ตอนที่ 1710 เจ้าอาจตายได้
ในเขตดาวแสวงบุญ ศูนย์ใหญ่ของพันธมิตรดาบยุ่งเป็นพิเศษ
แสงสีสว่างไปทั่วทั้งดาว มันเหมือนงานเทศกาล
อาคารของวังเผ่าคณานับโดนซื้อหมดแล้ว หลังทําการตกแต่งใหม่และเพิ่มวังอาวุธเต๋าไปอีก อาคารก็ดูหรูหรากว่าเดิม
นอกจากไคลี่และเผ่าแมลง ทุกคนภายใต้หลินฮวงล้วนมา
ไป่ ตัวตลก แลนเซล็อต ชาโคลกับตัวอื่นมาหมด พวกมันหดขนาดและปกปิดระดับพลังตัวเอง ไม่เปิดเผยกลิ่นอายของจ้าวเทวะเลยย
เหนือสิ่งอื่นใด จํานวนมอนสเตอร์อัญเชิญที่นี่สูงกว่าจ้าวเทวะทั้งหมดของทุกองค์กรในแดนเทพรวมกันซะอีก
หลินฮวงคิดว่ามันจะเป็นจุดสนใจเกินไปถ้าพวกเขาเปิดเผยระดับพลัง
เหนือสิ่งอื่นใด เขามีทาสดาบระดับเทพสวรรค์ขั้นเก้ากว่าสามร้อยคน
การดํารงอยู่ของทาสดาบก็เพียงพอจะพิสูจน์ให้เห็นถึงพลังของทาสดาบ
“ข้าจะเตรียมชุดมรดกเตดาบหลังเราทําการเฉลิมฉลองเสร็จ พวกเจ้าสามารถลองดูได้ แม้ว่าจะต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อขึ้นระดับจ้าวเทวะ”
หลินฮวงกับคนอื่นไปยังตําแหน่งตนเองตามลำดับในตอนเช้า
พอสังเกตเห็นว่าแขกยังมาไม่ถึง หลินฮวงก็พูดคําเหล่านั้นกับดาบหนึ่งที่อยู่ข้างเขาผ่านคลื่นเสียง
“ขอบคุณ ท่านจอมดาบ”ดาบหนึ่งประทับใจ
เขาเฝ้าดูหลินฮวงเติบโตมาตลอด
หลินฮวงควบแน่นผนึกดาบและบรรลุระดับจ้าวเทวะ แต่ดาบหนึ่งยังไม่รวมผนึกดาบสักอัน
แต่ทว่า เขารู้ว่าหลินฮวงเก่งกว่าเขาและทาสดาบคนอื่นในแง่เต๋าดาบ ยิ่งไปกว่านั้น เต๋าดาบที่เขาบ่มเพาะยังรวมถึงของจอมเทพและทาสดาบคนอื่น ดังนั้น มรดกเต๋าดาบที่เขาเตรียมไว้สําหรับพวกเขาควรเป็นประโยชน์ต่อทาสดาบคนอื่น
ดาบหนึ่งรู้สึกตื่นเต้นที่จะดูดซับจากมรดกเพื่อให้เขาได้รวมผนึกดาบและกลายเป็นจ้าวเทวะ
“มันดีสุดที่เจ้าจะเสียสละเวลาบางส่วนเพื่อจดจ่อกับการบ่มเพาะเป็นหลักตอนเจ้าได้รับมรดก ปล่อยที่เหลือให้คนอื่นจัดการ ข้าคิดว่าท่ามกลางกลุ่มจากเจ้าถึงดาบ 12 ศักยภาพที่พวกเจ้ามีมากพอจะเลื่อนเป็นจ้าวเทวะ ไม่ใช่แค่นั้น พวกเจ้ามีทรัพยากร เจ้าขาดแค่โอกาสที่จะฝ่าฟัน”
“ในขณะเดียวกัน ดาบ13กับคนอื่นค่อนข้างขาดคุณสมบัติโดยกําเนิด แต่ทว่า มันไม่ได้ไร้ความหวังนัก มันแค่ว่าพวกเขาจะต้องพึ่งพาโชค”หลินฮวงพูด
“มันยากที่จะเลื่อนเป็นจ้าวเทวะด้วยคุณสมบัติชั้นสี่?”ดาบหนึ่งอดถามไม่ได้
“อัตราสําเร็จจะเกือบ 50%ถ้าอยู่ชั้น 4.5 สําหรับชั้น 4 โอกาสสําเร็จจะไม่ถึง 10%”หลินฮวงพูด“ดังนั้น มันจึงยากสําหรับพวกดาบ38″
หลินฮวงรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของทาสดาบตั้งแต่ต้น
ดาบ1-12 อยู่ชั้น 5
ดาบ 13 -37 อยู่ชั้น 4.5
ที่เหลือคือชั้น 4
ดาบเงียบไปก่อนจะพูดอีก”หากพวกเขาล้มเหลวในการทะลวงผ่านจริง พวกเขาก็สามารถอยู่ในมหาพิภพ และปกป้องพันธมิตรดาบให้ท่านได้ ท่านจอมดาบ”
เขารู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่หลินอวงจะพาคนที่ต่ํากว่าจ้าวเทวะไปจักรวาลด้วย
เหตุผลเพราะความแตกต่างในความสามารถของจาวเทวะกับพวกที่ไม่ใช่นั้นห่างกันเกิน
พวกเขาจะกลายเป็นภาระถ้าไปด้วย
ดังนั้น ทาสดาบจึงจะถูกแยกออกเป็นสองกลุ่มแน่
กลุ่มหนึ่งจะติดตามหลินฮวงต่อ มุ่งตรงไปจักรวาลด้วยกัน
กลุ่มอื่นทําได้แค่อยู่ข้างหลัง
ดาบ1ไม่อยากให้ทาสดาบเหล่านั้นถูกขับไล่เช่นนั้น ดังนั้น เขาจึงเป็นผู้นําในการสู้เพื่อสิทธิ์พวกเขา
“ข้าคิดงั้นเหมือนกัน มันเป็นจริงที่เราต้องการคนเพื่ออยู่คุ้มกันที่แห่งนี้”
ในความเป็นจริง หลินฮวงมีแผนอื่นให้พวกทาสดาบที่เลื่อนเป็นจ้าวเทวะไม่สําเร็จ แต่ทว่า เขาไม่มั่นใจว่ามันจะได้ผลไหม เขาจึงคิดที่จะตอบตกลงกับดาบหนึ่งไปก่อน เขารู้ดีว่าดาบหนึ่งพยายามจะทําอะไร
ทั้งสองคุยกันอีกสักพักและไม่ช้าก็ถึงเวลาที่แขกจะมา
เสียงของดาบหนึ่งดังไปทั่ว
“สมาชิกเคียวโลหิตแห่งเดียวแห่งความตายใต้สวรรค์ เกาหมิงกับหู่เซียนเอ๋อร์มาถึงแล้ว!”
“เจ้าวังแห่งวิหารเทพนักรบ จ้านกวง รองเจ้าวัง ฐานเทียนกับราชาไร้ผู้ต้านมาถึงแล้ว!”
“ประธานสหพันธ์แห่งซีโน่ ลิงค์กับรองประธานเบ็ธมาถึงแล้ว!”
“ตาค่ายคลุมสวรรค์ ลู่ชูกับลู่อวี่มาถึงแล้ว!”
“เจ้าศาลาแห่งศาลาสมบัติล้ําค่า จินต้าฟูมาถึงแล้ว!”
“จักรพรรดิเทพแห่งนครหลวงเทพ เซินถู ราชาเทพเซินเจวี๋ยกับเซินลู่มาถึงแล้ว!”
ทุกคนต่างมองทางเข้าตอนมีเสียงประกาศการมาของนครหลวงเทพ
พวกเขามักหยิ่ง เชื่อว่าพวกเขาทรงพลังสุดในหมู่องค์กรระดับเจ็ด
ตอนเคียวแห่งความตายเลื่อนเป็นระดับเจ็ด พวกเขาแค่ส่งของขวัญมาและไม่ส่งใครมา
แต่ทว่า ตอนพันธมิตรดาบเลื่อนเป็นระดับเจ็ด แม้กระทั่งจักรพรรดิเทพเซ็นถูก็ยังมาเอง เขายังพาสองราชาเทพมาด้วย
หลายคนต่างมองด้วยสีหน้ารู้ๆกัน
พวกเขามาจากองค์กรระดับเจ็ด พวกเขาจึงรู้ดีถึงนิสัยของนครหลวงเทพ
พวกเขามาด้วยเจตนาร้าย
หลินฮวงมีรอยยิ้มอ่อนบนหน้า แต่ใต้สวรรค์ที่อยู่ไม่ไกลกลับหน้าเปลี่ยนสี
เขาลอบพูดผ่านคลื่นเสียง“ระวัง พวกนครหลวงเทพอาจมาไม่ดี”
สามจ้าวเทวะจากนครหลวงเทพกวาดตามองรอบๆ
พวกเขาหยุดชะงักตอนเห็นกลุ่มทาสดาบ
แต่ทว่า พอมาถึงหลินฮวง เซินถูก็ยิ้ม
“หัวหน้าหลิน สุดท้ายเราก็ได้พบกัน”
“ข้าเองก็ได้ยินเกี่ยวกับท่านมา จักรพรรดิ์เทพ”หลินฮวงยิ้ม ไม่ว่าเป้าหมายพวกเขาจะเป็นอะไร เขาก็ต้องต้อนรับตามมารยาท
“หัวหน้าหลิน ในเมื่อท่านเคยได้ยินถึงจักรพรรดิเทพของเรา แล้วทําไมถึงจัดเตรียมให้นครหลวงเทพเราเข้ามาหลังสุดละ?”มันคือเซินเจวี๋ยที่พยายามสร้างปัญหา
เขาดูเหมือนชายวัยกลางคนที่ไว้หนวดยาวเหนือริมฝีปาก
หลินฮวงไม่พูดอะไร ขณะที่ดาบหนึ่งกลับเดินมาคุยแทน
“ล่าดับแขกของงานเฉลิมฉลองตัดสินตามลาดับการมาถึง พวกที่มาถึงก่อนจะได้เข้าก่อน เราอธิบายเรื่องนี้ไปด้านหลังคําเชิญแล้ว”
“เจ้ายังไม่ใช่กึ่งว่าวเทวะด้วยซ้ํา อะไรที่ทําให้เจ้าคิดว่าเจ้ามีสิทธิ์มาพูดกับข้า?!”โดยธรรมชาติ เซินเจวี๋ยไม่ฟังคําอธิบายของดาบหนึ่ง เขากลับตะคอก
พลังสวรรค์ลอบผสานเข้ากับคลื่นเสียงของเขาขณะที่มันพุ่งใส่ดาบหนึ่งโดยตรง
เซินเจวี่ยยิ้มเยาะพอเห็นว่าหลินฮวงไม่ทาอะไร
“ตามคาด เขาก็แค่คนโง่ที่เพิ่งเลื่อนเป็นจ้าวเทวะ เขาไม่สังเกตเห็นการลอบโจมตีของข้าด้วยซ้ํา”
พอความคิดนั้นผุด เขาก็สัมผัสได้ว่าคลื่นเสียงของเขาหายไป
เขาตกลงเล็กน้อย แต่เม็ดเหงื่อเย็นก็ไหลหยดในวินาทีต่อมา
เสียงหนึ่งส่งเข้าหูเขาทันที
“ตาแก่ เจ่าอาจตายได้ถ้ายังสร้างปัญหาอีก”
พอเสียงผู้หญิงดังในหูเขา เซินเจวี๋ยก็สามารถรู้สึกได้ชัดว่าคนคนนั้นเป่าลมอุ่นใส่หูเขา
เขารู้สึกว่าลมอุ่นนั้นทิ่มแทงแก้วหูเขาและเข้าสมองงเขา
คนคนนั้นลอบทิ้งวิชาบางอย่างไว้ในหัวเขา
เขาตรวจหัวเขาด้วยจิตเทวะ แต่ก็ไม่พบอะไร