสักที ก็ทนไม่ไหวจับข้อมือเขาจากทางด้านหลัง หยุดการกระทำของเขาไว้ 

 

 

           เขาอัดร่างฟู่เหยี่ยนกดเข้าไปกับผนังด้านข้างล็อคตัวไว้อย่างแน่นสนิท 

 

 

           “ถ้าคุณอยากตีกัน วันหลังผมจะค่อยๆ ตีกับคุณเอง” 

 

 

            ฟู่เหยี่ยนดวงตาแดงก่ำ ไม่กล้าจะเชื่อ คิดไม่ถึงว่าจะโดนซือเหยี่ยนกำราบได้ 

 

 

           ตอนนั้นที่โดนเจียงมู่เฉินกดอัดติดพื้น เขายอมจำนนแต่โดยดี แต่ไม่นึกเลยว่าตอนนี้จะมาพ่ายแพ้ให้ซือเหยี่ยนอีกครั้ง ไฟโกรธลุกโชนในใจขึ้นในทันใด เพียงชั่วพริบตาก็ปะทุออกมา 

 

 

           “เจ๋งนัก ก็มาตัวต่อตัวอีกสิ” ฟู่เหยี่ยนเอ่ยยั่วยุท้าทายอย่างช้าๆ 

 

 

           ‘เขาไม่เชื่อหรอก ซือเหยี่ยนชนะครั้งหนึ่งได้ก็เพราะโชคช่วย เขายังไม่เชื่อทั้งนั้นว่าซือเหยี่ยนจะชนะได้ตลอด’ 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนกำลังคิดอยากจะลงมือต่อ หมอที่อยู่ด้านข้างก็ตรวจอาการเจียงมู่เฉินเสร็จพอดี 

 

 

           เขาเห็นทั้งสองคนต่อสู้กัน ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกประหลาดใจอะไร 

 

 

           ราวกับว่าคุ้นชินกับฉากอะไรทำนองนี้มากเป็นอย่างยิ่ง เขาเดินไปหยุดต่อหน้าของฟู่เหยี่ยน “เมื่อคืนคุณชายเจียงคงจะเป็นหวัด ถึงได้มีไข้สูงขึ้นครับ” 

 

 

           พอซือเหยี่ยนได้ยินคำพูดของหมอ ก็ปล่อยมือทันที แล้วรีบเดินเข้าไปหา 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนเห็นแบบนี้ก็ไม่ได้หาเรื่องต่อ 

 

 

           เขารีบเอ่ยถาม “แค่เป็นหวัด ไม่มีอาการอย่างอื่นใช่ไหม” 

 

 

           หมอลังเลอยู่สักพัก เขามองซือเหยี่ยน ไม่ได้พูดในทันที 

 

 

           ซือเหยี่ยนกวาดสายตาเย็นยะเยือกมองเขา “พูดต่อ” 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนโมโหแล้ว นี่มันคนของเขานะ ซือเหยี่ยนมีสิทธิ์อะไรไปสั่ง เขาก็เสียหน้าสิ 

 

 

           สายตาเย็นเฉียบของเขามองปราดเดียว “ห้ามพูด”