ตอนที่ 1713 งานเลี้ยง
ในความเป็นจริง แลนเซล็อต แม่มด เจ้าแดงกับที่เหลือเป็นแค่จ้าวเทวะขั้นต่ํา
แต่ทว่า ไม่เหมือนจ่าวเทวะขั้นต่ําอื่นในจักรวาล ผนึกเติของพวกมันมีพลังของรอยประทับเต่ํากว่าสองล้านรอยประทับ
ในมหาพิภพแห่งนี้ แม้กระทั่งใต้สวรรค์ก็ยังสามารถใช้พลังของรอยประทับเต่ได้แค่ 1800 รอยประทับเท่านั้นจากแต่ละผนึกเต๋
โดยปราศจากการใช้พลังรอยประทับเต่ในเขตแดนเทพ ความสามารถของผนึกเต่ที่พวกแลนเซล็อตสร้างก็เทียบได้กับตอนใต้สวรรค์เลื่อนเป็นจ้าวเทวะขั้นกลางแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงมอนสเตอร์อัญเชิญที่เข้าอาณาจักรเสมือนไปหลายครั้งและได้รับพลังงานต้นกําเนิดมา พวกมันย่อมสร้างได้อีกสองถึงสามผนึกเต๋า จํานวนของรอยประทับเต่ในเขตแดนเทพพวกมันจึงเพิ่มขึ้นมาก
ความสามารถพวกมันไม่อาจเทียบได้กับตอนเพิ่งเลื่อนเป็นจ้าวเทวะ
ในขณะเดียวกัน เนื่องจากทรัพยากรที่จํากัดของมหาพิภพ จ้าวเทวะขั้นกลางจึงมุ่งหน้าไปจักรวาลตอนมีผนึกเต๋ากว่ายี่สิบผนึก
เอาเซินถูจากนครหลวงเทพเป็นตัวอย่าง แม้เขาจะเป็นจ้าวเทวะขั้นกลาง เขาก็เพิ่งมีแค่ 14 ผนึกเต๋า ความสามารถของเขาควรหพอๆกับตอนแลนเซล็อตเพิ่งเป็นจ้าวเทวะ
จ้านกวงจากวิหารเทพนักรบอาจเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังสุดที่นี่ ยกเว้นพวกพันธมิตรดาบ แต่เขาก็ยังมีแค่ 17 ผนึกเต๋า ความสามารถของเขายังอ่อนกว่ามอนสเตอร์ของหลินฮวง
แถมกลิ่นอายของเจ้าแดงยังกดทับแค่คนทั้งสามจากนครหลวงเทพเท่านั้น นางไม่ได้เปิดเผยให้ใครับรู้
นี่ทําให้หลายคนที่นี่สับสนว่าทําไมเซินถูถึงไม่หาเรื่อง
เขาได้แค่ลอบก่นด่าในใจ
“พันธมิตรดาบอาจเป็นสาขาที่ราชันย์ตั้งขึ้น มันไม่ผิดปกติที่จะมีจ้าวเทวะขั้นกลางคอยเฝ้า แต่ทําไมเผ่าเนฟิลิก องค์กรที่กําลังจะตายถึงมีตัวตนที่น่ากลัวขนาดนั้นซ่อนอยู่?!”
เขาไม่คิดว่าจาวเทวะขั้นกลางที่เพิ่งปลดปล่อยกลิ่นอายจากทางฝั่งเผ่าเนฟิลิกจะมาจากจักรวาล เขาคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นผู้รอดชีวิตจากยุคโบราณ
เหนือสิ่งอื่นใด เผ่าเนฟิลิกดํารงอยู่มานานมาก มีหลายคนในหมู่พวกเขาที่เลื่อนเป็นจ้าวเทวะได้ในยุคก่อน มันเป็นไปได้ที่จะมีสักคนหรือสองคนอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ และเลือกปกป้องเผ่าแทนที่จะออกไปจักรวาล
เขาอดจ้องมองไคลี่ไม่ได้ เขามีความรู้สึกว่าผู้อาวุโสจากเผ่าเนฟิลิกมาที่นี่เพื่อปกป้องนางโดยเฉพาะ
เขาไม่ได้สังเกตเซินลู่ ผู้นั่งข้างเขาที่แทบหมดสติจากแรงกดดันของเจ้าแดง
เขาเพิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสมาและเสียพลังเทวะกับพลังสวรรค์ทั้งหมดในตัว
เขาเพิ่งนั่งลงเพื่อรักษาแผลและฟื้นฟูพลังได้ไม่นาน และแรงกดดันที่เจ้าแดงปลดปล่อยมาก็ผลาญพลังเทวะกับพลังสวรรค์ที่เขาเพิ่งฟื้นฟูได้ใหม่ไปอีกครั้ง
เซินเจวี๋ย ผู้อยู่อีกด้านกําลังกังวลว่าคนที่ควบคุมร่างกายเขาจะทํามันอีก เขานั่งนิ่งไม่ขยับอย่างเชื่อฟัง เขาเป็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัว
หลายคนสังเกตเห็นปฏิกิริยาแปลกๆจากฝั่งนครหลวงเทพ
แต่ทว่า ทุกคนไม่สามารถคิดหาเหตุผลเบื้องหลังพฤติกรรมแปลกๆนี้ได้ พวกเขาแค่คิดว่าทั้งสามคงกลัวแลนเซล็อตกัน
หลังละครระหว่างนครหลวงเทพกับเผ่าเนฟิลิกจบลง ไม่ช้งานเลี้ยงก็ดําเนินต่อไป
โดยปราศจากนครหลวงเทพคอยสร้างปัญหา องค์กรที่เหลือต่างไม่กล้าทําอะไรในอาณาเขตของพันธมิตรดาบ
หลังองค์กรทั้งหมดมาถึง พวกสื่อก็มา
องค์กรระดับต่ําสุดที่เข้าร่วมงานเลี้ยงนี้คือระดับห้า และพวกเขาก็ถือเป็นองค์กรระดับห้าชั้นน่า
องค์กรระดับเจ็ดทั้งหมดในแดนเทพต่างมากันครบ
ขนาดกับความหรูหราเห็นได้ชัดว่าเกินกว่างานฉลองของเคียวแห่งความตายไปมาก
หลินฮวงกล่าวสุนทรพจน์สั้นๆเพื่อเปิดงาน
สุดท้ายสื่อต่างๆก็ได้เห็นหน้าตาของหัวหน้าพันธมิตรดาบ
ส่วนใหญ่ตกใจเพราะจําได้ว่าหลินฮวงคือยอดฝีมือลึกลับที่เป็นที่ต้องการตัวของหลายองค์กรชั้นนํา
แต่ทว่า บุคลากรสื่อส่วนใหญ่รู้ว่าประกาศจับโดนลบไปแล้ว
พวกเขาเดาว่ามันคงเกี่ยวกับการผงาดของพันธมิตรดาบ
หลังหลินฮวงพูดจบ เขาก็ให้ดาบหนึ่งมาดําเนินการต่อ
แม้ดาบหนึ่งจะไม่ใช่จ้าวเทวะ เขาก็ยังเป็นรองหัวหน้าของพันธมิตรดาบ ทุกคนไม่กล้าไม่เคารพเขา
เนื่องจากเขามีประสบการณ์มากในการรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าว เขาจึงควบคุมงานทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว
เขาเริ่มคุยถึงความร่วมมือในอนาคตกับบางองค์กร
“เจ้ากําลังทําให้ทุกคนอิจฉาด้วยการเป็นเจ้านายที่ไม่ทําอะไรเลย”ใต้สวรรค์ในร่างชายกล้ามโตเดินมาหาหลินฮวงพร้อมแก้วไวน์ในมือ
“เจ้าเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”หลินฮวงชนแก้ว
“ข้าไม่เหมือนเจ้า เจ้าผลักความรับผิดชอบของเจ้าออกไป”ใต้สวรรค์ส่ายหัว“ข้าไม่เคยมีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรตั้งแต่แรก”
“ทําไม?เจ้าไม่มีความสุขที่เคียวแห่งความตายเหรอ?เจ้าอยากร่วมกับข้าไหม?”หลินฮวงเลิกคิ้วและพยายามดึงตัวโดยตรง
“มันไม่ใช่ว่าข้าไม่มีความสุข ปัญหาดังกล่าวมีอยู่ในการเป็นหุ้นส่วน ตอนเบื้องบนพยายามเข้าควบคุม คนที่อยู่ต่ํากว่าพวกเขาจะต้องเลือกข้าง” ใต้สวรรค์ส่ายหัว
“โชคดีที่ข้าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเบื้องบนของเจ้า ข้าไม่สังเกตเห็นปัญหาแบบนั้น”หลินฮวงแซวด้วยรอยยิ้ม
“ในความเป็นจริง ปัญหามีอยู่แม้เจ้าจะอยู่ แค่ว่ามันไม่ร้ายแรงเท่าตอนนี้”ใต้สวรรค์รู้สึกหน่ายใจ. “เนื่องจากเฒ่าซุนกับคนอื่นตายไปแล้ว ตําแหน่งจึงว่างในเคียวโลหิต ทําให้เสียสมดุลและฝ่ายต่างๆก็พยายามแย่งอํานาจด้วย เนื่องจากข้าเลื่อนเป็นจําาวเทวะและเคียวแห่งควาตายก็เลื่อนเป็นองค์กรระดับเจ็ด การสะสมของปัญหาเล็กน้อยเหล่านี้จึงทําให้เกิดปัญหาทุกประเภทขึ้น”
“เจ้าเดินเร็วเกินไป ทําให้สะดุด”หลินฮวงนึกถึงค่าพูดคลาสสิก
“อะไรนะ?!”ใต้สวรรค์ตกตะลึง จากนั้นเขาก็เข้าใจความหมายของหลิฯฮวง“นั่นก็สมเหตุสมผล แต่มัน..”
“จู่ๆข้าก็นึกถึงมันขึ้นมานะ”หลินฮวงหัวเราะเสียงดัง
“เจ้ามีทางแก้ไหม?”ใต้สวรรค์ถามค่าถามต่อหลังลังเลไปสักพัก
“มันสามารถแก้ไขได้ง่ายๆถ้าเจ้าเต็มใจรับผิดชอบ”หลินฮวงยิ้ม
แต่ทว่า ใต้สวรรค์กลับส่ายหัว”ข้าจะไม่อยู่ในมหาพิภพนี้นานนัก ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่ชอบให้การบ่มเพาะของข้าโดนรบกวนด้วยปัญหาพวกนี้”
“ถ้าเจ้าไม่รับช่วงต่อ การแบ่งแยกระหว่างสมาชิกเคียวโลหิตก็คงไม่อาจกําจัดได้”หลินฮวงชี้ปัญหากหลัก “เหนือสิ่งอื่นใด ความสามารถกับพรสวรรค์พวกเขาคล้ายกัน ไม่มีใครเมใจปล่อยให้คนอื่นคุมหรอก”
ใต้สวรรค์เงียบ
“ข้าคิดว่าเจ้าสามารถจัดการสิ่งต่างๆได้ด้วยการครอบงําซะเลย แก้ปัญหาหลักก่อนเพื่อปรับสมดุลของเคียวแห่งความตาย หลังจากนั้น ก็ฝึกผู้สืบทอดที่เหมาะสมจากเหล่าเทพสวรรค์ที่เจ้ามี ตอนผู้สืบทอดเลื่อนเป็นจ้าวเทวะ เจ้าก็สามารถทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังได้”หลินฮวงพูดราวกับทุกอย่างช่างง่ายดาย
“เจ้าคิดว่าการฝึกคนให้เป็นจ่าวเทวะง่ายเหมือนปลูกผักหรือไง?”ใต้สวรรค์พูดไม่ออก
“ข้าแค่ออกความเห็น”หลินฮวงพูด
เขาเพิ่งตระหนักว่าการฝึกจ้าวเทวะเป็นเรื่องยากจริง ไม่งั้น มันคงไม่มีองค์กรระดับเจ็ดแค่เจ็ดแห่งในแดนเทพ รวมถึงพันธมิตรดาบ
ใต้สวรรค์เดินไปหาคนอื่นหลังคุยต่อสักพัก
หลินฮวงกวาดมองผ่านฝูงชนและไม่ช้าก็เห็นไคลี่กับเจ้าแดงยืนอยู่ไม่ไกล..