ตอนที่ 1709 ปฏิกิริยาของทุกฝ่าย

Monster Paradise

ตอนที่ 1709 ปฏิกิริยาของทุกฝ่าย

 

ดาวต้องสาปในเขตดาวเนฟิล็กคือดาวที่ปกคลุมด้วยสายฟ้าตลอด

 

มันไม่ใช่แค่สภาพอากาศ แต่ยังมีพลังสวรรค์ระดับจาวเทวะลอยเหนือเมฆด้วย

 

พูดได้ว่ามันคือวิชาที่ผู้อาวุโสระดับจาวเทวะจากเผ่าเนฟิลิกทิ้งไว้ในอดีต ตอนนี้มันกําลังถูกควบคุมโดยกิ่งจาวเทวะผ่านอาวุธเต่

 

แม้กระทั่งจ้าวเทวะระดับต่ําก็ไม่กล้าข้ามอาณาเขตของดาวนี้ง่ายๆ

 

นี่คือที่ที่เผ่าเนฟิลิกตั้ง

 

ตั้งแต่ไคลี่เข้าร่วมเผ่าเนฟิลิก นางก็ใช้เวลาส่วนใหญ่บนดาวนี้

 

พูดตามตรง นางใช้เวลาส่วนใหญ่บนหอคอยที่สูงสุดบนดาวนี้

 

มันคือหอคอยสีเงินยักษ์ที่สูงเป็นหมื่นเมตร

 

มีหญิงสาวผมม่วงสวมชุดขาวยืนอยู่ที่ยอดหอคอยยักษ์ นางยืนริมหน้าต่าง จ้องมองสายฟ้าหลากสีด้านนอก

 

มันคือไคล์ที่ถอดชุดรบของนาง

 

“นายท่านเพิ่งส่งคําเชิญมา”ไคลี่พูดพลางมองไปด้านนอก ราวกับกาลังคุยกับตัวเอง”พันธมิตรดาบที่เขาก่อ ตั้งเลื่อนเป็นองค์กรระดับเจ็ด เขาอยากให้เราไปร่วมงานฉลอง

 

“เขาควรคิดงานฉลองนี้ไว้แต่แรก เขาแค่ลากยื่อมันไปเป็นเดือน”แต่สาวน้อยผมแดงกลับค่อยๆเดินมา

 

“ข้าเลือกอยู่กับเผ่าเนฟิลิกในตอนนั้นเพราะข้าอยากยืมพลังของพวกเขาเพื่อช่วยนายท่านให้ได้มากที่สุด แต่สุดท้าย ข้าก็ทําอะไรไม่ได้”ไคลี่หันไปมองเจ้าแดง

 

“จริง ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่านายท่านจะเติบโตเร็วขนาดนี้”เจ้าแดงพยักหน้า”ข้าเดาว่าต่อให้เขาไม่ต้องใช้เวลาร้อยปีเพื่อเป็นข้าวเทวะ แต่อย่างน้อยก็คงต้องใช้เวลาสัก 30-50 ปี และเราก็สามารถยืมพลังของเผ่าเนฟิล็กเพื่อปกป้องเขาได้

 

“แต่มันกลายเป็นว่าเขาเลื่อนเป็นจาวเทวะภายในสามปี มันทําให้แผนในอนาคตของข้าทั้งหมดเปล่าประโยชน์”

 

“แต่ทว่า นั่นไม่ใช่เรื่องแย่ นายท่านก็ได้ช่วยเราจัดการกับปัญหาต่างๆ.”

 

“ตอนนี้เขาทรงพลังแค่ไหน?”ไคลือดถามไม่ได้

 

“ข้าไม่รู้ แต่ไม่ว่ายังไง เขาก็ทรงพลังกว่าข้ามาก”เจ้าแดงส่ายหัว

 

“เจ้าพอประเมินพลังของเขาคร่าวๆได้ไหม?”ไคลื่ถามต่อ

 

“ไม่ ช่องว่างระหว่างความสามารถเรามากเกินไป”เจ้าแดงพูดต่อด้วยรอยยิ้มขณะส่ายหัว”ข้าได้ยินจากชาโคลว่าเขาเอาชนะไปกับเถิงหรานได้สบายๆ”

 

“หลังการเลื่อนขั้นแล้วนะเหรอ?”ไคลี่เล็กคิ้ว

 

“ใช่ จากที่ชาโคลบอก พวกเขาสู้กันทันทีที่เลื่อนขั้น”เจ้าแดงพยักหน้า

 

“มีอีกสิ่งที่ขาอาจระบุความสามารถเขาได้”เจ้าแดงพูดต่อ”ถ้าการตัดสินของข้าถูก เขาต้องฆ่ากลุ่มไรเดอร์ ที่มาจากจักรวาลไปแล้ว ไม่งั้นเขาคงไม่ประกาศการดํารงอยู่ของพันธมิตรดาบแบบนี้

 

“พวกนั้นต้องเป็นจ้าวเทวะขั้นกลางเป็นอย่างน้อย”แม้ไคลี่จะไม่เคยเจอกับตัว แต่ตอนกลุ่มไรเดอร์ส่งคนมาส่งจดหมายบอกให้เผ่าเนฟิลิกนําหมายจับของหลินฮวงขึ้น นางก็สัมผัสได้ว่าพวกเขาไม่คิดปกปิดกลิ่นอายเลย นางสามารถประเมินพลังพวกเขาได้

 

“เจ้าสามารใช้โอกาสนี้ทดสอบพลังของเขาได้ตอนเจ้าไปเยี่ยมเขา”เจ้าแดงยิ้มขี้เล่น

 

“ไม่สนใจ”ไคลี่ปัดข้อเสนอทันที

 

นางรู้ดีว่าต่อให้นางจะเป็นจ้าวเทวะแล้ว ความสามารถต่อสู้ของนางก็ควรพอๆกับพวกไปที่โดนกระทืบ

 

ไปกับเถิงหรานยังโดนกระทืบเละตอนจับมือกันรุมนายท่าน นับประสาอะไรกับนาง

 

ยิ่งไปกว่านั้น การต่อสู้นั้นยังเกิดขึ้นเมื่อเกือบสองเดือนก่อน

 

ปัจจุบันหลินฮวงทรงพลังกว่าสองเดือนก่อนมาก

 

ที่ศูนย์ใหญ่เคียวแห่งความตาย ใต้สวรรค์เรียกประชุมสมาชิกเคียวโลหิต

 

“หลินฮวงส่งข้อความหาเรา จะมีงานเฉลิมฉลองที่พันธมิตรดาบเลื่อนเป็นองค์กรระดับเจ็ดในสามวัน เขาเชิญเคียวแห่งความตายของเราให้ไปร่วม”

 

ใต้สวรรค์ฉายภาพคําเชิญ

 

“ข้าคิดว่ามันดีสุดที่พวกเราบางคนจะไปร่วม เหนือสิ่งอื่นใด หลินฮวงมาจากเคียวแห่งความตาย และเขาก็คือคนที่ล้างแค้นให้เฒ่าซุน”ในฐานะมนุษย์แบบหลินฮวง เกาหมิงคือคนแรกที่ออกความเห็น

 

“ข้าคิดว่าพวกเราทุกคนควรไปต่างหาก ทั้งแดนเทพเคียวแห่งความตายควรจะเป็นกลุ่มที่สนิทกับเขาสุด เราควรสนับสนุนเขา”หูเซียนเอ๋อร์พูด

 

“ข้าไม่ค้านโลหิตไร้ขอบเขตพยักหน้า“ข้ายังคิดว่าเราควรพาเพื่อนเก่าของหลินฮวงไปด้วย”

 

“งั้นก็ไปเรื่องต่อไป เราควรเตรียมของขวัญอะไรไป?”ใต้สวรรค์ข้ามไปเรื่องต่อไป

 

ที่เมืองเทพในนครหลวงเทพ เซ็นถุหรี่ตาลงขณะนั่งอยู่ในที่นั่งหลักของห้องประชุม

 

มีผู้ชายกับผู้หญิงสวมชุดหรูหราทั้งสองข้างของโต๊ะตัวยาวในห้องประชุม พวกเขาล้วนอยู่ในร่างมนุษย์

 

“บอกข้าว่าพวกเจ้าคิดยังไงเกี่ยวกับคําเชิญของพันธมิตรดาบในครั้งนี้”

 

“ข้าคิดว่าเราควรมอบของขวัญที่เหมาะสมให้เพื่อกันคนนอกจากการประณามนครหลวงเทพเรา”ชายชราผมขาวที่นั่งทางซ้ายมือของเซินถออกความเห็น

 

“ข้าคิดว่ามันไม่จําเป็นต้องใส่ใจ”หญิงสาวผมทองที่นั่งขัดเล็บตัวเองพูดขึ้น”เจ้าคนสกุลหลินนั้นก็แค่มนุษย์ชั้นต่ํา ท่ามกลางสมาชิกที่เหลือ แม้กระทั่งพวกที่โดดเด่นก็เป็นเลือดผสม ข้าไม่อยากให้รองเท้าของขาต้องเหยียบย่างไปในสถานที่สกปรกแบบนั้น”

 

“ถูกต้อง ขาสงสัยว่ามนุษย์ชั้นต่ําไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงสร้างองค์กรในแดนเทพของเรา!”ชายหนุ่มผมดําพูดขึ้น”ตอนนี้พวกมันถึงกับเลื่อนเป็นระดับเจ็ด?!ถ้าไม่ใช่เพราะการรับรองของราชันย์ ข้าคงโจมตีพวกมัน และตัดหัวหลินฮวงไปแล้ว”

 

“มีใครมีความเห็นอื่นไหม?”เซ็นถูเหลือบมองคนอื่นอย่างไร้อารมณ์

 

“ข้าคิดว่าเราควรไปเข้าร่วม”ชายวัยกลางคนที่นั่งทางขวามือของเซ็นถพูด“เพื่อแสดงความเอื้ออาทรของนครหลวงเทพเรา และเรายังสามารถตรวจสอบได้ว่าหัวหน้าพวกมันทรงพลังแค่ไหนและเพิ่มชื่อเสียงของนครหลวงเทพเราต่อหน้าทุกคนไปในตัว”

 

“ข้อเสนอของเฒ่าเจวี่ยไม่เลว”ชายผมดําเห็นด้วย”พันธมิตรดาบเป็นที่นิยมมากช่วงนี้ พวกมันทะยานขึ้นฟ้าในก้าวเดียว เราต้องไม่ทําให้พวกมันขายหน้า ทั้งหมดที่เราต้องทําคือข่มพวกมันและให้ทุกคนรู้ว่านครหลวงเทพเราทรงพลังกว่าพันธมิตรดาบ มันขึ้นอยู่กับว่าสื่อจะอยากเขียนยังไง”

 

ทันใดนั้น ทั้งแดนเทพก็คุยกับงานเฉลิมฉลองของพันธมิตรดาบ

 

แทบทุกคนที่ได้รับคําเชิญต่างกําลังคุยว่าจะส่งคนไปมากแค่ไหนและควรให้ของขวัญอะไร

 

พวกที่ไม่ได้รับคําเชิญรออย่างกระตือรือร้น พวกเขากําลังรอการถ่ายทอดสดจากสื่อ

 

เหนือสิ่งอื่นใด นี่คืองานเฉลิมฉลองที่ใหญ่กว่าตอนเคียวแห่งความตาย

 

ไม่ใช่แค่นั้น นอกจากองค์กรระดับเจ็ดและองค์กรระดับหกที่พบว่าหัวหน้าของพันธมิตรดาบชื่อหลินฮวง องค์กรกับผู้บ่มเพาะที่เหลือไม่รู้ว่าหัวหน้าของพันธมิตรดาบคือคนที่ติดประกาศจับ

 

พวกเขาต่างอยากรู้ว่าหัวหน้าพันธมิตรดาบหน้าตาเป็นยังไง