ตอนที่ 1707 ระดับพลังพุ่งทะยาน

Monster Paradise

1707 ระดับพลังพุ่งทะยาน

 

หลินฮวงปิดประตูบ่มเพาะต่อในกระท่อมอาณาจักรเสมือน

 

พอสังเกตเห็นว่าจํานวนผนึกเต๋าในตัวที่เขาสามารถหยิบยืมได้จากเขตแดนเทพของเขามีจํากัด เขาก็หยุดหลอมเขตแดนเทพเพิ่ม

 

เขากลับเริ่มพัฒนาห่วงโซ่ลําดับเท่าที่อยู่ในเขตแดนเทพของเขาอยู่แล้วแทน

 

หลินฮวงสามารถยืมห่วงโซ่ลําดับเทพทั้งหมดในเขตแดนเทพเขาได้ และไม่เพียงจะใช้มันได้เหมือนเดิม แต่ยังผ่านการศึกษามาก่อน

 

ดังนั้น การพัฒนาพวกมันอีกครั้งละเปลี่ยนเป็นห่วงโซ่ของเขาเองจะง่ายกว่า

 

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในกระท่อม

 

จํานวนห่วงโซ่ลําดับเทพในตัวหลินฮวงพุ่งทะยาน

 

มันไม่ชัดเจนว่าเวลาผ่านไปแค่ไหน แต่เขาก็สร้างห่วงโซ่ล่าดับเทพล้านสายได้สําเร็จ

 

หลังลังเลสักพัก หลินฮวงก็เลือกท่าการผสานใหม่

 

เขาโดนยอดฝีมือระดับจาวเทวะโจมตีครั้งก่อนที่ทําการผสาน และเกือบล้มเหลว

 

ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนมาช่วยกายเสมือนของเขาคงโดนท่าลาย

 

ครั้งนี้ เขาจะไม่พลาดโอกาส ไม่ว่าตัวตนเช่นนั้นจะปรากฏใหม่ไหม หรือผู้หญิงที่เคยช่วยเขาไว้ก่อนหน้าจะปรากฏตัวหรือเปล่าก็ตาม

 

เขาเตรียมการมาพร้อม

 

เขากางเขตแดนเทพของเขาออกมา มีดบินอาวุธเซียนบินออกมาจากแขนเสื้อเขา เตรียมพร้อมโจมตี

 

ครั้งนี้ เขาจะสู้ซึ่งๆหน้า

 

มันไม่ใช่ว่าเขาอวดดีเพราะพลังของเขาเพิ่มขึ้น แต่เขาอยากรู้ว่าความสามารถของเขากับระดับเต่ําห่างกันแค่ไหน

 

ในทางกลับกัน เขาไม่กังวลว่าจะโดนฆ่า

 

ถ้าเขาตายในอาณาจักรเสมือน ทั้งหมดที่จะเสียก็คือกายเสมือน

 

ต่อให้เทคนิคของยอดฝีมือระดับเต่จะสามารถส่งผลต่ออาณาจักรวัตถุได้ เขาก็มีเทคนิคอื่นที่ช่วยให้เขาคืนชีพ

 

การเตรียมการนี้ช่วยให้เขามีความมั่นใจพอสมควร

 

เหนือสิ่งอื่นใด เส้นทางบ่มเพาะก็คือเส้นทางที่ท้าทายธรรมชาติ

 

ถ้าเขากลายเป็นคนขี้กลัวเพราะความล้มเหลวครั้งหนึ่ง เขาคงเจอทางตัน

 

หลินฮวงลงมือทันทีหลังตัดสินใจได้

 

เขาท่าการผสานอีกครั้ง

 

มันคือผนึกเต๋ที่สี่ของเขา กระบวนการผสานถือว่าคล้ายเดิม

 

ขั้นแรกของการผสาน การสื่อสารทางจิต

 

ในขั้นนี้ ห่วงโซล่าดับเทพจะเริ่มมีสติปัญญา พวกมันจะเข้าสู่สภาวะโกลาหลและสู้กัน

 

ในตัวหลินฮวง ห่วงโซ่ล่าดับเทพล่านสายได้เปลี่ยนเป็นรูปร่างต่างๆและปะทะกัน

 

กระบวนการนี้อันตรายมากสําหรับคนที่ทําการผสานครั้งแรก แต่ไม่ใช่กับหลินฮวง

 

หลินฮวงมีใบหน้าเรียบเฉย เขาแค่ใช้วิญญาณเทพเพื่อปลดปล่อยแรงกดดันและห่วงโซ่ลําดับเทพทั้งหมดก็กลายเป็นเชื่อฟัง

 

กระบวนการทั้งหมดกินเวลาไม่ถึงวินา

 

ขั้นสองคือการผสานนั่นเอง

 

ระหว่างขั้นนี้ ห่วงโซ่ลําดับเทพจะเปลี่ยนรูปร่างและเปลี่ยนเป็นรอยประทับเต่เพื่อรวมกันเป็นผนึกเต๋า

 

ขั้นตอนนี้คือขั้นตอนที่มีอัตราล้มเหลวสูงสุด

 

เหตุผลเพราะกระบวนการหลอมรวมรอยประทับเต่เป็นผนึกเต่ก็คล้ายกับนิวเคลียร์ฟิวชั้น มันจะปลดปล่อย พลังงานน่ากลัว

 

การปลดปล่อยของพลังงานเช่นนี้จะส่งผลต่อร่างกาย วิญญาณเทพกับเขตแดนเทพ

 

ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งต้านทานผลกระทบไม่ได้ ก็เป็นอันจบ

 

แต่ทว่า สําหรับยอดฝีมือที่ร่างกายกับวิญญาณเทพมาถึงขีดจํากัดของจ้าวเทวะขั้นสูงสุด ผลกระทบพลังงาน ของการผสานจ้าวเทวะขั้นต่ําจะไม่สามารถทําลายผ่านการป้องกันได้เลย

 

เขตแดนเทพของเขายิ่งแข็งกว่า มันจะไม่สั่นคลอนสักนิด

 

ตลอดกระบวนการผสานรอบนี้ หลินฮวงมีใบหน้าตายาด้านตลอด เขาดูกระบวนการทั้งหมดเงียบๆ

 

ผลกระทบพลังงานของการผสานไม่ได้ส่งผลต่อเขตแดนเทพเขาเลย รวมถึงร่างกายกับวิญญาณเทพ

 

เขาเหมือนผู้ชม ดูการแสดงของพลุไฟในเขตแดนเทพเขา

 

เขาจ้องผนึกเต๋ที่สี่ที่เริ่มก่อตัวอย่างรวดเร็ว

 

เขารู้ว่าขั้นตอนสามกําลังมา

 

การปล้นเต!

 

วินาทีที่ผนึกเต่ก่อตัว กลิ่นอายที่มันสร้างจะดึงดูดนักล่า ล่อพวกมันออกจากอาณาจักรเสมือน

 

แต่ปัจจุบันหลินฮวงอยู่ในอาณาจักรเสมือน โดยธรรมชาติ วอยด์นับไม่ถ้วนย่อมสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของผนึกเต๋า

 

เขายกระดับจิตวิญญาณ มันไม่ใช่ว่าเขากลัววอยด์ที่จะมาตามกลิ่นอายผนึกเต๋า เขากลับระวังยอดฝีมอระดับเต๋าที่เคยโจมตีเขาต่างหาก

 

เขาเตรียมพร้อมทุ่มสุดตัว เขาไม่คิดถอยเลย

 

ในอาณาจักรเสมือน เขตแดนเทพของหลินฮวงจุติ มันไม่รู้ว่ามีเขตดาวมากมายแค่ไหนโดนเขตแดนเทพของหลินฮวงห่อหุ้มไว้

 

ผนึกเสีทองเป็นประกายที่เพิ่งรวมเหมือนดวงอาทิตย์สีทองดวงโตเหนือเขตแดนเทพ มันแผ่แสงสีทองไว้ สิ้นสุดและกลิ่นอายท่วมท้นก็กระจายออกไปทุกทิศทางเหมือนคลื่น

 

สําหรับพวกวอยด์ กลิ่นอายจากผนึกเต๋ก็คล้ายกับอาหารแสนอร่อยที่ทําให้น้ําลายไหลได้

 

พวกมันเหมือนฉลามได้กลิ่นเลือด เริ่มพุ่งมาทางหลินฮวงอย่างบ้าคลั่ง

 

หลินฮวงไร้อารมณ์ เขาสัมผัสได้ชัดว่าพวกวอยด์กําลังรุกล้ําเขตแดนเทพของเขา

 

จากแขนเสื้อเขา สายฟ้าสีเลือดพุ่งออกไปไม่หยุดเก็บเกี่ยวชีวิตอย่างไร้ปราณี

 

ครั้งนี้ เขาฆ่าวอยด์ไปกว่าห้าสิบตัว

 

ตัวที่ทรงพลังสุดคือจ้าวเทวะขั้นสูง

 

หลินฮวงอดเล็กคิ้วไม่ได้ขณะมองแสงของผนึกเต่ในท้องฟ้าที่หม่นลง

 

ผู้โจมตีระดับเต่จากครั้งก่อนไม่มา

 

ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกลัวผู้หญิงที่โจมตีก่อนหน้านหรือเพราะด้วยเหตุผลอื่น

 

จนกระทั่งกลิ่นอายของผนึกเตอ่อนตัวอย่างสมบูรณ์และซ่อนตัวลึกในเขตแดนเทพเขา หลินฮวงก็ยังไม่เห็นผู้โจมตี

 

ขณะที่เขารู้สึกโล่งใจ เขาก็ยังรู้สึกเสียดายด้วย

 

เขาเก็บเขตแดนเทพเขาและหมุนตัว เขาเข้ากระท่อมอาณาจักรเสมือนอีกครั้งและเริ่มพัฒนาห่วงโซ่ลําดับเทพรอบใหม่

 

เวลาผ่านไปนานหลายปีในอาณาจักรเสมือน

 

ตั้งแต่ผนึกเต๋าที่สี่ก่อตัว หลินฮวงก็ผสานพวกมันเพิ่ม

 

ผู้โจมตีระดับเต่ไม่เคยปรากฏตัวอีก

 

ตอนนี้ หลินฮวงมีสิบผนึกเต๋าแล้ว

 

พลังของผนึกเต๋ได้ไปถึงจุดสูงสุดของจ้าวเทวะขั้นต่ําแล้ว

 

แต่ทว่า หลินฮวงยังไม่หยุด เขากลับเลือกผสานผนึกเต๋เพิ่ม

 

ตอนผนึกเที่11ก่อตัว ความยากของการผสานก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หยุดยั้งหลินฮวง

 

ถึงแม้จํานวนวอยด์ที่โดนกลิ่นอายผนึกเต๋ล่อมาจะเพิ่ม มันก็แค่เพิ่มจํานวนชีวิตที่หลินฮวงจะเก็บเกี่ยว

 

หลินฮวงยังไม่หยุดพัฒนาห่วงโซ่ล่าดับเทพ

 

จํานวนผนึกเต๋ในตัวเขาพุ่งทะยาน

 

ตอนเขาสร้างผนึกเต๋าที่101 ความยากของการผสานก็โมขึ้นอีก

 

แต่ทว่า มันยังไม่มีปัญหาต่อหลินฮวง

 

แม้เขาจะรู้ว่าเขาปิดประตูบ่มเพาะมานานมากแล้ว เขาก็ยังไม่คิดกลับ เขาเลือกพัฒนาผนึกเต๋าเพิ่ม

 

จํานวนผนึกเต๋ในตัวของเขาเปล่งแสงไม่หยุด

 

หลินฮวงมาถึงขีดจํากัดของสามพัน คล้ายกับจํานวนที่จาวเทวะขั้นสูงสุดพึงมี แต่ผู้โจมตีระดับเต่ก็ยังไม่เผยตัว

 

แต่ทว่า สุดท้ายเขาก็รู้สึกว่าเขาชนทางัน

 

เขาไม่อาจพัฒนาได้ต่อ..

 

ห่วงโซ่ลําดับเทพที่ดูง่ายมากสําหรับเขากลับเหมือนโดนเข้ารหัสไว้แล้ว

 

หลินฮวงพยายามอีกสิบครั้ง แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง

 

“บางทีนี่คงเป็นขีดจํากัดก่อนจะก้าวเข้าสู่ระดับเต่า”

 

อย่างช่วยไม่ได้ หลินฮวงทําได้แค่หยุดพักไว้แค่นี้และส่ายหัว“ระยะเวลาของการปิดประตูบ่มเพาะครั้งนี้นานเกินไปแล้ว มันได้เวลาออกไปแล้ว”