อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่490 ไม่มีสมองคิด
“พ่อบุญธรรม หลิงลั่วไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมหุบเขาตันหุยของเราอยากได้ไข่มุกมังกรเหลือเกิน ไข่มุกมังกรดีเหมือนอย่างที่ตำนานว่าไว้เหรอขอรับ?”

“ไม่สำคัญหรอกว่าไข่มุกมังกรคืออะไร สิ่งสำคัญคือคนทุกรุ่นของหุบเขาตันหุยใช้มันเป็นภารกิจเพื่อค้นหาไข่มุกมังกรและปกป้องกุญแจรูปดาว”

เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันเงียบไปสักพัก แล้วพูดต่อว่า “ครั้งก่อนไข่มุกมังกรที่ถูกพระชายาหานแย่งไป หาเจอหรือยัง?”

“หลิงลั่วตรวจสอบแล้วขอรับ ว่ากันว่าถูกเผ่าหยกแย่งไป ไข่มุกมังกรลูกนั้นไม่อยู่ที่คุณหนูสามกู้ แต่อยู่ในมือเผ่าหยก แต่ไม่ว่าหลิงลั่วจะหายังไง ก็หาทางเข้าเผ่าหยกไม่เจอเลย”

“ถ้าทางเข้าเผ่าหยกหาง่ายขนาดนั้น ก็คงไม่ใช่เผ่าหยกแล้วล่ะ”

“ทำไมคนของเผ่าหยกถึงได้ต้องการไข่มุกมังกรขนาดนั้นด้วย ตามที่ข้าไปสืบมา เผ่าหยกได้ไข่มุกมังกรไปหลายลูกแล้ว”

“เรื่องพวกนี้ เจ้าไม่ต้องสนใจ รู้แค่ว่าในเมื่อไข่มุกมังกรตกอยู่ในมือของเผ่าหยก พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องแย่งมาอีก ปกป้องกุญแจรูปดาวให้ดี พยายามควบคุมงานชื่นชมยาชั้นเลิศให้ดีก็พอแล้ว”

“ขอรับ”

เจ้าหุบเขาใหญ่กับหลิงลั่วสองพ่อลูกพูดจบแล้วก็พูดเรื่องอื่นต่ออีกสักพัก ถึงจะออกจากห้องหนังสือไป

กู้ชูหน่วนลุกขึ้นมาช้าๆ

ขอแค่ได้ที่หนึ่งของงานชื่นชมยาชั้นเลิศ ก็สามารถเข้าไปในสถานที่ต้องห้ามได้งั้นเหรอ?

งั้นถ้านางได้ที่หนึ่ง ก็มีสิทธิ์เข้าสถานที่ต้องห้ามด้วยน่ะสิ?

มีลูกศิษย์ลาดตระเวนอีกแถวเดินผ่านไป

กู้ชูหน่วนเงี้ยหูได้ยินที่พวกเขาพูดกันอย่างร้อนรน

“เนื้อในครัวไม่เจอแล้ว นั่นเป็นอาหารที่เอามาต้อนรับแขกจากสถานที่ต่างๆนะ ไม่รู้ว่าใครมันช่างไร้คุณธรรมเช่นนี้ ขโมยเนื้อในครัวตลอดเวลาเลย”

“นั่นน่ะสิ เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อแพะ เนื้อลาถึงห้าร้อยชั่งหายไปหมดเลยในพริบตา จะหาก็หาไม่เจอ พวกเราจะรายงานกับเบื้องบนยังไงเนี่ย”

“บุคคลใหญ่โตมาที่หุบเขาตันหุยของพวกเรากันเยอะแยะมากมาย ถ้าขนาดเนื้อยังไม่มีให้พวกเขากิน คุณพระ งั้นพวกเราหุบเขาตันหุยก็เสียหน้าใหญ่เลยน่ะสิ”

“ยังอยากได้หน้าอีกเหรอ ยังไม่รีบไปตามหาเนื้ออีก เดี๋ยวพวกเราก็ได้หัวหลุดจากบ่าหรอก”

“การปกป้องในหุบเขาตันหุยเข้มงวดมาตลอด คนทั่วไปมีทางเข้าห้องครัวได้ ภายในห้องครัวก็ไม่มีล่องลอยของการเคลื่อนย้ายอะไร พวกเจ้าว่าหัวขโมยนานจะขโมยอาหารไปยังไง? คงกินเข้าไปท้องทั้งหมดไม่ได้หรอกนะ”

“คิดไปถึงไหนกัน ใครจะมีความสามารถขนาดนั้นกัน กินเนื้อห้าร้อยชั่งหมดเลยนะ? คงที่อิ่มจนท้องตึงแตกตายแน่”

คนที่พูดเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

กู้ชูหน่วนก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ

หัวขโมยที่ขโมยเนื้อ คงไม่ได้เป็นเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หรอกนะ?

เจ้างูนั่นกินแค่เนื้อไม่กินผัก และยังกินจุกด้วย ตั้งแต่เขาเข้ามาในหุบเขาตั้งหุยก็หายตัวไปแล้ว ต้องเป็นฝีมือของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แน่ๆ

เห็นว่าด้านนอกมีคนแล้ว กู้ชูหน่วนเดินออกมาอย่างลับๆล่อๆ

“ใคร…… ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ?”

ลูกศิษย์ที่ลาดตระเวนตะโกนขึ้นกะทันหัน ต่อมาก็มีลูกศิษย์วิ่งออกมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ

กู้ชูหน่วนชะงักฝีเท้า คิดว่านางถูกจับได้แล้ว

แต่กลับไม่คิดว่า ข้างหูมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น

“ทำไม ข้าจะมาอยู่ที่นี่ไม่ได้เหรอ?”

“โอ๊ะ ท่านจอมมารเองเหรอ พวกคนใช้มีตาหามีแววไม่ ได้โปรดจอมมารอย่าไปว่าอะไรพวกเขาเลย”

ผู้อาวุโสเจี่ยที่นำหน้ามาก็พาลูกศิษย์ทุกคนล้อมตัวจอมมารเอาไว้ พอเห็นว่าเป็นเขา ก็รีบให้ลูกศิษย์ถอยออกมา

กู้ชูหน่วนรีบหาที่ซ่อนแล้วซ่อนตัวเอาไว้

“ท่านจอมมาร ไม่ทราบว่าท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

“พวกเจ้าหุบเขาตันหุยส่งบัตรเชิญมาให้ข้า ข้าก็ต้องมาสิ” จอมมารกอดอก มองดูพวกเขาอย่างเย็นชา

เขาไม่บอกพวกเขาหรอกนะว่า เขาไปหาของกินในครัวให้พี่สาวกิน สุดท้ายกลับหลงทางอยู่ในนี้

ตอนแรกเห็นแผ่นหลังของคนหนึ่งเหมือนพี่สาวมาก ตอนที่กำลังจะตามไป ลูกศิษย์ของหุบเขาตันหุยก็โผล่ออกมา ทำให้เขาพลาดข่าวของพี่สาวไปกับตา น่ารำคาญยิ่งนัก

“ขอรับๆ……หุบเขาตันหุยส่งบัตรเชิญไปให้ท่านหนึ่งฉบับจริงๆ แต่พวกคนใช้บอกว่า ท่านยังมาไม่ถึงหุบเขาตันหุย ดังนั้นท่านปรากฏขึ้นที่นี่กะทันหัน พวกเราถึงรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ……”

“เจ้าหมายความว่า ข้ามาไม่ได้ใช่ไหม?”

“ไม่ใช่ขอรับๆ พวกเรามิบังอาจ ท่านจอมมารยอมลดตัวมาที่หุบเขาตันหุย นั่นเป็นเกียรติของพวกเขาขอรับ”

จอมมารแสยะยิ้มเย็นชา ลูบผมดำขลับของตัวเองอย่างสง่างาม แล้วพูดอย่างขี้เกียจว่า “ข้าชมจันทร์อยู่ดีๆก็มาถึงที่นี่โดยไม่รู้ตัว”

กู้ชูหน่วนหลับตาอย่างหมดคำจะพูด

เจ้าโง่นี่

หุบเขาตันหุยเป็นสถานที่อะไร เขาจะชมจันทร์ ชมอยู่ดีๆก็มาถึงที่นี่ได้ยังไง?

พูดไม่เป็นก็ควรหุบปากไปซะ เป็นจอมมารผู้เย่อหยิ่งไม่ดีเหรอ จะพูดให้พวกนั้นสงสัยทำไม

“ห๊ะ……ชมจันทร์จนมาถึงที่นี่?”

ผู้อาวุโสเจี่ยมองไปยังพวกลูกศิษย์

พวกลูกศิษย์ก็งุนงงกันไปหมด

พวกเขาไม่ได้รับจอมมารเข้ามานี่ พวกเขาก็ไม่รู้เหมือนว่าจอมมารมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

ผู้อาวุโสเจี่ยสงสัย แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะยังไงกังฟูของจอมมารเป็นที่รู้กันดีในใต้หล้านี้ และเขาก็ยังอยู่ในรายชื่อแขกที่เชิญมาด้วยจริงๆ

เดี๋ยวเอาเรื่องนี้ไปบอกกับเจ้าหุบเขาก็พอแล้ว

“พระจันทร์เป็นของบ้านเจ้าหรือไง ข้าจะชมไม่ได้หรือไงกัน?”

จอมมารเงยหน้าขึ้นชี้พระจันทร์ให้เขาดู แต่กลับเห็นว่าวันนี้เมฆดำปกคลุมดวงจันทร์ ไม่มีพระจันทร์ให้ชมเลยด้วยซ้ำ

จึงต้องเปลี่ยนคำพูดว่า “การชื่นชมบางอย่าง ต้องใช้ใจดู ไม่จำเป็นต้องใช้ตาก็ได้”

“ขอรับๆ ท่านจอมมารพูดถูก งั้นพวกเราไม่รบกวนเวลาชมจันทร์ของท่านแล้วขอรับ”

“ช้าก่อน ห้องครัวของหุบเขาตันหุยอยู่ไหน พวกเจ้าทำอะไรกัน ข้ามาถึงที่นี่ตั้งนานแล้วก็ยังไม่มีคนส่งอาหารกับสุรามาอีก ไป ไปเตรียมอาหารรสเลิศให้ข้าหนึ่งโต๊ะ ต้องมีเนื้อและสุรา โดยเฉพาะเนื้อ ต้องมีทั้งต้มย่างผัดทอดเอามาให้หมดเลย พี่สาวชอบ……ข้าชอบกินเนื้อมาก”

สีหน้าของผู้อาวุโสเจี่ยเปลี่ยนไป

“เนื้อ?”

เนื้อในหุบเขาตันหุยไม่รู้ว่าถูกหัวขโมยหน้าไหนขโมยไป ตอนนี้จะไปหาเนื้อจากไหนมาให้ล่ะ?

อย่าว่าแต่เนื้อหนึ่งโต๊ะเลย ถึงจะเป็นเนื้อหนึ่งชิ้น หุบเขาตันหุยก็หามาไม่ได้หรอก

“หื้ม?”

จอมมารขมวดคิ้ว หรี่ตามองอย่างอันตราย

“เจ้าอย่าบอกข้านะว่า ข้าไม่คู่ควรกับเนื้อหนึ่งโต๊ะในหุบเขาตันหุยของพวกเจ้าน่ะ?”

“ไม่ใช่ขอรับๆ ท่านจอมมารพูดแบบนี้ พวกข้าบังอาจยิ่งนักขอรับ ไม่ทราบว่า……ไม่ทราบท่านจอมมารรอสองวันได้หรือไม่ สองวันหลังจากนี้พวกเราจะเตรียมอาหารรสเลิศให้ท่านเอง……”

“เจ้าพูดอีกทีสิ? สองวัน? เจ้าอยากเห็นข้าหิวจนตายหรือไง?”

“มิบังอาจขอรับๆ” ผู้อาวุโสเจี่ยปาดเหงื่อ

ซื้อเนื้อจากด้านนอกเข้ามา เร็วสุดก็ต้องใช้เวลาถึงสองวัน เขาคำนวณเวลาที่เร็วที่สุดแล้วจริงๆ

“งั้นก็รีบไปเตรียมเร็ว ข้าจะกินตอนนี้”

“ขอรับ……”

ผู้อาวุโสเจี่ยเดินออกไปด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ ในใจกระวนกระวายมาก ไม่รู้ว่าจะเอาเนื้อมาจากไหน

“ใช่สิ ห้องเก็บของที่จอดเกี้ยวของหุบเขาตันหุยอยู่ที่ไหน?”

“ไม่ทราบว่าท่านจอมมารตามหาห้องเก็บของเพื่อ……”

“ข้าเดินมานานแล้ว เมื่อยไปหมด อยากจะนั่งเกี้ยวน่ะ”

“งั้นพวกเราจะรีบจัดเกี้ยวมารับท่านกลับห้องนะขอรับ”

“ข้าจะไปเลือกเกี้ยวเอง”

“คือ……สถานที่ที่จอดเกี้ยวไว้ห่างจากห้องของท่านมาก เกรงว่ายังเดินไม่ถึงห้องจอดเกี้ยว ท่านคงเดินกลับไปถึงห้องของท่านแล้ว”

“ข้าอยาก”

กู้ชูหน่วนส่ายหัวอย่างหมดคำจะพูด

เจ้าโง่นี่

พูดซะจน ขอแค่คนที่มีสมอง ก็เดาออกว่าเขามีความคิดอย่างอื่น