บทที่ 326 อย่าทำให้ตัวเองต้องลำบาก

รักหวานอมเปรี้ยว

“ผมเข้าใจแล้ว” เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อย

สองมือของการันต์ล้วงเข้าไปในกระเป๋าของชุดผ่าตัดสีเขียว ก้าวขาเดินไป

พอเขาไปได้ไม่นาน ก็มีพยาบาลประคองมายมิ้นท์ออกมา

การทำแท้งไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ดังนั้นมายมิ้นท์สามารถเดินได้เอง ไม่ต้องนอนบนเตียงเข็นออกมา

แต่เพราะความเจ็บปวดที่ท้อง และความรู้สึกไม่สบายที่ช่วงล่าง เธอจึงเดินอย่างยากลำบากและช้ามาก แทบจะต้องเดินทีละก้าว

และทุกครั้งที่ก้าวเดิน ก็จะรู้สึกเจ็บที่ช่วงท้อง ทำให้ไม่นานใบหน้าเธอก็ขาวซีด เหงื่อเย็นๆผุดเต็มหน้าผาก

เปปเปอร์เห็นอย่างนั้น ก็เจ็บปวดใจ รีบเดินไปทันที “ผมเองครับ”

เขายื่นมือไป อยากจะไปรับไม้ต่อจากพยาบาล

พยาบาลคิดว่าเขาเป็นญาติ จึงไม่ปฏิเสธ ปล่อยมือที่อยู่บนแขนมายมิ้นท์หลบไปข้างๆ

ยังไม่ทันที่เปปเปอร์จะประคอง มายมิ้นท์ก็หลบเลี่ยงเขา พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่า“ไม่ต้อง ฉันเดินเองได้!”

เธอพิงผนัง กัดฟันเดินไปข้างหน้า

ความดื้อรั้นแบบนี้ของเธอ ทำให้เปปเปอร์ทั้งเจ็บปวดใจทั้งโมโห ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึง “ผมรู้ว่าคุณไม่อยากเห็นหน้าผม แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษ ต่อให้ไม่อยากเห็น ก็อย่าเอาร่างกายตัวเองมาต่อต้านกับผม!”

พูดจบ เขาก็โน้มตัวไปอุ้มเธอขึ้นมาทันที

มายมิ้นท์โอบรอบคอเขาตามสัญชาตญาณ รอจนตั้งสติกลับมาได้ ก็รีบปล่อยมือ “ปล่อยฉัน!”

เปปเปอร์ทำหูทวนลม เดินไปทางห้องพักผู้ป่วยใบหน้าหล่อเหลามีสีหน้าเย็นชา

มายมิ้นท์เห็นเขาไม่ยอมวาง มือสองข้างก็ทุบที่หน้าอกของเขา “เปปเปอร์ ฉันบอกให้คุณปล่อยฉัน คุณไม่ได้ยินเหรอ”

“อย่าขยับ!” เปปเปอร์อุ้มเธอเอาไว้แน่น ก้มหน้ามองเธอ แววตาลึกล้ำ “คุณเพิ่งจะทำการผ่าตัดเสร็จ ทางที่ดีที่สุดอย่าเพิ่งขยับจะดีกว่า ตกลงไปคนที่เจ็บก็คือตัวคุณเอง ไม่ใช่ผม ดังนั้นทำไมต้องทำให้ตัวเองลำบากด้วย”

ได้ยินประโยคนี้ มายมิ้นท์ก็เงียบลงทันที

ใช่สิ ทำไมต้องทำให้ตัวเองลำบากด้วย

เขาเต็มใจเป็นเครื่องมือในการเดิน ก็ให้เขาเป็นไปสิ

คิดได้แบบนี้ มายมิ้นท์ก็ซุกอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างเชื่อฟังไม่ขยับ แค่ตัวแข็งเกร็งเป็นอย่างมากเท่านั้น

นัยน์ตาเปปเปอร์พร่ามัว

ใครๆต่างก็บอกว่ายามที่คนเราอ่อนแอ ก็อยากจะหาที่พึ่งมากที่สุด

แต่เธออยู่ในอ้อมกอดเขายังเกร็งขนาดนี้ แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่า เธอไม่ได้เห็นเขาเป็นที่พึ่งเลย

ไม่อย่างนั้น ทำไมเธอไม่ผ่อนคลายลงมาบ้าง

นิ่งเงียบไปตลอดทาง

กลับมาที่ห้องพักผู้ป่วย เปปเปอร์เอามายมิ้นท์วางลงบนเตียง ห่มผ้า ถามด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หิวแล้วหรือยัง”

มายมิ้นท์เตรียมจะส่ายหน้า ผลปรากฏว่าท้องก็ส่งเสียงร้องจ๊อกๆขึ้นมา

เปปเปอร์ได้ยิน ก็หัวเราะเบาๆ “พักผ่อนเถอะ ผมจะออกไปซื้อให้คุณ”

เขารินน้ำให้เธอหนึ่งแก้ววางไว้ที่หัวเตียง หมุนตัวเดินออกไป

ภายในห้องพักผู้ป่วยนิ่งเงียบลง

มายมิ้นท์ยื่นมือไปคลำที่ท้อง สัมผัสที่นูนในตอนแรกไม่มีอยู่แล้ว ท้องน้อยเปลี่ยนเป็นแบนราบ ราวกับว่าการตั้งครรภ์เป็นเพียงแค่ภาพในจินตนาการของเธอ

แต่เธอรู้ว่าไม่ใช่ อาการปวดเล็กๆในท้องน้อย เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าเธอได้เคยตั้งครรภ์ชีวิตหนึ่งมาแล้ว

แค่ชีวิตนั้น ตอนนี้หายสาบสูญไปแล้ว

มายมิ้นท์กัดริมฝีปาก จู่ๆก็ร้องไห้ออกมาเบาๆ

ไม่รู้ว่าร้องไห้ด้วยความดีใจ หรือว่าร้องด้วยความเสียใจ……

ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

มายมิ้นท์รีบเช็ดน้ำตา สูดหายใจเข้าลึกๆสองสามครั้ง ทำจิตใจให้สงบลง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือ หลังจากเหลือบมองแวบหนึ่งแล้ว ก็รับสาย “ฮัลโหล”

“ที่รัก คุณอยู่ที่ไหน” ปลายสายนั้น ลาเต้ยืนอยู่ด้านนอกห้องทำงานของมายมิ้นท์ ถามอย่างร้อนใจว่า “ซินดี้บอกว่าวันนี้คุณไม่ได้มาทำงาน ผมไปที่คอนโดก็หาคุณไม่เจอ ตกลงว่าคุณหายไปไหนกันแน่

“ฉันอยู่ที่โรงพยาบาล” มายมิ้นท์พิงหัวเตียง ตอบด้วยความเหนื่อยล้าอ่อนแรง

ลาเต้ฟังออกถึงความอ่อนแอของเธอ ก็ยิ่งร้อนใจ สองมือจับโทรศัพท์ เสียงสูงขึ้นมา “โรงพยาบาลเหรอ ที่รักคุณเป็นอะไร”

“ไม่มีอะไรค่ะ ก็แค่มาทำแท้ง” มายมิ้นท์ค่อยๆหลับตาพูด

“อะไรนะ ทำแท้งเหรอ” ลาเต้ตกใจ “ไม่ใช่ คุณไม่ใช่ว่าเตรียมจะไปทำแท้งที่โรงพยาบาลในต่างประเทศสุดสัปดาห์นี้หรอกหรือ ไม่ได้ คุณอยู่โรงพยาบาลไหน ผมจะไปหาคุณ”

“โรงพยาบาลนิวเวอร์” มายมิ้นท์นวดขมับพลางบอกเขา

ลาเต้วางสายทันที วิ่งไปทางลิฟต์

ซินดี้ยกกาแฟที่ตนเองตั้งใจชงมาอย่างดี เดินออกมาจากห้องทำงานเลขานุการของตนเอง มองเห็นลาเต้กำลังกดลิฟต์ ก็แปลกใจ รีบถามว่า “ประธานลาเต้คะ คุณจะไปไหนคะ ไม่รอประธานมายมิ้นท์แล้วเหรอคะ”

ตอนนี้ลาเต้ใจร้อนจะไปเยี่ยมมายมิ้นท์ แทบไม่ได้สนใจฟังว่าเธอกำลังถามอะไร พอลิฟต์มาก็เข้าไปเลย

มองเห็นประตูลิฟต์ปิด สายตาของเลขาซินดี้หม่นหมองลง มุมปากมีรอยยิ้มขมขื่น

นับตั้งแต่เธอถูกย้ายมาทำงานข้างกายประธานมายมิ้นท์ เธอก็ไม่ได้พบเขาเลย ไม่ง่ายที่จะได้พบเขาสักครั้ง ถ้าเขาไม่อยู่เป็นเพื่อนประธานมายมิ้นท์ตลอดเวลา ก็รีบกลับ แม้แต่โอกาสที่เธอจะพูดกับเขาก็ยังน้อยมาก

ตอนแรกคิดว่าประธานมายมิ้นท์ไม่อยู่ เธอจะได้ต้อนรับเขาอย่างดี พูดคุยกับเขาให้มากอีกหน่อย แม้จะเป็นเรื่องงานก็ยังดี

แต่ไม่ทันไร เขาก็ไปอีกแล้ว……

ลาเต้พุ่งตัวไปยังที่จอดรถของเทนเดอร์กรุ๊ป เตรียมจะขึ้นรถ รถซุปเปอร์คาร์สีดำเป็นประกายก็วิ่งผ่านมา จอดอยู่ตรงหน้าเขา

หน้าต่างรถเลื่อนลง ราเม็งโผล่ศีรษะออกมา “รีบร้อนขนาดนี้จะไปทำอะไร”

ลาเต้เห็นว่าเป็นเขา ดวงตาเปล่งประกาย “นายมาพอดีเลย ขับรถนายไป รถซุปเปอร์คาร์นายขับเร็ว”

พูดไปพลาง ลาเต้ก็เปิดประตูรถฝั่งด้านข้างคนขับเข้าไปนั่งในรถ “ไปเร็ว ไปที่โรงพยาบาลนิวเวอร์”

ราเม็งขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ “ไปโรงพยาบาลทำไม”

“ที่รักไปทำแท้ง นายว่าจะไปทำไมล่ะ” ลาเต้คาดเข็มขัดนิรภัยพลางตอบเขา

สีหน้าราเม็งเปลี่ยนไปเล็กน้อย มือที่วางบนพวงมาลัยจับแน่นขึ้นมาทันที “คุณบอกว่า……พี่ไปผ่าตัดเหรอ”

“ก็ใช่ไง” ลาเต้พยักหน้า

ราเม็งหลุบเปลือกตาลง ในใจเต็มไปด้วยความสับสน

ทำไมพี่สาวถึงได้ไปทำการผ่าตัดตอนนี้

เธอไม่ได้บอกว่า จะไปต่างประเทศสุดสัปดาห์นี้เหรอ

หรือว่า พี่สาวไปรู้อะไรมา

เห็นราเม็งก้มหน้าก้มตา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ลาเต้ก็ตบไหล่เขาเบาๆ “ยังมัวแต่อึ้งอะไรอยู่ ขับรถสิ ที่คุณมาที่นี่ก็เพราะจะมาหาที่รักล่ะซิ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นก็ไปโรงพยาบาลพร้อมกับผมเลย”

“ได้” นัยน์ตาราเม็งเปล่งประกาย เงยหน้าขึ้น สะกดความคิดภายในใจเอาไว้ ขับออกจากลานจอดรถไป

ที่โรงพยาบาล มายมิ้นท์กำลังกินโจ๊กที่เปปเปอร์ซื้อกลับมา

เธอเพิ่งทำการผ่าตัดมา กินอย่างอื่นไม่ได้ ได้แต่ทานอาหารอ่อนๆพวกนี้

ด้านข้าง เปปเปอร์กำลังโทรหาผู้ช่วยเหมันต์ คุยเรื่องงาน

หลังจากรอจนเขาวางสายแล้ว มายมิ้นท์ก็คนโจ๊กในชาม พูดอย่างไร้ความรู้สึกว่า “ในเมื่อที่บริษัทมีปัญหา คุณก็กลับไปเถอะ ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ตลอดเวลาหรอก”

เปปเปอร์มองเธอ อยากจะบอกว่าตนเองอดห่วงเธอไม่ได้

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นที่บริษัทวันนี้ เขาจำเป็นต้องไปจัดการจริงๆ

ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเปปเปอร์ก็ตัดสินใจกลับไปที่บริษัทก่อน

เขาเก็บโทรศัพท์มือถือ มองเธอด้วยแววตารักใคร่ “ได้ คืนนี้ผมจะมาอีก มีเรื่องอะไร โทรหาผมนะ”

มายมิ้นท์ไม่ได้ตอบ กินโจ๊กต่อ

เปปเปอร์หลุบสายตาด้วยความผิดหวัง ถอนหายใจเบาๆจนแทบไม่ได้ยิน หยิบเสื้อคลุมแล้วออกจากห้องพักผู้ป่วย

ตลอดเวลา มายมิ้นท์ไม่ได้เหลือบมองเขาเลย

เปปเปอร์เดินออกมาจากอาคารผู้ป่วยใน ยืนอยู่ชั้นล่างแหงนหน้ามองไปยังหน้าต่างบานหนึ่งอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็เดินไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย

ภาพนี้ ถูกคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์มองเห็นเข้า

ตอนแรกคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ตกใจก่อนว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้

แต่หลังจากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานที่ตนเองมองเห็น เปปเปอร์เข้าไปในห้องฉุกเฉินเป็นเพื่อนมายมิ้นท์ เธอก็รู้เลยว่ามายมิ้นท์นอนพักอยู่ที่โรงพยาบาล เปปเปอร์มาเยี่ยมมายมิ้นท์

ในเมื่ออยู่ในโรงพยาบาล ดูท่าว่าอาการป่วยของมายมิ้นท์จะไม่เบาเลย ก็แค่ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร

คิดพลาง คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ก็เดินเข้ามาในโรงพยาบาล เดินมาถามที่เคาน์เตอร์พยาบาล “คุณผู้หญิง ฉันขอถามหน่อยค่ะ คุณผู้ชายคนนั้นที่เพิ่งเดินออกไป เขามาเยี่ยมใครเหรอคะ”