ตอนที่ 1711 เจ้าไม่คู่ควร
หลินฮวงเห็นการโจมตีของแม่มด แต่เขาไม่หยุดนาง
เห็นได้ชัดว่า นอกจากเขาและกลุ่มมอนสเตอร์ของเขา จ้าวเทวะที่เหลือไม่สังเกตเห็นการกระทําของแม่มดเลย
หลินฮวงพูดด้วยรอยยิ้มบนหน้าตอนเขาเห็นแม่มดร่ายมนตร์ใส่เซินเจวี่ยโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย
“ดาบหนึ่งคือรองหัวหน้าของพันธมิตรดาบข่า มันเป็นข้าที่ตัดสินใจลําดับการเข้าที่เขาพูดถึง สําหรับข้า ทุกคนในแดนเทพเป็นพวกเดียวกัน ไม่มีความต่างในสถานะท่ามกลางองค์กรระดับเจ็ด ลําดับการเข้าไม่เกี่ยวกับพลังขององค์กร แต่ทว่า มันก็ต้องมีลําดับการเข้า ดังนั้น เพื่อความยุติธรรม ข้าตัดสินใจว่าพวกที่มาถึงก่อนจะได้เข้าก่อน ส่วนพวกมาถึงทีหลังก็ต้องเข้าทีหลัง”
“หรือราชาเทพเจวี่ยคิดว่านครหลวงเทพมีสถานะสูงส่งกว่าองค์กรระดับเจ็ดอื่น? และทุกคนควรรอที่ประตูจนกว่านครหลวงเทพจะมาถึง?”
แม้บางคนจากนครหลวงเทพจะแอบคิดแบบนั้น พวกเขาก็ไม่กล้าตอบรับ
เซินเจวี่ยอยากสวนกลับ และอยากทําให้หลินฮวงอับอาย
แต่เขาก็ตระหนักว่าเขาไม่อาจพูดได้แม้จะอยากเปิดปาก
“เกิดอะไรขึ้น?!”เขาตื่นตระหนก
ไม่เพียงเขาจะพูดไม่ได้ เขายังตระหนักว่าเขาไม่อาจขยับนิ้วได้ด้วยซ้ํา มันราวกับตัวเขาโดนบางสิ่งยดครอง เขาเสียการควบคุมอย่างสมบูรณ์
เซ็นถูกําลังรอให้เซินเจวี่ยสร้างเรื่องต่อ แต่ทว่าพอเห็นว่าเขายืนนิ่งกับที่และไม่พูดอะไร เขาก็อดพูดเองไม่ได้ขณะรู้สึกสับสน
“เจ้าคิดมากไป หัวหน้าหลิน ราชาเทพเจวี่ยมักตรงไปตรงมา เขาไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรในคําพูดของเขา ลําดับการเข้าไม่ต่างกัน นครหลวงเทพเราไม่ยึดติดกับเรื่องแบบนี้หรอก”
ตอนนี้ เซ็นจู่ที่ยืนข้างๆเริ่มสร้างความวุ่นวาย
“ข้าน้อยเซ็นลูคือผู้บ่มเพาะกระบี่ ข้าได้ยินว่าหัวหน้าหลินคือผู้บ่มเพาะดาบ ข้าอยากหาโอกาสประมือกับท่าน สุดท้ายวันนี้ข้าก็ได้พบ เต๋กระบี่ของข้าสั่นไม่หยุดตอนเห็นท่าน ข้าไม่อาจระงับความปรารถนาที่จะสู้กับท่านได้ ข้าหวังว่าหัวหน้าหลินจะยอมประมือกับข้า!”
“เจ้าจะทําอะไร เซ็นจู่?!ข้าบอกเจ้าแล้วไงก่อนมาว่าเจ้าห้ามขอเรื่องอะไรแบบนี้?!”เซ็นถหยุดเขาทันที
แต่ทว่า คนที่ฉลาดจะบอกได้ว่าทั้งสองแค่แสดง
สําหรับคนนอก เซินลู่มักเป็นคนบ้าที่ชอบท้าทาย แต่ทว่าบางครั้ง มันคงไร้สาระที่เขาจะยื่นคําทําโดยไม่มีเซ็นถอนุญาต
ฝูงชนต่างรู้ดีว่าวกคนจากนครหลวงเทพต้องคุยเรื่องนี้กันก่อนมา พวกเขาคงมาเพื่อสร้างปัญหา
“มันแค่การประลองระหว่างผู้บ่มเพาะกระบกับผู้บ่มเพาะดาบ มันจะถือเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผลได้ไง?”เซินลู่ ยังแสดงเหมือนคนหัวรั้น “ข้าเชื่อ ในฐานะผู้บ่มเพาะดาบ หัวหน้าหลินควรตื่นเต้นที่จะประลองและได้แลกกระบวนท่ากับผู้บ่มเพาะกระบี่เก่งๆใช่ไหม?เหนือสิ่งอื่นใด มีผู้บ่มเพาะดาบกับผู้บ่มเพาะกระบี่ล้วนไม่มากในมหาพิภพ”
หลินฮวงจ้องฉากการแสดงนี้ด้วยความเงียบ
เขามีความสนใจในตัวเซ็นลู่เป็นศูนย์
เขายังคิดกับตัวเอง ผู้บ่มเพาะกระบี่ที่เก่ง?เจ้ากําลังพูดถึงตัวเอง?โม้เก่งซะจริง
ฝูงชนดูโดยไม่พูดอะไรเช่นกัน นอกจากบางคนจากเคียวแห่งความตายที่กังวลเกี่ยวกับหลินฮวง ที่เหลือกําลังรอดูว่าหลินฮวงจะรับมือกับวิกฤตนี้ยังไง
ในความเป็นจริง งานฉลองคงอึดอัดไปแล้วไม่ว่าเขาจะรับคําท้าของเซ็นลู่หรือไม่
มันคงเป็นเรื่องน่าล่าบากใจต่อให้เขาจะเอาชนะเซ็นได้
ตอนเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ หลินฮวงไม่ควรสู้เอง
ถ้ามีจ้าวเทวะคนอื่นในพันธมิตรดาบ พวกเขาสามารถริเริ่มยอมรับการท้าทายนี้ได้ในนามตัวเอง มันคงไม่สําคัญว่าใครจะชนะหรือแพ้
แต่ทว่า พอผู้คนมองรอบๆ ก็มีเทพสวรรค์ชั้นเก้ามากมายเกือบสี่ร้อยคน แต่หลินฮวงเป็นคนเดียวที่มีกลิ่นอายของจ้าวเทวะ
ขณะที่ทุกคนคิดว่าหลินฮวงโดนบังคับให้ต้องสู้ร่างหนึ่งก็เดินออกมา
มันคือชายสวมชุดเกราะดํา หมอกดําอ่อนๆลอยอยู่รอบตัวเขา
“เจ้าไม่คู่ควรจะมาท้าทายท่านจอมดาบ”
ทันทีที่เขาพูดจบ กลิ่นอายของแลนเซล็อตก็พุ่งทะยาน เผยกลิ่นอายระดับจ่าวเทวะโดยตรง
“ข้าจะสู้เอง!”
จ้าวเทวะหลายคนต่างผงะ ความหนาแน่นของกลิ่นอายหมายความว่าคนคนนี้คือจาวเทวะขั้นกลางเป็นอย่างน้อย
แทบทุกคนต่างมีความคิดเหมือนกันในหัวว่า มียอดฝีมือเช่นนี้ซ่อนในพันธมิตรดาบมากแค่ไหน?!
เซ็นถอดขมวดคิ้วไม่ได้ เขาไม่คิดว่าตัวแปรอย่างแลนเซล็อตจะปรากฏ
เดิมเขาคิดว่านอกจากหลินฮวง กลิ่นอายของทุกคนคือเทพสวรรค์เท่านั้น ตอนเขามาถึงนี้ เขาก็คิดว่าเขาต้องเหยียบย่าพันธมิตรดาบได้สําเร็จแน่
เขาไม่คิดว่าจะมีคนจากฝังพันธมิตรดาบซ่อนฐานบ่มเพาะตัวเองไว้
ใบหน้าของเซินลู่ขาวซีดเล็กน้อย เขาเป็นแค่จ้าวเทวะขั้นต่ํา ตัดสินจากกลิ่นอายของศัตรู เขารู้ว่าเขาส์แลนเซล็อตไม่ได้
แต่ทว่า พอเห็นแลนเซล็อตชักดาบออกมา เขาก็ทําได้แค่กัดฟันรับ
หลินฮวงพลันพูดขึ้นตอนทั้งสองกําลังจะสู้กัน
“เบามือด้วย อย่าฆ่าเขาละ
แลนเซล็อตหยุดชะงัก
ดวงตาของเซินลู่เป็นประกาย เขาไม่คิดว่าคู่ต่อสู้จะเปิดเผยจุดบอดเช่นนี้
คลื่นกระบี่สีเงินพุ่งออกไป ตวัดผ่านอากาศด้วยความเร็วแสง
แต่ทว่า ชายเกราะดําตรงหน้าเขาก็หายไปในวินาทีต่อมา
“เจ้าช้าไป”
เสียงทุ่มดังขึ้นด้านหลังเขา
เซินสู่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่มาจากหน้าอก
เขาก้มหัวมอง มีแผลขนาดเท่ากําปั้นตรงกลางหน้าอกเขา เขาไม่รู้ด้วยซ้ําว่ามันเกิดขึ้นได้ไงหรือตอนไหน มันเจาะทะลุผ่านหลังเขา
การโจมตีนั้นคงบดขยี้หัวใจเขาโดยตรงถ้ามันขยับมาใกล้อีกสองสามเซน
เซินอู่ตกตะลึงพอสังเกตเห็นว่าแผลบนหน้าอกเขาไม่ฟื้นฟู จากนั้นเขาก็ตระหนักว่าการโจมตีจากคู่ต่อสู้เขาได้ผลาญพลังเทวะกับพลังสวรรค์ทั้งหมดในตัวเขา
“เจ้าเป็นอะไรไหม?”เซ็นฤดูเหมือนจะสัมผัสได้ว่าผิดปกติ เขาหายตัวและปรากฏข้างเซ็นลู่ พยุงร่างกายที่ไม่มั่นคงนั้น
“ข้าไม่เป็นไร เขายั้งมือไว้เซ็นสู่ส่ายหัว เขาหลั่งเหงื่อเย็นทั้งตัว
ถ้าการโจมตีก่อนหน้าโดนจุดสําคัญ มันคงพรากชีวิตเขาไปง่ายๆ แต่ทว่า คู่ต่อสู้เขาคํานวณการโจมตีไว้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาแค่ผลาญพลังเทวะกับพลังสวรรคในตัวเขาและหยุดทันทีหลังจากนั้น
เซ็นดูเห็นสิ่งที่เกิดบนหน้าอกของเซินอู่ตอนเขาตรวจสอบแผล จากนั้นเขาก็ตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้นและเหลือบมองแลนเซล็อตด้วยความกลัว
แลนเซลือดไม่พูดอะไรและเดินตรงกลับไปที่นั่งเขาถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับเขา
ความกลัวแสดงให้เห็นชัดในดวงตาของเหล่าจาวเทวะ
เหตุผลเพราะไม่มีใครมองเห็นวิถีดาบของแลนเซล็อตได้ชัด
มันยังหมายความว่าดาบนั้นเพียงอย่างเดียวสามารถทําร้ายจ้าวเทวะทุคนได้
ผู้บ่มเพาะดาบคนนี้จากพันธมิตรดาบมีภูมิหลังอะไรกันแน่?!”
แทบทุกคนต่างมีข้อสงสัยเดียวกันในใจ