ตอนที่ 1712 โดนตอกหน้าอีกครั้ง
เซ็นถูหน้าด่า
เขาไม่คิดว่าคนอย่างแลนเซล็อตจะปรากฏออกมาจากพันธมิตรดาบ
การปรากฏของเขาทําลายแผนของพวกเขา
พอเห็นว่าแผลของเซ็นญ่ไม่ดีขึ้นเลย เขาก็รู้ว่าแลนเซล็อตยั้งมือไว้
มันพิสูจน์ให้เห็นว่าความสามารถของเขาเหนือกว่าเซินญ่มาก
เขาลอบเดาว่าเขาเองก็อาจสู้แลนเซล็อดไม่ได้เช่นกัน
มันจะมีแต่ความอับอายขายขี้หน้าถ้ําเขาลงไปร่วมวงด้วย
เขาจ้องเซินเจวี่ยที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ไกล ลอบสาปแช่งที่เห็นเขายังยืนนิ่งไม่ขยับเจ้าหมอนี่ต้องกลัวกระบวนท่าดาบนั่นจนไม่กล้าขยับขาแน่
เขาคิดว่าเซินเจวี่ยจะต้องสร้างเรื่องต่อโดยการฉวยโอกาสที่เซ็นญ่บาดเจ็บ จากนั้นเขาจะได้ใช้อีกฝ่ายเพื่อทําลายบรรยากาศนี้
แต่ทว่า ตัดสินจากส์หน้าของเซ็นเจวี่ย เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงกลัวกระบวนท่าดาบนั้นจนไม่กล้าพูดอะไรอีกแล้ว
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่าสร้างปัญหา ได้รู้บทเรียนหรือยังละ?!”เซินถพยุงเซ็นลู่ไปถึงที่นั่งก่อนจะด่า
ตราบเท่าที่เขาโยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้เซ็นคู่ที่อยากท้าทายพันธมิตรดาบเอง ความอัปยศทั้งหมดจะไม่เกี่ยวกับเขาเลย
อย่างน้อยนั้นก็คือสิ่งที่เห็นถูคิด
แต่ทว่า คนที่นี่ล้วนเป็นคนระดับสูงขององค์กรระดับเจ็ด ไม่มีใครที่โง่ พวกเขาเห็นผ่านกลอุบายทั้งหมด แต่ไม่มีใครคิดเปิดโปง
ทุกคนมีความสุขที่ได้เห็นนครหลวงเทพทําเรื่องขายขี้หน้า อย่างไรก็ตาม พวกเขาแค่เพลิดเพลินกับการแสดง ไม่จําเป็นที่ต้องเหยียบนครหลวงเทพซ้ํา
หลินฮวงไม่พูดอะไร เหนือสิ่งอื่นใด พันธมิตรดาบได้ตอกหน้านครหลวงเทพสําเร็จแล้ว
ทางฝั่งนครหลวงเทพ เซ็นเจวี่ยที่ได้รับการควบคุมร่างกายคืนมีแต่ความหวาดผวาบนหน้า เขารีบเดินตามเซ็นถูกับเซินญ่ไปนั่ง
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?ทําไมจู่ๆเจ้าถึงเป็นใบ้?!”ใบหน้าของเซินถูดํามืดทันทีที่นั่งลง เขาถามเซ็นเจวี่ยผ่านคลื่นเสียง
เซินเจวี่ยเหลือบมองไปทางหลินฮวงและเหลือบมองฝูงชนด้านหลังเขาก่อนพูดเสียงเบา
“ข้าคิดว่ามีจ้าวเทวะขั้นกลางมากกว่าหนึ่งในพันธมิตรดาบ ข้าโดนลอบโจมตี ตัวของเขาโดนควบคุมและไม่สามารถขยับตัวได้เลย
สีหน้าของเซินกูเปลี่ยนไปเล็กน้อย
สิ่งที่เขาตกใจคือความจริงที่เขาไม่สังเกตเห็นว่ามีคนที่โจมตีเซินเจวี่ยเลย
มันพิสูจน์ว่าคนที่โจมตีเซินเจวี่ยมีความสามารถมากกว่าเขา
“มันเป็นไปไม่ได้ที่จ้าวเทวะขั้นกลางสองคนจะปรากฏตัวขึ้นจากที่ไหนก็ไม่รู้ คําอธิบายเดียวคือมาจากจักรวาล มหาพิภพเราคือเขตแดนของราชันย์ การเลื่อนพันธมิตรดาบเป็นองค์กรระดับเจ็ดยังได้รับการรับรองโดยราชันย์ ขาสงสัยว่าพันธมิตรดาบนี้คือเบี้ยลับที่ราชันย์วางไว้ในแดนเทพ”เซินเจวี่ยพูดต่อ
เซินถูตกอยู่ในความเงียบสงัดหลังได้ยินค่าพูด
ตอนนั้น ดาบหนึ่งก็ไปต้อนรับองค์กรที่มาถึงต่อ
“ท่านหญิงไคลี่แห่งเผ่าเนฟิลิก ผู้นําเผ่าแอบบ็อต..และแขกกิตติมศักดิ์ท่านแดงได้มาถึงแล้ว!”
พอได้ยินเสียงประกาศของดาบหนึ่ง หลายคนก็แสดงสีหน้าสนใจ
ลําดับชื่อนั้นให้มาโดยตัวองค์กรเอง
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ผู้นําเผ่าควรเป็นชื่อแรก
ในเผ่านั้นมีท่านหญิงศักดิ์สิทธิ์ได้หลายคน แต่สถานะของพวกนางย่อมต่ํากว่าผู้นํา
สําหรับเผ่าเนฟิลิก ซึ่งเป็นเผ่าโบราณ พวกเขาจะไม่ยอมทําผิดพลาดใดในการจัดลําดับฐานะ
แต่ทว่า เผ่าเนฟิลิกกลับวางไคลีไว้ชื่อแรก และผู้นําเผ่าก็เป็นชื่อสอง
นี่พอจะชี้ให้เห็นว่าสถานะของไคลี่สูงกว่าผู้นํา
พวกเขาอดคาดเดาเหตุผลกันไม่ได้
ไม่ช่าหลายคนก็เชื่อมต่อกับตอนที่เผ่าเนฟิลิกปฏิเสธการพยายามจับคู่คนนอกกับไคลี่ในอดีต
เหตุผลที่พวกเขาป่าวประกาศกับคนอื่นคือไคลี่ยังเด็กและก็ยังไม่คิดจะจัดงานแต่งให้นางตอนนี้
ย้อนกลับไป หลายคนคิดว่าเผ่าเนฟิลิกอยากจัดการเรื่องนี้ภายในและอยากให้ไคลี่แต่งงานกับชายหนุ่มที่มีความสามารถเพื่อบ่มเพาะคนรุ่นหลังที่โดดเด่น
แต่ทว่า มันเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่
ทุกคนรู้สึกว่าไคลี่ต้องมีความลับเบื้องหลัง
หลินฮวงจ้องทางเข้า มันเกือบสามปีแล้วที่เขาไม่เจอไคลี่
แม้จะติดต่อกัน และเขาก็ได้ยินข่าวคราวของนางจากเจ้าแดง มันก็ยังเกือบสามปีแล้วที่ไม่เจอหน้ากัน
ไคลี่ในชุดเกราะเงินก้าวเข้ามาในวังพร้อมกับคณะผู้แทนของเผ่าเนฟิลิก นางกว่าความสนใจของทุกคนทันที
ชายหลายคนไม่อาจละสายตาไปจากนางได้
ไม่เพียงรูปลักษณ์ของนางจะงดงามน่าชมมอง แต่กลิ่นอายของนางยังสูงส่งอีกด้วย
เจ้าแดงที่ยืนข้างนางก็เช่นกัน แต่ต่อหน้าไคลี่ นางดูเหมือนจะถูกบดบัง เพราะนางตั้งใจปกปิดกลิ่นอายระดับจ้าวเทวะไว้ ทําให้หลายคนมองข้ามนาง
หลินฮวงอดยิ้มไม่ได้พอเห็นไคลี่เปลี่ยนไปขนาดนี้
ไคลเหลือบมองรอบๆ นางสบตากับหลินฮวงชั่วขณะ จากนั้นก็เบือนหนี นางนํากลุ่มคนจากเผ่าเนฟิลิกไปที่นั่ง
เซ็นถจ้องไคลื่อยู่นานก่อนจะมองออกไปอย่างไม่เต็มใจ
หลังเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นต่อหน้าฝูงชน
“เผ่าเนฟิลิกถือได้ว่าเป็นเผ่าเลือดบริสุทธิ์โบราณภายในแดนเทพ ตอนนี้ที่เราเจอกัน ข้าก็ได้เห็นว่าท่านหญิงองอาจแค่ไหน”
“นครหลวงเทพของข้ามีคนหนุ่มหน้าตาดีมากพรสวรรค์นับไม่ถ้วน รวมถึงทายาทสายตรงเลือดบริสุทธิ์ แอบบ็อด ข้าคิดว่าเราสามารถพิจารณาข้อตกลงพันธมิตรผ่านการแต่งงานได้”
แอบบ็อตที่เส้นผมเป็นสีขาวหมดทั้งหัวเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย แต่ทว่า ไม่ช้าก็ตอบด้วยรอยยิ้ม”ขอบคุณจักรพรรดิเทพที่มีจิตใจเมตตา แต่ทว่า ท่านหญิงของเราจะตัดสินเรื่องของนางด้วยตัวเอง ข้าเป็นคนแก่แล้ว และไม่สามารถตัดสินใจแทนนางได้”
คําตอบของแอบบอดทําให้ทุกคนประหลาดใจ
ในทางทฤษฎี เมื่อพิจารณาจากความจริงที่เผ่าเนฟิล็กอยู่ในสถานการณ์ยากลําบาก พวกเขาควรตอบตกลงกับองค์กรระดับเจ็ดทันทีในเรื่องพันธมิตรผ่านการแต่งงาน
แต่ทว่า เขากลับปฏิเสธโดยตรง
เซ็นถคาดไม่ถึงเช่นกัน เขาได้สติกลับคืนหลังผ่านไปสักพัก
จากนั้นเขาก็มองไคลี่ด้วยรอยยิ้ม
“ท่านหญิง ในเมื่อแอบบ็อดไม่อาจตัดสินใจได้ แล้วท่านคิดว่ายังไง?”
เขาแอบกดดันไคลีด้วยกลิ่นอายระดับจาวเทวะของเขาตอนเขาพูด
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่าแรงกดดันที่เขาปล่อยออกไปหายไปทันที ในเวลาเดียวกัน แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวก็แผ่มาจากทางของเผ่าเนฟิลิก
มันไม่ได้มุ่งเป้าไปที่เซ็นเท่านั้น แต่ยังห่อหุ้มเซินเจวี่ยกับเซ็นไปด้วย
ภายใต้แรงกดดันนี้ พวกเขาทั้งสามไม่สามารถขยับนิ้วได้เลย
พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจอผู้แข็งแกร่งอีกหนึ่ง
“ข้าไม่สนใจ”พอไคลี่ตอบด้วยน้ําเสียงเย็นชา แรงกดดันถึงหายไป
ฝูงชนคิดว่าเซินกูคงจะลงไม้ลงมือกับเผ่าเนฟิลิกพอได้ยินค่าตอบของไคลี่
แต่ด้วยความแปลกใจ เซินถูกลับแค่หัวเราะแห้ง
“ในเมื่อท่านหญิงไม่สนใจ งั้นก็ลืมไปเถอะ”
ผู้คนที่กําลังรอการแสดงต่างเผยสีหน้าตกใจออกมา
นี่ใช่เซินถูที่พวกเขารู้จักหรือเปล่า?!