ตอนที่ 1708 แม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าข้าทรงพลังแค่ไหน
ตอนหลินฮวงกลับสู่อาณาจักรวัตถุ เวลาก็ผ่านไปแค่วินาทีเดียวเท่านั้น
ภายในวินาทีนั้น ความสามารถโดยรวมของหลินฮวงเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น
ก่อนเข้าอาณาจักรเสมือน เขามีแค่สามผนึกเต๋ แถมสองในนั้นยังเป็นผนึกดาบที่ไม่สมบูรณ์
ตอนนี้ที่เขาปิดประตูบ่มเพาะ เขามีทั้งสิ้นสามพันผนึกเต๋
ไม่เพียงเขาจะทําให้สองผนึกดาบในตอนแรกมีรอยประทับเต่าครบล่าน เขายังสร้างอีกสองร้อยผนึกดาบเพิ่ม
นั่นคือภายใต้สมมติฐานที่ว่าจํานวนกฎสวรรค์เด็ดาบโดนจํากัดไว้ในเขตแดนเทพเขา ซึ่งทําให้เขาพัฒนาได้แค่สองร้อยผนึกดาบ
ไม่งั้น เขาคงมีความสุขมากกว่าที่จะรวมผนึกเตทั้งหมดสามพันผนึกให้เป็นผนึกดาบ
ในความเป็นจริง หลินฮวงไม่มีความสุขเลยที่มาถึงขีดจํากัดของจ้าวเทวะขั้นสูงสุด
เขายังคิดไม่ออกว่าปัญหาไหนกันแน่ที่ท่าให้เขารวมผนึกเต่ไม่ได้เพิ่ม
มีเจตจํานงจางๆที่มองไม่เห็นซึ่งหยุดเขาไม่ให้ทะลวงผ่าน
มันแทรกแซงเขตแดนเทพของเขาและบัญญัติเทพ
ในเขตแดนเทพเขา เขาทําได้แค่ใช้พลังของสามพันผนึกเต๋ เขาไม่อาจใช้ได้มากกว่านั้น
ในขณะเดียวกัน ด้านนอกเขตแดนเทพเขา เขาก็ใช้ได้แค่สามพันผนึกเต่ที่เขามี เขาไม่อาจหยิบยืมผนึกเต๋าเพิ่มจากเขตแดนเทพของเขาได้อีก
หลินฮวงมีความรู้สึกว่าขีดจํากัดนี้ไม่ได้มาจากตัวเขา
มันดูเหมือนจะโดนจํากัดโดยกฏจากโลกภายนอก
แต่ทว่า เขาไม่ได้ติดอยู่ในนั้น
ในด้านหนึ่ง เป็นเพราะควาสามารถของเขาเพิ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้ว
แม้เขาจะมีแค่สามพันผนึกเต๋า เขาก็รู้ว่าจ้าวเทวะขั้นสูงสุดคนอื่นที่มีสามพันผนึกเต่เหมือนกันต้องสู้เขาไม่ได้แน่
เหตุผลเพราะแต่ละผนึกเต๋ของเขาเกิดจากรอยประทับเต่นับล้าน
ในมหาพิภพ จ้าวเทวะทั่วไปจะมีแค่พันรอยประทับเต่ในผนึกเต๋า
แม้กระทั่งอัจฉริยะอย่างใต้สวรรค์ก็ยังมีไม่ถึงสองพันรอยประทับเต่ในแต่ละผนึกเตที่เขาสร้าง
แม้กระทั่งในจักรวาล มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีจ้าวเทวะคนใดเทียบกับเขาได้ในจํานวนรอยประทับเต่ํา
จํานวนรอยประทับเต่ในผนึกเต่ไม่ใช่จุดแข็งเดียวของหลินฮวงยังมีร่างกายกับวิญญาณเทพของเขาด้วย
ตอนเขาปิดประตูบ่มเพาะที่ระดับจาวเทวะขั้นต่ํา พลังของร่างกายกับวิญญาณเทพเขาก็ไปถึงขีดจํากัดของจ้าวเทวะขั้นสูงสุดแล้ว
ด้วยความที่จํานวนผนึกเต่ในตัวเขาเพิ่ม และระดับพลังก็เพิ่ม มันย่อมเสริมร่างกายกับวิญญาณเทพของเขาไปอีก
แม้เขาจะไม่มั่นใจว่าพลังของร่างกายและวิญญาณเทพเขาไปถึงระดับเต่าหรือยัง แต่เขาก็มั่นใจว่าไม่ว่าจะเป็นด้านไหน เขาก็ทรงพลังกว่ายอดฝีมือส่วนใหญ่ที่ขีดจํากัดของจ้าวเทวะขั้นสูงสุด
นับประสาอะไรกับเขตแดนเทพเขา
เขตแดนเทพเขามีผนึกเต่ํากว่า 43000 นั้นยังไม่ใช่ขีดจํากัดที่เขตแดนเทพเขาจะรองรับได้ด้วยซ้ํา
หลินฮวงไม่กล้าเทียบกับสิ่งอื่น แต่เขามั่นใจว่าเขตแดนเทพเขาเทียบได้กับยอดฝีมือระดับเต่
นอกจากพลังดุร้ายของเขาแล้ว หลินฮวงยังมีนิ้วทองคํามากมาย ข้อได้เปรียบที่คนอื่นไม่มี
ค้อนอย่างเดียวก็ได้เติบโตถึงขั้นสี่แล้ว
แต่ละครั้งที่เขาโจมตี มันจะมีผลโจมตีทวีคูณแบบสุ่มอย่างน้อย 3เท่าถึง40เท่า
เมื่อรวมกับมีดบินอาวุธเซียนจํานวนมาก หลินฮวงคิดว่าเขาควรจะสู้กับใครก็ตามที่ต่ํากว่าระดับเต่ําได้หมด
ยิ่งไปกว่านั้น พอระดับพลังเขาเพิ่มอาวุธเซียนในตัวของเขาก็เพิ่มระดับตามเช่นกัน
อาวุธเซียนที่แต่เดิมเป็นระดับอาวุธเต่ําขั้นสูงสุดได้เปลี่ยนเป็นสมบัติวิญญาณระดับเต่ําแล้ว
แม้กระทั่งหลินฮวงก็ยังไม่มั่นใจว่าพวกมันอยู่ระดับไหนกันแน่
เขาไม่มั่นใจว่าตอนนี้เขาทรงพลังไหน เขาไม่มั่นใจด้วยซ้ําว่าเขาสามารถปะทะกับยอดฝีมือระดับเต๋ได้ซึ่งๆหน้าหรือยัง
หลินฮวงตรวจด้วยจิตเทวะของเขาตอนกลับไปอาณาจักรวัตถุ และไม่ช้าก็พบพวกชาโล
แต่ทว่า เขาสับสนเล็กน้อย เหตุผลเพราะภายใต้สัมผัสของเขา ชาโคลกับตัวอื่นให้ความรู้สึกราวกับพวกมัน คือไม้ขีดไฟที่กําลังลุกไหม้ด้วยเปลวไฟที่ไม่เสถียร เขายังมีภาพลวงตาว่าสามารถดับชีวิตพวกมันได้ด้วยการเป่าลม
กลิ่นอายของพวกดาบหนึ่งยิ่งอ่อนแอกว่า มันเหมือนประกายไฟที่สามารถดับได้ทุกเมื่อ
ส่วนคนอื่นๆนั้นเหมือนจุดแสง พลังของกลิ่นอายไม่พอจะสร้างความร้อนด้วยซ้ํา
หลินฮวงกังวลเล็กน้อยว่าเขาจะฆ่าชีวิตทั้งหมดในร้อยเขตดาวราวๆถ้าเขาเผลอจาม
“นี่คือภาพลวงตาจากการทะลวงผ่าน?หรือข้าสามารถกวาดล้างทุกสิ่งได้จากการจามจริง?”หลินฮวงอดพึมพำไม่ได้
ตอนนี้ เขาพลันรู้สึกถึงบางอย่างที่จ้องมองเขา
เขากระจายจิตเทวะและไม่พบอะไร
สัมผัสสอดส่องนั้นหายไปทันที
“นี่ก็ภาพลวงตาด้วยเหรอ?”หลินฮวงขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาไม่คิดว่าจะมีใครในมหาพิภพที่สามารถหลบหนีจากการตรวจจับของจิตเทวะเขาได้ ต่อให้บุคคลนั้นจะเป็นยอดฝีมือที่สามารถปิดบังจิตเทวะได้ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทําเช่นนั้นเหนือสิ่งอื่นใด พลังของจิตเทวะเขาเกินกว่าทุกคนที่ต่ํากว่าระดับเต๋
เขาไม่คิดว่ามันเป็นภาพลวงตาเช่นกัน
เขาสงสัยเล็กน้อยว่าสัมผัสสอดส่องนี้มาจากยอดฝีมือระดับเดีของราชันย์หรือเปล่า
นั่นคือความเป็นไปได้เดียวที่ฟังดูสมเหตุสมผล
คนคนนั้นอาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เขาแผ่ออกไปโดยไม่ตั้งใจ พวกเขาจึงสอดส่อง
หลินฮวงไม่ยึดติดกับมัน
เขาหลับตาต่อเพื่อสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงขณะกลับไปอาณาจักรวัตถุของเขา เขาพยายามทําความคุ้นเคยกับร่างกายของเขา
พอใกล์ดึก ดาบหนึ่งก็พลันส่งข้อความ
“การดําเนินงานของพันธมิตรดาบเข้าที่เข้าทางแล้ว เราสามารถเตรียมงานเฉลิมฉลองกันได้ โปรดกําหนดวันที่ด้วยท่านจอมดาบ”
หลินฮวงตกอยู่ในห้วงความคิดลึกตอนเขาเห็นข้อความ
เขาใช้เวลาไปมากในอาณาจักรเสมือน เขาลืมเกี่ยวกับมันไปสนิทตั้งแต่ออกจากการปิดประตูบ่มเพาะครั้งนี้
งานเฉลิมฉลองที่ดาบหนึ่งพูดถึงคืองานฉลองที่พันธมิตรดาบได้เลื่อนเป็นองค์กรระดับเจ็ด
องค์กรทั้งหมดจะจัดงานเฉลิมฉลองตอนเลื่อนเป็นระดับเจ็ดเพื่อให้โลกได้รับรู้
แม้พันธมิตรดาบจะได้รับความสนใจอย่างมากช่วงนี้ จนผู้บ่มเพาะแทบทุกคนต่างรู้จัก แต่พวกเขาก็ไม่เคยแสดงตัวในที่สาธารณะ
พวกเขาสามารถฉวยโอกาสนี้เพื่อเชิญทุกคนมางานเปิดตัวพันธมิตรดาบอย่างเป็นทางการได้!
นี่เป็นครั้งแรกที่พันธมิตรดาบจะแสดงตัวต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการ มันเป็นโอกาสอันดีที่จะเสริมสร้างชื่อเสียงของพวกเขา
“พวกเจ้าต้องใช้เวลาเตรียมงานกันกี่วัน?”หลินฮวงตอบกลับข้อความ
“จริงๆแล้ว เราเกือบเตรียมการขั้นต้นเสร็จแล้ว ตอนนี้เราเหลือแค่การประกาศอย่างเป็นทางการ การส่งคนไปส่งค่าเชิญ ข้าคิดว่าเราจะสามารถทําเสร็จได้ในสามวัน”ดาบหนึ่งตอบทันที
“ส่งคําเชิญไปวันนี้ และดําเนินการเตรียมการสําหรับสามวันที่เหลือ กําหนดวันเป็นสามวันหลังจากนี้”หลินฮวงไม่ลังเลเลย”ให้ข้าส่งคําเชิญตอนพวกเจ้าเตรียมการกันเสร็จ”