บทที่ 1396 จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พุ่งทะยาน

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

“หึ พวกตัวตลก” ไป่หนิงปิงเย้ยหยัน

 

ไห่ลั่วหลันเงียบ

 

เทพไก่ฟ้า เทพธิดาอูฐ และตงลี่เฟิงเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เปรียบเทียบกับภาคใต้ พวกเขายังไม่สามารถแข่งขันกับเฒ่าพฤกษาปาเต๋อและวูอี้ป๋อของตระกูลวู แต่พวกเขาสามารถต่อสู้กับวูอี้เหริน

 

อย่างไรก็ตามเปรียบเทียบกับฟางหยวนที่สามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด พวกเขายังอ่อนแอเกินไป

 

‘โดยไม่รู้ตัว เขาเติบโตขึ้นถึงระดับนี้แล้ว ความเร็วในการเติบโตของเขาช่างน่าสะพรึงกลัวนัก!’ หัวใจของไห่ลั่วหลันตกสู่ความโกลาหล

 

ก่อนหน้านี้พวกเขาต้องหลบหนีมาตลอดแต่นั่นเป็นเพราะศัตรูแข็งแกร่งเกินไปไม่ว่าจะเป็นวังสวรรค์ ถ้ำสวรรค์นิรันดร หรือกองกำลังพันธมิตรของผู้อมตะฝ่ายธรรมะภาคใต้

 

ในความเป็นจริงตราบเท่าที่ไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปด พวกเขาสามารถอาละวาดได้โดยปราศจากสิ่งกีดขวาง

 

‘โลกของผู้อมตะมีผู้อมตะระดับแปดอยู่น้อยมาก ตราบเท่าที่เรากำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลทิ้งไป เราจะสามารถซ่อนตัวและเติบโตขึ้นอย่างเงียบๆ ด้วยความแข็งแกร่งนี้ ผู้อมตะส่วนใหญ่ไม่สามารถขัดขวางความก้าวหน้าของพวกเรา!’

 

ไห่ลั่วหลันคิดเรื่องนี้ขณะที่ความทะเยอทะยานในหัวใจของนางพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง

 

นางเป็นคนกล้าและน่าเกรงขาม นางมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่

 

แม้นางจะถูกควบคุมโดยข้อตกลงพันธมิตรของนิกายเงา แต่นางก็จะไม่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่เชื่อฟังของฟางหยวนตลอดไป

 

“เอาล่ะ ได้สิ่งที่เราต้องการแล้ว ไปกันเถอะ” ฟางหยวนกล่าว

 

ไป่หนิงปิง ไห่ลั่วหลัน และเทพธิดาเมี่ยวหยินมารวมตัวกัน

 

ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!

 

ด้วยแสงอันเจิดจ้า คนทั้งสี่หายตัวไป

 

เมื่อพวกเขาเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง พวกเขาก็อยู่เหนือเนินทรายแห่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว

 

ดวงอาทิตย์แขวนอยู่บนท้องฟ้าขณะที่ด้านล่างเต็มไปด้วยคลื่นความร้อน

 

ฟางหยวนมองไปในระยะไกล

 

ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างจากทะเลทรายแปรผันค่อนข้างมาก

 

“เราจะพักผ่อนที่นี่ ตรวจสอบสภาพแวดล้อม” ฟางหยวนกล่าวหลังจากนำเทพธิดากระต่ายขาวออกมาจากมิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

ผู้อมตะทั้งสี่บินออกไปและใช้วิธีตรวจสอบของตนเอง

 

ฟางหยวนเข้าไปในถ้ำที่อยู่ใต้ทะเลทราย

 

มันเป็นถ้ำที่เรียบง่าย แต่ฟางหยวนใช้วิญญาณระดับมนุษย์จัดตั้งค่ายกลวิญญาณไว้ที่นี่

 

มันไม่เพียงแค่เสริมความแข็งแกร่งแต่มันยังปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาอีกด้วย

 

ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล ค่ายกลวิญญาณระดับมนุษย์กลายเป็นเรื่องง่ายดายราวกับการหายใจสำหรับเขา

 

ฟางหยวนนั่งลงและปิดเปลือกตา

 

เขาต้องแข่งขันกับเวลาและใช้ท่าไม้ตายอมตะทันที

 

ท่าไม้ตายนี้เรียกว่าจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พุ่งทะยาน มันเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ฟางหยวนได้รับมาจากราชันภูเขาม่วง

 

มันใช้วิญญาณอมตะเพียงดวงเดียวเป็นแกนกลาง นั่นคือวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งกฎที่ฟางหยวนพึ่งได้รับมา จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

 

วิญญาณสนับสนุนส่วนใหญ่เป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญา

 

มันเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด

 

ฟางหยวนกระตุ้นใช้งานมันทีละขั้นตอนอย่างพิถีพิถัน

 

วิญญาณจำนวนมากบินอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

เพียงไม่นานมันก็ปลดปล่อยแสงสว่างออกมา

 

“บึม!”

 

ด้วยเสียงระเบิด วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากถูกทำลาย กระทั่งวิญญาณอมตะจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ก็ร่วงลงบนพื้น

 

ล้มเหลว!

 

ผลกระทบย้อนกลับทำให้ฟางหยวนได้รับบาดเจ็บทันที

 

ความคิดมากมายปะทะกันอยู่ในใจของเขา

 

แต่เขาเตรียมพร้อมรับมือสิ่งนี้ไว้แล้ว

 

หลังจากหลายสิบลมหายใจ ความคิดของเขาก็สงบลง

 

ฟางหยวนรักษาอาการบาดเจ็บของตนด้วยใบหน้าซีดขาว

 

บาดแผลบนร่างกายไม่รุนแรงนักแต่จิตใจของเขาได้รับผลกระทบอย่างหนัก

 

นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก

 

ท่าไม้ตายนี้ถูกใช้งานเป็นครั้งแรก การอนุมานกับการใช้งานจริงเป็นสิ่งที่แตกต่างกัน

 

ยิ่งท่าไม้ตายทรงพลังเท่าใด ผลกระทบย้อนกลับของมันก็ยิ่งรุนแรงเท่านั้น

 

และผลกระทบย้อนกลับมีหลายประเภท

 

เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่เขาได้รับผลกระทบทางจิตใจมากกว่าร่างกาย

 

ในปัจจุบันฟางหยวนไม่มีวิธีรักษาที่โดดเด่น เขามีวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าและวิญญาณความเด็ดเดี่ยวเท่านั้น

 

ครั้งนี้จิตใจของเขาได้รับบาดเจ็บ ฟางหยวนต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อรักษาตัวเอง

 

โชคดีที่เขาได้รับมรดกของราชันภูเขาม่วง

 

ขณะเดียวกันร่างทารกอมตะที่ไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งของพลังงานแห่งเต๋าก็ช่วยให้วิธีรักษาของเขามีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

แม้มันจะไม่ฟื้นฟูขึ้นอย่างสมบูรณ์ในทันทีแต่อาการตกค้างที่เหลืออยู่ก็ไม่ใช่ปัญหา

 

ฟางหยวนเพิกเฉยต่อสิ่งเหล่านี้ เขายังพยายามใช้ท่าไม้ตายอมตะจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พุ่งทะยานต่อไป

 

เขาล้มเหลวในครั้งที่สองแต่ประสบความสำเร็จในครั้งที่สาม

 

ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ แสงสว่างส่องประกายขึ้น

 

“ไป!” ตามความต้องการของฟางหยวน แสงลึกลับพุ่งไปยังอิงอู๋เซี่ย

 

อิงอู๋เซี่ยในร่างกายาแห่งความฝันนอนอย่างไร้ชีวิตชีวาอยู่บนพื้น

 

แสงลึกลับราวกับธารน้ำที่ไหลลงสู่ผืนดินที่แห้งแล้ง มันพุ่งเข้าสู่สมองของอิงอู๋เซี่ยโดยตรง

 

เพียงไม่นานมันก็ผสานเข้ากับจิตวิญญาณของเขา

 

ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจร่างของอิงอู๋เซี่ยก็สั่นสะท้านขึ้น

 

ต่อมาดวงตาของเขาก็ส่องประกายแหลมคม

 

“อา…” เขาอ้าปากอุทานก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่ง

 

“บัดซบ!” เขากำหมัดแน่นจนนิ้วแทบแตก

 

“วังสวรรค์จับร่างหลักของข้าไว้ ยกโทษให้ไม่ได้!”

 

“ข้าต้องพาร่างหลักกลับมา ข้าต้องช่วยเขา ต่อให้เป็นสวรรค์ชั้นฟ้า ข้าก็ต้องทุกมันให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!”

 

“อ๊าก…’

 

อิงอู๋เซี่ยลุกขึ้นยืนและเงยหน้ากรีดร้องขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

“ข้าต้องสู้!”

 

“ข้าต้องอดทน!”

 

“ก่อนหน้านี้ข้าอ่อนแอเกินไป นั่นไม่ถูกต้อง”

 

“โอ้ ฟางหยวน เจ้าเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์ เมื่อท่านสีม่วงยอมรับเจ้า ข้าก็จะทำเช่นเดียวกัน!”

 

“ในโลกใบนี้ผู้ใดบ้างที่มีโอกาสทำลายวิญญาณชะตากรรม? เจ้าเป็นคนที่มีโอกาสมากที่สุด!”

 

“ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสามารถนำพวกเราบุกไปยังวังสวรรค์เพื่อทำลายวิญญาณชะตากรรมและช่วยร่างหลักของข้า!”

 

อิงอู๋เซี่ยไม่หดหู่อีกต่อไป เขากลับมาเป็นอิงอู๋เซี่ยที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นคนเดิม

 

“ดี” ฟางหยวนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

 

พลังการต่อสู้ของอิงอู๋เซี่ยอยู่ในระดับเจ็ดแต่เขามีท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันที่กระทั่งผู้อมตะระดับแปดยังไม่สามารถป้องกันรวมถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

 

หากอิงอู๋เซี่ยช่วยพวเขาระหว่างการต่อสู้กับวูหยง วูหยงอาจตายไปแล้ว

 

เมื่อจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของอิงอู๋เซี่ยฟื้นคืน ฟางหยวนยังจะได้รับกำลังรบเพิ่มมากขึ้น

 

ผมที่หก!

 

ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ห้องหลอมรวม

 

“บึม!”

 

เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับเปลวเพลิงที่ลุกไหม้

 

ร่างหนึ่งกระโดดออกมา

 

ร่างกายของคนผู้นี้ปกคลุมไปด้วยเขม่าควันสีดำและกำลังไออย่างดุเดือด

 

เขาก็คือจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

 

“แค๊ก แค๊ก ข้าล้มเหลวอีกครั้ง”

 

“บัดซบ!”

 

“หากข้าใช้วิธีหลอมรวมตามธรรมชาติของเผ่าพันธุ์มนุษย์ขน การหลอมรวมคงประสบความสำเร็จไปแล้ว แต่ฟางหยวนต้องการให้ข้าใช้วิธีหลอมรวมของมนุษย์เพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะ นี่เป็นการสร้างความลำบากให้ข้า!?”

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาบ่นไม่หยุด

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงดังมาจากนอกประตู “ข้าคือผมที่หก ข้าขอพบผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง”

 

“ผมที่หก มีสิ่งใดงั้นหรือ?” เมื่อเผชิญหน้ากับมนุษย์ขน จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะแสดงออกอย่างเป็นมิตร

 

“ข้าต้องการช่วยผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งหลอมรวมวิญญาณ มันจะช่วยยกระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของข้า” ผมที่หกตอบ

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเชี่ยวชาญการหลอมรวมวิญญาณด้วยวิธีของมนุษย์ขน

 

แต่ฟางหยวนไม่ต้องการใช้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาใช้วิธีนี้เพราะมันจะดึงดูดเจตจำนงสวรรค์และยังสามารถเรียกภัยพิบัติ

 

มีเพียงวิธีการหลอมรวมของมนุษย์เท่านั้นที่สามารถใช้งาน

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่รู้เรื่องนี้ นอกจากนั้นเขาก็ไม่ชำนาญวิธีการหลอมรวมของมนุษย์

 

ในฐานะผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ขน เขาเย้ยหยันวิธีการหลอมรวมของมนุษย์และดูแคลนมัน ในแง่ของอัตราความสำเร็จ วิธีของมนุษย์ขนเหนือกว่าวิธีของมนุษย์มาก

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่คุ้นเคยกับวิธีนี้แต่ผมที่หกแตกต่างออกไป

 

ผมที่หกเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขามีทักษะในการหลอมรวมวิญญาณด้วยวิธีการของมนุษย์ แต่หลายปีที่เขาอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขาไม่เคยเปิดเผยพรสวรรค์นั้น

 

จนถึงตอนนี้

 

‘โอ้ ฟางหยวน เมื่อเจ้าได้รับการยอมรับจากท่านอิงอู๋เซี่ย ข้าก็จะยอมรับเจ้าในฐานะผู้นำนิกายเงา’

 

‘ข้าจะช่วยหลอมรวมวิญญาณอมตะ’

 

นี่คือสิ่งที่ผมที่หกสามารถช่วยฟางหยวนได้ดีที่สุด

 

แม้การเปิดเผยความสามารถนี้จะมีความเสี่ยงและดึงดูดความสงสัยของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา มันกระทั่งจะทำให้ผมที่หกตกอยู่ในอันตราย แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถสนใจเรื่องนี้

 

สิ่งที่เขาต้องทำก็คือช่วยนิกายเงาอย่างดีที่สุด!