บทที่ 461 การอพยพจากมิติภูเขารัตติกาล

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 461 การอพยพจากมิติภูเขารัตติกาล
“พระเจ้าแห่งไอน้ำผู้ทรงอำนาจ เจ้าแห่งชีวิต และความตาย ข้าออกัสตุสผู้รับใช้ผู้ศรัทธาของพระองค์ ข้าขอสวดอ้อนวอนต่อพระองค์”

“…ภายใต้การนำของพระองค์ เราได้เผยแพร่ความดีงามของพระองค์ไปทั่วดินแดนแห่งวลาด แผ่ไปยังปราสาทของแวมไพร์ระดับกลางทั้งหมด ตอนนี้เรามีพี่น้องคนแคระสองหมื่นสามพันเจ็ดร้อยแปดสิบหกคนร่วมสวดภาวนาในนามของพระองค์ และปฏิบัติตามพระวจนะของพระองค์…”

“…พี่น้องสองพันหกร้อยเก้าคนของเราได้อุทิศชีวิตเพื่อต่อสู้กับแวมไพร์ และข้ารับใช้โลหิต การกระทำของเราเสี่ยงอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ และยังเป็นเป้าหมายของแวมไพร์ระดับสูงมากขึ้น…”

“ข้าต้องการคำแนะนำจากพระวจนะ ขอความเมตตาจากพระวจนะต่อเหล่าคนแคระผู้ศรัทธาในพระวจนะ ขอความช่วยเหลือในการทำลายโซ่ตรวนที่พันธนาการพวกเรา และเพื่อดำเนินชีวิตใหม่ที่ห่างไกลจาก ‘มิติภูเขารัตติกาล’…”

“ไอน้ำจงเจริญ”

รูปปั้นศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้าออกัสตุสดูแปลกตามาก รูปปั้นมีรูปร่างทรงกลม มีกรวยคล้ายหอคอยสลักด้วยลวดลายแปลกๆ นับไม่ถ้วน คนแคระเหล่านี้สร้างรูปปั้นขึ้นตามอาวุธทำลายล้างที่ทรงพลังที่พวกเขาเห็นในแอตแลนติส

ในสายตาของลูเซียน พวกเขากำลังภาวนาให้กับระเบิดนิวเคลียร์

ออกัสตุสก้มกราบลงบนพื้นดิน และภาวนาด้วยสุดขั้วหัวใจ นับเป็นเวลากว่าสามปีแล้วที่ ‘พระเจ้าแห่งไอน้ำ’ ไม่ได้ให้บอกอะไรกับพวกเขาอีกเลย แต่ความเชื่อของเขายังคงอยู่ ออกัสตุสมองว่านี่เป็นการพิสูจน์ความพยายามของพวกเขา

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่กังวล เมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากท่านหญิงเทสส์เสียชีวิต และเคานต์วลาดก็เข้าสู่การหลับไหล ทำให้กองกำลัง ‘กบฏของคนแคระ’ เติบโตขยายตัวมากยิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และอย่างง่ายดาย พวกเขามีความรู้และได้เข้าควบคุมเหมืองและโรงเหล็กบางส่วน ดังนั้นอาวุธและชุดเกราะของพวกเขาจึงได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ปืนไรเฟิลไอน้ำแรงดันสูง กระสุนสังหารแวมไพร์ จดหมายลูกโซ่ผสมมิธริลซึ่งใช้ได้ผลกับกรงเล็บของแวมไพร์ และในที่สุดก็ทำให้พวกเขาสามารถสู้กลับได้

แม้ว่าพวกเขาจะเริ่มมีผู้ศรัทธามากขึ้น แต่เมื่อไปถึงดินแดนของแวมไพร์ระดับกลางที่อยู่ไม่ไกล สถานการณ์การต่อสู้ก็รุนแรงขึ้นทันที พวกเขาต้องใช้ชีวิตของคนแคระกว่าร้อยคนในการเข้าต่อสู้ และทำให้พวกแวมไพร์ระดับกลางถอยกลับไป แม้แต่กระสุนระเบิดที่พวกเขาประดิษฐ์ขึ้นในภายหลังที่จะทำให้พลังของพวกเขาไม่แตกต่างกันกับแวมไพร์ก็ยังทำงานได้ไม่ดีนัก

ตามที่ ฮาโรลด์ และอไควนัส กล่าว ความหวังเดียวของพวกเขาคือการสร้างเรือรบขนาดใหญ่จาก ‘อารยธรรมไอน้ำโบราณ’ เพราะมันจะมีประสิทธิภาพมากพอที่จะสังหารแวมไพร์ระดับกลาง

“แต่จากความรู้ และเทคนิคที่เรามี มันไม่เพียงพอที่จะทำให้เราสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาได้…” หัวหน้าอไควนัส ผู้นำ ‘กบฏคนแคระ’ กล่าวในการประชุมอย่างสิ้นหวัง

ผู้นำออกัสตุสกล่าวด้วยความกังวลใจยิ่งขึ้น “ตอนนี้เรากำลังต่อสู้กับแวมไพร์ระดับกลางเท่านั้น ถ้าแวมไพร์ระดับสูงตื่นขึ้นมา หรือถ้าเคานต์วลาดตื่นขึ้นมา… แม้แต่เรือรบก็ไร้ประโยชน์ เว้นแต่ว่า…”

ออกัสตุสยังพูดไม่จบ แต่คนฟังก็เข้าใจในทันทีกับสิ่งที่ออกัสตุสกำลังจะบอกนั้นหมายถึง อาวุธที่ดีที่สุดที่พวกเขาเห็นในแอตแลนติส อาวุธที่มีพลังเพียงพอที่จะสร้างดวงอาทิตย์ดวงใหม่ขึ้นชั่วคราว และทำลาย ‘มิติภูเขารัตติกาล’ ทั้งหมด

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้คำภาวนาของออกัสตุสก็ยิ่งจริงจังมากขึ้น ออกัสตุสเชื่อว่าพระเจ้าของพวกเขากำลังทดสอบพวกเขาอยู่

“พระองค์ครอบครองทุกชีวิต และความตาย พระองค์คือกษัตริย์เหนือกษัตริย์ พระเจ้าที่อยู่เหนือพระเจ้าทั้งปวง”

เมื่อจบคำภาวนาของออกัสตุส ขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นยืน เขาก็ได้ยินเสียงอันทรงพลังจากที่ห่างไกล เข้าสู่ภายในสมองของเขา

“อนาคตมาถึงแล้ว นำทุกคน และแนะนำผู้คนของเจ้าไปสู่ชีวิตใหม่”

ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นทันที ออกัสตุสตัวสั่นด้วยความดีใจ เขาพึมพำคำพูดด้วยความดีใจ “ในนามของพระองค์ ตามแต่พระองค์จะประสงค์”

เขาเห็นแสงจ้าส่องสว่างต่อหน้าต่อตาทำให้ถ้ำใต้ดินทั้งหมดสว่างไสวขึ้น แสงนี้เป็นภาพลวงตาที่เกิดจากความดีใจของเขา

หลังจากเขาสงบลงเล็กน้อย ออกัสตุสก็ถามอย่างนอบน้อมว่า “พระเจ้าแห่งไอน้ำผู้ทรงอำนาจ ข้าจะนำพวกเขาออกจาก ‘มิติภูเขารัตติกาล’ ได้อย่างไร”

แม้ว่านิทานจะเล่าสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคนว่าบรรพบุรุษของคนแคระมาจากที่อื่น แต่ออกัสตุสก็ไม่รู้ว่าจะออกจาก ‘มิติภูเขารัตติกาล’ ได้อย่างไร

“ทำตามที่ข้าบอก อย่าถามหาเหตุผล”

“เราจะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์ ขอให้เราหลุดพ้นจากความเจ็บปวด และความทุกข์ทรมานภายใต้คำอวยพร และรัศมีของพระองค์” ออกัสตุส กล่าวพร้อมทั้งก้มศีรษะของเขาลงอย่างสุดซึ้ง

จากนั้นเขาก็เดินออกจากแท่นบูชา และเปิดประตูด้วยจิตวิญญาณอันฮึกเหิม เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขาร้องตะโกนต่อหน้าคนแคระ

“ทุกคนจงฟัง! เหล่าคนแคระทุกคนที่อุทิศให้กับ ‘พระเจ้าแห่งไอน้ำ’ เราจะมารวมตัวกันในอีกสามวัน! พระเจ้าแห่งไอน้ำผู้ทรงอำนาจได้ประทานคำพูดแก่เรา ‘เราจะออกจาก ‘มิติภูเขารัตติกาล’ ในยามค่ำคืน!’”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ภายใต้การนำของสาวน้อยคนแคระ เมอร์นา ทุกคนก็ร้องไห้ออกมาดังลั่น

“ไอน้ำจงเจริญ!”

น้ำตาแห่งความสุขไหลอาบใบหน้าของพวกเขา

สามวันต่อมา

ในถ้ำใต้ดินขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของเคานต์วลาด ที่นี่มีคนแคระเกือบสองหมื่นคนมารวมตัวกัน

พวกเขาบางคนแบกเป้พลังไอน้ำแรงดันสูง และถือปืนไรเฟิลไอน้ำขนาดใหญ่เฝ้าทางเข้าถ้ำใต้ดินที่เชื่อมถึงกันในขณะที่บางคนสวมเพียงชุดผ้าขาดๆ และร่างกายของพวกเขาก็มีบาดแผลจากการฟาดฟัน อย่างไรก็ตามพวกเขามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั้นคือดวงตาของพวกเขาส่องประกายด้วยความหวังอันสดใส

“ถึงเวลาแล้ว ข้ามีกำลังใจมากที่มีพวกเราทุกคนที่นี่ ความจงรักภักดีของเจ้าสมควรได้รับการอวยพร” ออกัสตุสสวมชุดคลุมของคนแคระ และถือไม้เท้าที่มีรูปร่างคล้ายขีปนาวุธจรวดเดินผ่านฝูงชน “และข้า ออกัสตุส ผู้แทนพระวจนะของพระเจ้าบนพื้นดิน จะเป็นผู้นำในการพาทุกคนเดินไปข้างหน้า

“ระหว่างทางเราจะไม่มีความกลัว และความลังเลอีกต่อไปไม่ว่าอะไรจะรอเราอยู่ข้างหน้า เพราะเรามีคำอวยพร!”

“ได้เวลาออกเดินทางแล้ว!”

“ไอน้ำจงเจริญ!” เหล่าคนแคระตะโกนพร้อมกัน

การรวมกลุ่มของพวกคนแคระทำตามคำสั่งในหนังสือการฝึกทหารที่ ‘พระเจ้าแห่งไอน้ำ’ ทิ้งไว้ให้พวกเขา และเดินไปในถ้ำใต้ดินอย่างเงียบๆ

พวกเขาทั้งหมดเข้าใจว่า การอยู่ใน ‘มิติภูเขารัตติกาล’ หมายถึงความตาย และความอัปยศเท่านั้น การเสด็จมาของ ‘พระเจ้าแห่งไอน้ำ’ ทำให้พวกเขามีความศรัทธาเพียงอย่างเดียวในความมืดที่ไร้ขอบเขต ตาย หรือต่อสู้ และพวกเขาเลือกที่จะต่อสู้ แม้ว่าพวกเขาจะกลัวแค่ไหนก็ตาม

พวกเขาเดินผ่านถ้ำที่มีทางยกระดับ และมีหลุมฝังศพจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่ด้านข้าง

“ที่นี่คือที่หลับใหลเหล่าวีรบุรุษของพวกเรา พวกเขาตายเพื่ออิสรภาพของพวกเรา พวกเขาบางคนเป็นนักรบ และบางคนเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปที่ยอมตายเพื่อปกป้องพวกเรา ในช่วงเวลานี้เองที่จะตัดสินความเป็นหรือความตายของพวกเราเหล่าคนแคระ พวกเราทุกคนคือวีรบุรุษ!” ออกัสตุสกล่าวด้วยความเคารพอย่างสูงในขณะที่นำกองทัพไปคำนับผู้ตาย

หลุมฝังศพสองพันหกร้อยเก้าแห่งเฝ้าดูพวกเขาเดินไปข้างหน้า และบรรยากาศก็ค่อนข้างเคร่งขรึม ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องอันแหลมคมก็ดังเข้ามาจากด้านหลังในความเงียบ แวมไพร์ระดับสูงสองสามคนนำแวมไพร์ระดับล่างเจ็ดถึงแปดคนมาไล่ล่าพวกเขาในอากาศ!

“นั้นคือ สเนลสัน!” คนแคระกรีดร้อง “พวกเขาอยู่ที่นี่!”

สเนลสัน เป็นอัศวินแวมไพร์ระดับห้าที่ได้สังหารคนแคระไปหลายร้อยคน

ใครทรยศพวกเขา?

เป็นเพราะแวมไพร์ได้จับคนแคระไประหว่างทางหรือเปล่า?

ความตื่นตระหนก และความสิ้นหวังแผ่กระจายออกไป คนแคระรู้ดีว่าแวมไพร์เหล่านั้นทรงพลังเพียงใด เพราะว่าแวมไพร์พวกนี้เข้าใกล้ระดับสูงมากแล้ว ในสถานที่แออัดเช่นนี้หลายคนต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

ฮาโรลด์หยุดก้าวเดิน เขามองไปที่พี่น้องของเขาที่กรีดร้องอย่างทำอะไรไม่ถูก และรีบวิ่งหนีไป เขาถ่มน้ำลายลงบนพื้น ตัดสินใจในชั่วเสี้ยววินาที และสั่งว่า

“นักรบจาก ‘อัศวินจักรกล’ จงก้าวออกมาข้างหน้า! เราตายเพื่อ ‘พระเจ้าแห่งไอน้ำ’! ถึงเวลาที่เราต้องทุ่มเททุกอย่างเพื่อพี่น้องของเรา!”

เวรเอ้ย! พวกเขายอมยืนตายมากกว่าที่จะตายอย่างไร้ประโยชน์

ในขณะนั้นเอง ที่พวกเขาได้เอาชนะความกลัวตาย

เหล่านักรบก็กลัวเช่นกัน ในขณะที่บางคนยังคงยืนหยัดด้วยความมุ่งมั่นอย่างมาก พวกเขาถือปืนไรเฟิลขนาดใหญ่ไว้ในมือพวกเขา พวกเขายิงอย่างสุดความสามารถ แต่กระสุนก็ไปโดนแวมไพร์ระดับต่ำที่คำรามด้วยความเจ็บปวด และกลิ้งไปมาบนพื้น

ในขณะที่ฮาโรลด์ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เสียงของออกัสตุสก็ดังขึ้น

“ระหว่างทางเราจะไม่มีความกลัว และความลังเลอีกต่อไปไม่ว่าอะไรจะรอเราอยู่ข้างหน้า เพราะเรามีคำอวยพร!”

“ถืออาวุธของเจ้าก้าวต่อไป! เรามีคำอวยพร!”

นั้นคือคำสั่ง!

ฮาโรลด์ไม่เข้าใจ หากพวกเขายังขืนสู้ต่อไปก็อาจจะยังมีความหวัง ในขณะเดียวกันพวกเขาก็จะตายทั้งหมดหากทำตามคำสั่ง แต่แววตาที่จริงจังของออกัสตุสก็ทำให้ไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งได้

“ทั้งหมดเดินหน้าต่อไป!” ฮาโรลด์ต้องเชื่อฟังคำสั่ง

คนแคระเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ด้วยความหวาดกลัว

ทันใดนั้นหลุมฝังศพรอบๆก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เหล่าคนแคระที่ตายไปแล้วเริ่มปีนออกมาจากหลุม มีทั้งที่เป็นกระดูกทั้งหมด และบางส่วนที่เริ่มเปื่อยเน่า

ตอนแรกพวกเขาคิดว่าเป็นพวกแวมไพร์ที่กำลังเชิดศพ อย่างไรก็ตามหลุมฝังศพกว่าสองพันแห่งก็เริ่มขยับ และศพกว่าสองพันศพก็ลุกขึ้นมาทีละคน ในขณะที่โลกแห่งความตายบังเกิดขึ้น

ท่ามกลางความเงียบ ศพจำนวนมากก็พุ่งเข้าหาแวมไพร์ แล้วจากนั้นก็

ตู้ม ตู้ม พวกเขาก็ระเบิด

พวกเขายังคงปกป้องผู้คนของตนเองแม้ว่าจะตายไปแล้วใช่หรือไม่?

พวกเขายังยึดมั่นกับความหวังในอิสรภาพใช่หรือไม่?

คนแคระจำได้ทันทีว่าอีกชื่อของ ‘พระเจ้าแห่งไอน้ำ’ คือ ‘เจ้าแห่งชีวิต และความตาย’

ฮาโรลด์น้ำตาคลอเบ้าเมื่อมองไปที่คนแคระที่ตายไปแล้วระเบิดตัวเองไปพร้อมกับแวมไพร์ และกำปั้นของเขาก็บีบกันแน่นขึ้น เขาจะต้องทำความฝันที่วีรบุรุษเหล่านั้นทิ้งไว้ให้สำเร็จ พวกเขาต้องปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสรภาพ!

นี่เป็นความเชื่ออันแข็งแกร่งกว่าหมื่นปีของเหล่าคนแคระ!

ฮาโรลด์ยกแขนขึ้น และตะโกนว่า “ไอน้ำจงเจริญ! เดินต่อไป!”

เมื่อผ่านสุสานคนแคระ และออกจากถ้ำใต้ดินได้แล้ว พวกเขาก็เห็นก้อนหินขนาดยักษ์อยู่ตรงหน้าพวกเขา

จากกระแสรับสั่งของ ‘พระเจ้าแห่งไอน้ำ’ ออกัสตุสได้เปิดประตูวังใต้ดิน เขาเดินนำกองทัพเข้าไป และเห็นประตูลึกลับตรงกลางห้องโถงที่มีแสงของดวงดาวส่องสว่าง

“เบื้องหลังประตูคือโลกใหม่ โลกแห่งการไถ่บาป” ออกัสตุสชี้ไปที่ประตู “ถ้าเจ้าตัดสินใจได้แล้วก็เดินเข้าไปได้”

ในขณะนี้ไม่มีใครลังเลอีกต่อไป ภายใต้การนำฮาโรลด์ เหล่าคนแคระเดินผ่านประตู และหายตัวไปในนั้น พื้นถึงกับสั่นสะเทือนเพราะการเคลื่อนย้ายเทเลพอร์ต ในตอนนี้ไม่มีเจ้าชายแวมไพร์คนใดอยู่ที่นี่บน ‘มิติภูเขารัตติกาล’ ในขณะที่พวกเขาทั้งหมดกำลังวิ่งไปยังดินแดนของ ‘บรรพบุรุษต้นกำเนิด’ ไม่ใช่แวมไพร์ระดับสูงทุกคนที่จะมีความรู้สึกไวแวมไพร์ระดับสูงเพียงคนเดียวที่อยู่ใกล้ๆ คือเคานต์วลาดที่ยังคงพยายามออกจากกับดักด้วยความโกรธเกรี้ยว

เมื่อเหลือเพียงสมาชิกของ ‘อัศวินจักรกล’ ในที่สุด สเนลสัน และแวมไพร์ที่เหลือก็สามารถกำจัดคนแคระที่ตายแล้วและตามมาถึงได้ทัน

“เราจะทำอย่างไรดี?” เหล่านักรบต่างมองตากัน บางคนก็พร้อมที่จะเข้าขัดขวางเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาส่วนใหญ่สามารถออกไปได้

ฮาโรลด์วางมือบนหน้าอกของเขาแล้วพูดว่า “อย่าไปกลัว อย่าหยุด”

ทันทีที่เขาพูดจบเหรียญเงินแวววาวก็ปรากฏขึ้นเหนือประตู และกลิ้งขึ้นไปด้านบน

ในขณะที่เหรียญกลิ้ง ก็เกิดสนามแม่เหล็กที่บิดเบี้ยว และมีกระแสไฟฟ้าสีเงินปรากฏขึ้นโดยรอบ พวกมันบิด และพันรอบเหรียญกลายเป็นงูยักษ์ขนาดใหญ่จากกระแสไฟฟ้า

ดวงตาสีแดงสดของสเนลสันเบิกกว้างด้วยความกลัวอย่างมาก ในขณะที่เขามองดูสายฟ้าที่ปรากฏเต็มห้องโถง

พลังอันน่าสยดสยองกลืนกินแวมไพร์อย่างรวดเร็ว ไม่มีโอกาสให้พวกเขาได้วิ่งหนี